1 แต้มของ ลิเวอร์พูล ที่มาจากเกมที่เสมอกับ คริสตัล พาเลซ ไปด้วยสกอร์ 0-0 ในศึก พรีเมียร์ลีก เมื่อคืนนี้ ได้ฉายอีกภาพหนึ่งให้เราได้เห็นอย่างชัดเจน หลังจากการโดนยำใหญ่ใส่สารพัดโดย เรอัล มาดริด ที่สนาม แอนฟิลด์ เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
ย้อนกลับไปที่เกม ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายเลกแรก หงส์แดง ลงเล่นด้วยความเชื่อมั่น เพราะพวกเขาเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางจากการเก็บ 6 คะแนนเต็มจาก 2 เกมก่อนหน้านั้นกับ เอฟเวอร์ตัน และ นิวคาสเซิล ซึ่งทั้งคู่ถือเป็นคู่แข่งสำคัญ ทั้งในเรื่องของการเป็นทีมร่วมเมืองและอีกหนึ่งคือทีมที่ลุ้นท็อปโฟร์กันในซีซันนี้
จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนมองว่าชัยชนะทั้ง 2 เกมอาจถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของฤดูกาลที่จะทำให้ ลิเวอร์พูล กลับมาสู่เส้นทางที่ควรจะเป็นหลังจากที่หลงทางมาเป็นเวลานาน
เมื่อมาเจอกับของแข็งอย่าง เรอัล มาดริด และผลการแข่งขันที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนว่าจะทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ กลับสู่โลกความจริงอีกครั้ง และสิ่งนี้ก็ส่งผลต่อการลงเล่นที่ เซลเฮิร์ส ปาร์ค เมื่อคืนนี้ด้วย
ในแม็ตช์นี้ คล็อปป์ จัดการเปลี่ยนแปลงแผงกองกลาง โดยดร็อป สเตฟาน บายจ์เซติช ไว้ข้างสนาม ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้องเพราะเด็ก 18 ปีควรจะมีระยะห่างในการเล่นบ้าง การต้องเจอกับแรงกดดันทุก ๆ สัปดาห์อาจทำให้เป๋จนกู่ไม่กลับได้ โดยส่ง นาบี เกอิต้า ลงเล่นแทน อีกตำแหน่งเป็น เจมส์ มิลเนอร์ แทนที่ ฟาบินโญ ในขณะที่ตรงเซ็นเตอร์ โจ โกเมซ มีอาการบาดเจ็บจึงเป็นโอกาสของ โจเอล มาติป ลงเล่นเป็นคู่ขาของ เวอร์จิล ฟาน ไดค์
![เจมส์ มิลเนอร์ - แอนดี้ โรเบิร์ตสัน](https://redzonelfc.com/wp-content/uploads/2023/02/เจมส์-มิลเนอร์-โรเบิร์ตสัน.webp)
ในแดนหน้า ดาร์วิน นูนเญซ ต้องไปรักษาอาการบาดเจ็บที่ไหล่ โดยให้ ดิโอโก้ โชต้า ลงสนามประจำการริมเส้นฝั่งซ้าย นอกจากคือชุดเดิมจากที่แพ้ให้กับ เรอัล มาดริด เมื่อกลางสัปดาห์
รูปเกมโดยรวมแล้วดูเหมือน ลิเวอร์พูล จะทำได้ดีกว่า ครองบอลเยอะกว่า มีโอกาสเข้าทำมากกว่า จำนวนการยิงประตูมากกว่า แต่ในอีกมุมหนึ่งสถิติการทำฟาวล์ก็มากกว่าด้วย โดนใบเหลืองเยอะกว่า รวมทั้งยังมีความผิดพลาดส่วนบุคคลจากแดนหลังให้เห็นเป็นระยะ โชคดีที่กองหน้า พาเลซ ไม่สามารถเปลี่ยนโอกาสส้มหล่นเหล่านั้นเป็นประตูได้
หากมองในแง่ดี ผลเสมอครั้งนี้คือการที่ หงส์แดง สามารถเก็บคลีนชีตได้เป็นนัดที่ 3 ติดต่อกันเฉพาะใน พรีเมียร์ลีก ทรงบอลก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ขาดแค่ความเฉียบขาดในการทำประตูเท่านั้น เยอร์เก้น คล็อปป์ เองยังยอมรับว่ามันเป็นผลที่ดี เพราะอย่างน้อยก็ไม่แพ้
แต่ในอีกมุม เกมนี้ก็ทำให้นายใหญ่ชาวเยอรมันได้มองเห็นอีกครั้งว่า นักเตะที่มีอยู่ในมือของเขานั้นยังไม่ดีพอที่จะลุ้นท็อปโฟร์ โดยเฉพาะพวกแข้งสำรองที่ถูกส่งลงสนามเป็นตัวจริงเมื่อคืนนี้ หลายคนหมดสภาพ หลายคนไม่เหมาะที่จะออกสตาร์ทตั้งแต่นาทีแรกด้วยซ้ำ
หลังจบเกมเสียงวิจารณ์จากหลาย ๆ เว็บไซต์และบรรดากูรูต่างพุ่งไปที่ โจเอล มาติป, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ นาบี เกอิต้า พวกเขาเหล่านี้ถูกมองว่าไม่ควรจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริง เพราะไม่สามารถทดแทนการหายไปของผู้เล่นตัวหลัก หรืออย่างน้อยแค่รักษามาตรฐานการเล่นและรูปเกมเอาไว้ก็ยังไม่สามารถทำได้
