ดาวรุ่งลิเวอร์พูล ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ในเกมที่ หงส์แดง บุกไปเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน มาด้วยสกอร์ 1-0 ในรายการเอฟเอคัพ นัดรีแมตช์ แน่นอนว่าหลังจบเกมนั้น บรรดาแข้งดาวรุ่งลิเวอร์พูล ได้รับคำชื่นชมและถูกพูดถึงจากบรรดาเหล่ากูรูฟุตบอลเป็นอย่างมาก
ดาวรุ่งลิเวอร์พูล ผู้ที่จะกลายเป็นอนาคตของถิ่นแอนฟิลด์
จนถึงป่านนี้ ลิเวอร์พูล ก็ยังไม่มีกองกลางคนใหม่เดินเข้ามายังถิ่น แอนฟิลด์ เลยแม้แต่คนเดียว หลังจากที่พวกเขาเซ็นสัญญากับ โคดี้ กัคโป แบบสายฟ้าแลบไปเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา
อาจจะพูดได้ว่าหลังเดือนมกราคมผ่านพ้นไป เราก็จะได้เห็น หงส์แดง ที่เหมือนเมื่อตอนซัมเมอร์คือ ไม่มีผู้เล่นแดนกลางคนใหม่ย้ายเข้ามาและรอให้ผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บกลับมาสู่ทีมอีกครั้ง
จากนั้นเมื่อจบฤดูกาล เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็จะลงตลาดเพื่อปรับโฉมและสร้างทีมใหม่ตามแผนที่เราได้ยินกัน เช่น การทุ่มซื้อ จู๊ด เบลลิงแฮม และ มาเธอุส นูเนส และอาจจะมีการปล่อยผู้เล่นที่ไม่ต่อสัญญาอย่าง นาบี เกอิต้า และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด -แชมเบอร์เลน ออกจากทีม รวมทั้งการจับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน ขยายสัญญาไปอีกอย่างน้อย 1 ปี ซึ่งนั่นคือแผนคร่าว ๆ ที่วางเอาไว้
เมื่อเป็นเช่นนี้หมายความว่า ลิเวอร์พูล จะสู้ด้วยนักเตะที่มีอย่างนั้นหรือ ทั้ง ๆ ที่ผลงานที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทำให้เรามั่นใจได้เลยว่า พวกเขาจะสามารถคัมแบ็คกลับมาจากฟอร์มอันเละเทะในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกได้ โดยเฉพาะในเกมที่แพ้ต่อ ไบรท์ตัน เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งดูเหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะในช่วงที่เหลือด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ผลงานจากเกมที่บุกไปเฉือนชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน เมื่อคืนวันอังคาร ได้สร้างความหวังและทางเลือกให้กับ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในการรับมือกับการลุ้นท็อปโฟร์ในช่วงที่เหลืออยู่ของฤดูกาลได้บ้าง
ในเกม เอฟเอคัพ รอบ 3 นัดรีเพลย์ล่าสุด นายใหญ่ขาวเยอรมันจัดการเปลี่ยนตัวผู้เล่นจากชุดโดน ไบรท์ตัน สอนบอลไปถึง 8 ตำแหน่ง ชื่อของ ควีวิน เคลเลเฮอร์, โจ โกเมซ, เจมส์ มิลเนอร์, สเตฟาน บายจ์เซติช, นาบี เกอิต้า, ฟาบิโอ คาร์วัลโญ และ ฮาร์วีย์ เอลเลียต ปรากฏเป็นไลน์อัพ ซึ่งในทีแรกทำเอาสาวก หงส์แดง ถึงกับหัวเราะแห้งด้วยความหมดหวัง เพราะขนาดชุดใหญ่ยังโดนมาเละ ชุดเล็กแบบนี้จะไปเหลืออะไร
ไป ๆ มา ๆ ทีมชุดนี้กลับสร้างผลงานได้ดีเกินคาดภายใต้ระบบที่คุ้นเคยอย่าง 4-3-3 ซึ่งลงหวดกับ วูล์ฟ ที่จัดตัวจริงเต็มอัตราศึกได้อย่างสูสีสุดมันและสามารถเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการด้วยการเฉือนชนะ ไป 1-0 จากลูกยิงสุดสวยของ เอลเลียต ได้ ซึ่งนอกจากคนทำประตูแล้ว พวกดาวรุ่งคนอื่น ๆ อย่าง คาร์วัลโญ และ บายจ์เซติช ก็ได้รับคำชมมากมาย สื่อที่เกี่ยวกับ ลิเวอร์พูล ต่างให้คะแนนทั้ง 3 คนสูงระดับ 7-8 ทั้งสิ้น
