คล็อปป์’ กับภารกิจหลังผ่านตลาดหน้าหนาวที่แสนจะวังเวง

เยอร์เก้น คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า จะไม่มีนักเตะคนใหม่เข้าทีมแล้วในตลาดหน้าหนาวนี้ หลังเกมบุกไปพ่ายให้กับ ไบรท์ตัน ในศึกเอฟเอคัพ รอบ 4

ฝั่งของผู้บริหารอย่าง FSG กลับดูลอยตัว ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ เลย และไม่แปลกที่แฟนหงส์แดงจะคิดว่า ‘คงต้องพึ่งพากึ๋นของ คล็อปป์ อย่างเดียวแล้ว’

การไม่มีกองกลางคนใหม่เดินเข้าถิ่น แอนฟิลด์ ในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายเดือนมกราคม ถือเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังของ ลิเวอร์พูล ในขณะที่สถานการณ์ของทีมนั้น กำลังต้องการใครซักคนที่จะเข้ามายกระดับฟอร์มการเล่นเพื่อพาพวกเขากลับมามีลุ้นในการติดท็อปโฟร์และคว้าโควต้า ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้าให้ได้

ระยะห่าง 10 คะแนนที่ตามหลังทีมอันดับ 4 อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถ้ามองอีก 19 เกมที่เหลือก็ไม่น่าจะหนักหนาสาหัสอะไร แต่หากเทียบจากฟอร์มการเล่นของพวกเขาเองกับบรรดาทีมที่มีลุ้นในเวลานี้ บอกเลยว่ามันยากยิ่งกว่ายากเป็น 100 เท่า

ผลการแข่งขันล่าสุดในเกม เอฟเอคัพ กับ ไบรท์ตัน แม้จะมีทิศทางที่น่าพอใจขึ้นบ้าง แต่โดยภาพรวมแล้ว ลิเวอร์พูล ยังต้องการใครซักคนในการช่วยทำให้พวกเขากลับมาเล่นได้อย่างดุดัน อันตราย และเหนียวแน่นเหมือนที่เคยเป็นมา แต่พวกเขาก็โยนโอกาสนั้นทิ้งไปเป็นที่เรียบร้อยหลังปิดตลาดหน้าหนาวไปเมื่อเช้าตรู่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ตามเวลาในบ้านเรา

คำถามต่อมาคือแล้วจากนี้ไป ู้จัดการทีมจะต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะทำให้ หงส์แดง ตัวนี้กลับมาผงาด หรือ เอาแค่ฟอร์มดีขึ้นกว่าเดิมในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง

คำตอบที่ได้มี 2 ประเด็นใหญ่ ๆ คือ ทำในสิ่งที่สามารถลงมือทำได้และทำได้แค่รอ

คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์
เยอร์เก้น คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์
หลังเกมบุกไปพ่าย ไบรท์ตัน

การทำในสิ่งที่ทำได้ก็คือ การเคี่ยวเข็นและฝึกซ้อมกันอย่างหนัก เพื่อให้ทีมที่มีอยู่เข้าที่เข้าทางและเล่นในแนวทางที่ผู้จัดการทีมต้องการ แม้ว่าศักยภาพโดยรวมอาจจะด้อยกว่าทีมชุดซีซันก่อนที่ลุ้นถึง 4 แชมป์ แต่เมื่อของที่มีอยู่ในมือมีแค่นี้ ก็ต้องทำไปเท่าที่มี

เยอร์เก้น คล็อปป์ พยายามปรับเปลี่ยนแท็คติกและรูปแบบการเล่นมาตลอดเพื่อรองรับปัญหานักเตะได้รับบาดเจ็บ เขาให้ทีมเล่นทั้ง 4-3-3, 4-2-3-1 4-4-2 และ 4-1-2-1-2 หรือระบบไดม่อนมาแล้ว ผลที่ออกมาก็ดีบ้างแย่บ้างแล้วแต่นัด แต่ส่วนใหญ่ดูไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จซักเท่าไหร่ จนในช่วงหลังเจ้าตัวกลับมาใช้ระบบเดิมอย่าง 4-3-3 โดยมีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นในแดนกลางเป็นหลัก