![โจเอล มาติป](https://redzonelfc.com/wp-content/uploads/2023/02/โจเอล-มาติป.webp)
แต่ในเมื่อทรัพยากรในมือผู้จัดการทีมมีเท่านี้ อีกทั้งยังมีโปรแกรมกลางสัปดาห์รออยู่ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องโรเทชั่นและให้โอกาส
คนที่โดนหนักที่สุดเห็นจะเป็น นาบี เกอิต้า หรือ “ท่าน ผ.อ.โรงพยาบาล” ที่แฟนบอลพากันสงสัยเหลือเกินว่า ทำไมถึงมีข่าวออกมาอยู่เรื่อย ๆ ว่า ลิเวอร์พูล อยากจะต่อสัญญานักหนา ทั้ง ๆ ที่ในช่วงที่ผ่านมาเจ้าตัวไม่เคยพิสูจน์ให้เห็นเลยว่า คุ้มค่าพอที่จะได้รับข้อเสนอและเพิ่มเงินค่าเหนื่อยเพื่อให้อยู่กับทีมไปนาน ๆ
สถิติของแข้งกีนีในเกมนี้น่าเป็นห่วงมาก เขาแพ้การดวลตัวต่อตัวกับคู่แข่งถึง 10 ครั้ง ซึ่งมากที่สุดในสนาม โดยเอาชนะได้เพียง 2 ครั้ง และเป็นคนที่เสียการครองบอลมากที่สุด 3 ครั้ง แถมยังได้ใบเหลืองตั้งแต่ต้นเกม จนทำให้ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงครึ่งหลัง
นี่ถือเป็นสัญญาณที่บอกกับ คล็อปป์ ว่าเวลาของ เกอิต้า กับ ลิเวอร์พูล ค่อย ๆ หมดลงไปทุกที แข้งรายนี้ไม่เคยทำให้แฟนบอลเชื่อมั่นได้เลยว่าเขาคือที่พึ่งยามที่นักเตะตัวหลักได้รับบาดเจ็บ แม้สถิติเมื่อฤดูกาลที่แล้วจะบ่งบอกว่าเขาคือนักเตะที่ทำผลงานได้ดีคนหนึ่งในแผงมิดฟิลด์และมีส่วนกับเกมสำคัญ ๆ มาแล้วก็ตาม
![นาบี เกอิต้า](https://redzonelfc.com/wp-content/uploads/2023/02/นาบี-เกอิต้า.webp)
ในขณะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน นั้นก็ถูกมองว่าถึงเวลาที่ต้องถอยไปเป็นแบ็คอัพอย่างเต็มตัวเสียที โดยเฉพาะช็อตที่ทำให้แฟนบอลต้องเกาหัว ในจังหวะที่เขาไปขวางลูกฟรีคิกของ เทรนท์ อาร์โนลด์ ซึ่งถ้ามองจากวิถีบอลแล้วมีสิทธิลุ้นเป็นประตูได้ไม่น้อย แต่ดันมาโดนกัปตันทีมของตัวเองขวางทางเอาไว้ซะงั้น เล่นเอาเพื่อนร่วมทีมต่างกุมหัวด้วยความเสียดาย
ว่ากันว่าช็อตนี้ สามารถสะท้อนให้เห็นถึงสภาพภายในทีมปัจจุบันของ ลิเวอร์พูล ได้เป็นอย่างดี และ เฮนโด้ เองก็ไม่ได้อยู่ในช่วงที่ยอดเยี่ยมอีกต่อไปแล้ว
ส่วน มาติป นั้นก็เป็นไปตามมาตรฐาน คือฤดูกาลนี้เขาเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานอยู่แล้ว การเล่นในเกมนี้ก็เลยไม่ได้มีอะไรที่น่าแปลกใจ เจ้าตัวมีจังหวะผิดพลาดให้เห็นแทบทุกเกม ซึ่งเชื่อว่าหลังจบฤดูกาลก็อาจจะอยู่ในลิสต์รายชื่อของนักเตะที่จะต้องย้ายออกเหมือนกัน
จริง ๆ แล้วการโยนความผิดให้กับผู้เล่นเหล่านี้ก็อาจไม่ใช่เรื่องที่แฟร์นัก เพราะภาพรวมของทีมในฤดูกาลนี้มันลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาตลอด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันสะท้อนให้เห็นว่า หากคุณต้องการกลับสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง นี่คือสิ่งที่ต้องพิจารณาในช่วงซัมเมอร์
![](https://redzonelfc.com/wp-content/uploads/2023/02/ฟรีคิกของลิเวอร์พูล.webp)
ถ้าเกมกับ มาดริด บอกกับ คล็อปป์ ว่าตัวจริงที่มีอยู่ยังไม่ถึงชั้นที่จะเล่นในระดับยุโรป เกมที่เสมอกับ พาเลซ ก็บอกกับเขาว่าตัวสำรองก็ไม่อยู่ในมาตรฐานที่จะช่วยทีมในการลุ้นทำอันดับใน พรีเมียร์ลีก ได้เหมือนกัน
ที่นายใหญ่ หงส์แดง ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมว่า ลิเวอร์พูล จะต้องมีการเปลี่ยนแปงครั้งใหญ่ในช่วงซัมเมอร์ อาจจะไม่ได้หมายความแค่การควานหาผู้เล่นตัวหลักเท่านั้น แต่ต้องรวมไปถึงการมีขุมกำลังเชิงลึกที่สามารถทดแทนกันได้หากต้องการลุ้นความสำเร็จในระยะยาว
แต่ปัญหาในเวลานี้ก็คือ 15 นัดที่เหลืออยู่ คล็อปป์ จะกระตุ้นและเรียกความเชื่อมั่นของนักเตะที่เหลือให้กลับมาได้อย่างไร คงต้องช่วยกันลุ้นอย่างหนักเลยทีเดียว.