ยิ่งเมื่อเจาะไปที่ฟอร์มแต่ละคนยิ่งน่าสนใจ แข้งดาวรุ่งโปรตุกีสที่เพิ่งย้ายมาจาก ฟูแลม นั้นมีการพัฒนาฝีเท้าอย่างเงียบ ๆ ก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยได้รับโอกาสในการลงสนามมากนัก มีเกมที่จดจำได้ดีแค่ตอนที่ทำประตูชัยให้ทีมเอาชนะ นิวคาสเซิล เมื่อช่วงต้นฤดูกาล หลังจากนั้นก็หายเงียบจนแฟนบอลตั้งคำถามว่า ถ้าไม่ใช้งานแล้วจะซื้อมาทำไม
เจ้าตัวก็อดทนรอโอกาสมาตลอดและมาทำได้ดีเมื่อคืนวันอังคาร สามารถเติมพลังริมเส้นฝั่งซ้ายได้อย่างน่าพอใจ เชื่อมเกมกับ โคดี้ กัคโป ได้เยี่ยม และขยันวิ่งไปทุกพื้นที่ช่วยทั้งเกมรุกและรับ ซึ่งประตูชัยที่ ลิเวอร์พูล เฉือน วูล์ฟแฮมป์ตัน มาได้ในเกมดังกล่าว ต้องยกให้เครดิตส่วนหนึ่งให้ คาร์วัลโญ ด้วย ที่ลงไปประสานงานกับ คอสตาส ซิมิกาส ก่อนที่แบ็คซ้ายจะวางบอลยาวไปให้ เอลเลียต วิ่งพาบอลไปซัดประตูสุดสวย
ในขณะที่ บายจ์เซติช นั้นถูกจับตามองมาตั้งแต่ช่วงปิดเบรคฟุตบอลโลกและเจ้าตัวก็ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม จากการถูกส่งลงมาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับในเกมนี้ โดยเฉพาะในครึ่งเวลาแรกที่เจ้าตัวโดดเด่นเสียเหลือเกิน ไล่บดบี้ตัดเกมคู่แข่ง มีการตัดสินใจที่ดี และประสานงานกับ ติอาโก้ อัลคันทารา อย่างลงตัวและทำให้ นาบี เกอิต้า ได้เล่นเกมรุกในแบบที่ถนัดอย่างเต็มที่ จนทำให้หลายคนหวนนึกถึงฟอร์มของ ฟาบินโญ ช่วงพีคเมื่อซีซันก่อน
ส่วน เอลเลียต นั้นก็กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เขาเป็นผู้เล่นดาวรุ่งเพียงคนเดียวที่ได้ลงสนามมากที่สุดในฤดูกาลนี้ โดยในเกมล่าสุดถูกจับมาเล่นในตำแหน่งถนัดคือริมเส้นฝั่งขวาซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซึ่งก็โชว์ฟอร์มได้ไฉไล ทำเกมประสานงานกับ มิลเนอร์ และ เกอิต้า ได้อย่างลงตัว แถมยังทำประตูได้จากฝั่งนั้นอีกด้วย
ที่น่าสนใจคือ นอกจากการโชว์ผลงานส่วนตัวที่ยอดเยี่ยมแล้ว แข้งดาวรุ่งเหล่านี้ยังเข้ามาเติมพลังงานให้กับทีมซึ่งดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ขาดหายไปในช่วงหลัง โดยเฉพาะการเล่นในระบบ เกเก้นเพรสซิ่ง ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ถ้าคุณเพรสไม่สุด ใส่พลังไม่มากพอ ผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะเหมือนในช่วง 2-3 เกมที่ผ่านมา
กลายเป็นว่าการเล่นของพวกเขาบวกกับตัวสำรอง ทำให้ทีมกลับมาดุดันและเข้มข้นเหมือนอย่างที่เคยเป็น คล็อปป์ แทบไม่ต้องคิดกลยุทธ์อะไรมาก แค่ให้เล่นในระบบเดิม แต่เพิ่มเติมด้วยพลังงานของคนหนุ่มและความกระหายของนักเตะที่ไม่ค่อยได้ลงสนาม เท่านี้ผลงานก็ออกมาดีขึ้นอย่างที่เห็น
ผลงานที่เกิดขึ้นในเกมนี้ ทำให้เราคิดไปว่า ถ้าพวกแข้งอายุน้อยยังสามารถรักษาระดับการเล่นเอาไว้ได้ตลอดรอดฝั่ง, บางที ลิเวอร์พูล อาจไม่จำเป็นต้องซื้อใครเพิ่มในตลาดหน้าหนาวจริง ๆ ก็ได้
ช่วงครึ่งฤดูกาลที่เหลือ, ถ้า คล็อปป์ กล้าเติมความสดความห้าวจากพวกนักเตะดาวรุ่งและความกระตือรือร้นจากตัวสำรองเพื่อช่วยแข้งตัวหลักที่ฟอร์มตกและไร้แรงจูงใจ อาจจะคุ้มค่ากว่าการทุ่มเงินซื้อนักเตะใหม่ 40-50 ล้านปอนด์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะใช้งานได้เลยหรือเปล่าด้วย
วิธีแก้ปัญหาของ ลิเวอร์พูล อาจไม่ใช่การซื้อ…แต่บางทีอาจจะอยู่ที่ม้านั่งสำรองก็ได้ ใครจะรู้?!
ขอบคุณผู้สนับสนุนหลัก ufabet