เข้าใจได้ว่าช่วงครึ่งฤดูกาลแรกสถานการณ์อาจจะยังไม่ได้เลวร้ายมากนัก 4-5 เกมแรกหลาย ๆ ทีมก็ยังคงไม่เข้าที่เข้าทาง คล็อปป์ ก็รู้ว่าเขามีเวลาในการทดลองระบบต่าง ๆ ในช่วงนี้ พรhอมกับปัญหาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเราจึงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอยู่แทบทุกเกม

หากแต่เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางซีซันที่หลาย ๆ ทีมเริ่มจับจุดของตัวเองได้ เล่นกันได้เข้าขามากขึ้น พวกเขาเหล่านั้นก็พุ่งทะยานเก็บแต้มกันเป็นว่าเล่น ต่างจาก ลิเวอร์พูล เองที่ยังคงขึ้น ๆ ลง ๆ จนมาถึงช่วง 3-4 นัดหลังสุดที่อดีตกุนซือ ดอร์ทมุนด์ ตัดสินใจว่าเขาจะ Back to basic ด้วยการกลับมาใช้ระบบเดิมและหาผู้เล่นที่สามารถเล่นเข้ากับระบบนี้ได้มาเล่นแทน

ฟาบินโญ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จึงโดนลงดาบเป็นพวกแรก ๆ และโอกาสของ สเตฟาน บายจ์เซติช และ นาบี เกอิต้า ก็มาถึง ซึ่งพวกเขาก็ทำผลงานได้น่าประทับใจในระดับหนึ่งและดูดีมีอนาคตทีเดียว, ดูไปแล้ว คล็อปป์ น่าจะให้โอกาสไปเรื่อย ๆ จนกว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง

บายจ์เซติซ - ติอาโก้ - เกอิต้า
3 มิดฟิลด์ตัวจริง ในช่วง 2-3 เกมที่ผ่านมา

ในแดนหน้า โคดี้ กัคโป ซึ่งเป็นคนเดียวที่ย้ายมาร่วมทีมในตลาดมกราคมก็กำลังอยู่ในช่วงของการทำความเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงรอบตัว แต่เราก็ได้เห็นศักยภาพของนักเตะมากขึ้น ทั้งการพาบอลไปเอง การพักบอล และการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่บอสใหญ่ต้องการจากแข้งดัตช์ ส่วนคนอื่น ๆ ที่ได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องคือพวกที่ทำผลงานได้ตามมาตรฐานมากที่สุดในเวลานี้

เชื่อว่า แม้นายใหญ่ชาวเยอรมันอยากจะได้ผู้เล่นคนใหม่ในตลาดมกราคมมากขนาดไหน แต่ในเมื่อสถานภาพของสโมสรไม่เอื้ออำนวย เขาก็ต้องพยายามแสดงฝีมืออย่างเต็มที่กับสิ่งที่มีอยู่ เพื่อผ่านวิกฤติอันเลวร้ายนี้ไปให้ได้

ในขณะเดียวกันสิ่งที่ทำได้แค่รอก็คือ ผู้เล่นตัวหลักที่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็น หลุยส์ ดิอาซ, ดิโอโก้ โชต้า, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน และรายล่าสุดอย่าง อิบราฮิมา โคนาเต้ โดยทั้งหมดนี้ คาดว่าจะกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันภายในเดือนกุมภาพันธ์ และหวังให้ผู้เล่นเหล่านี้คืนฟอร์มเพื่อยกระดับผลงานของทีมได้โดยเร็วด้วย

เยอร์เก้น คล็อปป์

เข้าใจว่าการนั่งดูข่าวทีมอย่าง อาร์เซนอล, เชลซี, สเปอร์ส และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสริมทัพกันโครม ๆ ในตลาดมกราคมมันเป็นเรื่องที่เจ็บปวด โดยเฉพาะดีลสุดท้ายของ ปีศาจแดง ที่คว้าเอา มาร์เซล ซาบิเซอร์ จาก บาเยิร์น มิวนิค ที่เคยมีข่าวกับ ลิเวอร์พูล มาร่วมทีมได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด มันพิสูจน์ให้เห็นถึงความพร้อมและศักยภาพการบริหารจัดการของทีมได้เป็นอย่างดี

แต่ในเมื่อเวลานี้ ฟอร์มในสนามก็แย่ สถานการณ์หลังบ้านเรื่องสมองไหลและเรื่องซื้อขายสโมสรก็ยังไม่มีความชัดเจน สิ่งเดียวที่จะทำได้คือการกลับมุ่งโฟกัสผลงานในสนามอย่างเต็มที่

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top