มิดฟิลด์ลิเวอร์พูล ที่พอจะกลับมาเป็นความหวังได้อีกครั้ง

มิดฟิลด์ลิเวอร์พูล อาจจะถูกพูดถึงน้อยไปหน่อยในเกมที่ ‘หงส์แดง’ เปิดบ้านยำใหญ่ใส่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบครบเครื่องด้วยสกอร์ 7-0 ทั้งแฟนหงส์แดงและแฟนปีศาจแดงก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่า ผลการแข่งขันจะออกมาเป็นรูปแบบนี้

แฟนบอลส่วนใหญ่ต่างให้การชื่นชมกับผลงานของ 2 กองหน้าตัวใหม่ของทีมอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ และ โคดี้ กัคโป ในขณะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นั้นถูกยกให้เป็น “คิงโม” โดยสมบูรณ์แบบจากการทำลายสถิติการยิงประตูได้มากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ของ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ลงได้สำเร็จ ด้วยประตูที่ฝั่งของ ลิเวอร์พูล สาดกระจายใส่คู่อริตลอดกาลขนาดนี้ มันก็ไม่น่าแปลกใจที่หลายคนจะโฟกัสไปที่นักเตะที่ทำสกอร์ในเกมนี้มากกว่า

มาตรฐานการเล่นของ 3 ประสานแดนหน้าเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ และได้รับการจับตามองว่าจะเป็นแนวรุกที่อันตรายที่สุดและกำลังจะมาสานต่อความยิ่งใหญ่ของ SMF หรือ ซาลาห์, มาเน และ ฟีร์มีโน ที่เคยทำให้ หงส์แดง ตัวนี้บินสูงถึงครองความยิ่งใหญ่ทั้งในประเทศและระดับยุโรปมาแล้ว

และถ้ามองกันตามความเป็นจริงแล้ว หากแนวรุกไม่มีกองหนุนชั้นดี นูนเญซ, กัคโป และ ซาลาห์ ก็อาจจะไม่สามารถสร้างผลงานอันยอดเยี่ยมในค่ำคืนแดงเดือดที่ แอนฟิลด์ ได้ ซึ่งเรากำลังจะพูดถึงความสำคัญของแดนกลางซึ่งเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จเหล่านี้

ซาลาห์
ซาลาห์ ทำสถิติยิงประตูในพรีเมียร์ลีกแซงหน้า ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ได้สำเร็จ

เยอร์เก้น คล็อปป์ ทำเซอร์ไพรส์เล็กน้อย ด้วยการส่งแผงมิดฟิลด์ลิเวอร์พูลที่ประกอบไปด้วย ฮาร์วีย์ เอลเลียต, ฟาบินโญ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงบู๊กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยก่อนหน้านี้ทุกคนเชื่อกันว่าจะเป็น สเตฟาน บายจ์เซติช ที่ได้ออกสตาร์ทเป็น 11 คนแรก ส่วนที่เหลือก็อาจจะต้องลุ้นกันว่าใครจะนั่งและใครจะเล่น

กลายเป็นว่า หวยไปออกที่แข้งดาวรุ่งสแปนิชที่ต้องนั่งรอโอกาสอยู่ข้างสนาม ซึ่งมีการวิเคราะห์ว่า เกมที่แพ้ให้กับ เรอัล มาดริด ไปอย่างหมดรูปด้วยสกอร์ 5-2 นั้น บายจ์เซติช ดูประหม่า ตื่นสนาม และเล่นไม่ดี นั่นเป็นเพราะมันคือเกมใหญ่ที่มีความกดดันมหาศาล, คล็อปป์ จึงไม่อยากจะให้เจ้าตัวต้องแบกรับอะไรมากจนเกินไปซึ่งอาจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นและฟอร์มการเล่นทั้งของตัวเองและทีมด้วย

ในอีกมุมหนึ่ง ก็ถือเป็นการโรเทชันอีกรอบ เพราะนัดที่ชนะ วูล์ฟ 2-0 เมื่อวันพฤหัสบดี ก่อนหน้านี้แข้งวัย 18 ปีก็ลงเล่นไปแล้ว ในขณะที่เกมสำคัญเช่นนี้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่เก๋าประสบการณ์น่าจะมีประโยชน์มากกว่า

และสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามก็เป็นไปตามนั้น คล็อปป์ คิดไม่ผิดที่ส่งแดนกลางชุดนี้ลงปะทะกับ คาเซมิโร และ เฟร็ด ซึ่งผลงานของทั้ง 3 หน่อถือได้ว่าดีที่สุดนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลมาเลยก็ว่าได้

เฟร็ด
เฟร็ด ที่ดูจะเล่นไม่ค่อยออกในเกมแดงเดือดนัดล่าสุด

ก่อนหน้านี้แฟนบอลส่วนหนึ่งอาจจะไม่มั่นใจในตัวของ ฮาร์วีย์ เอลเลียต ซักเท่าไหร่ เนื่องจากอดีตนักเตะ ฟูแลม ยังไม่สามารถสร้างความประทับใจให้กับทีมได้มากนัก แต่ถ้าดูจากสถิติการลงสนามในช่วงต้นฤดูกาล เขาคือผู้เล่นที่ทำผลงานได้คงเส้นคงวามากที่สุดคนหนึ่ง

ทางด้าน 2 ตัวหลักอย่าง ฟาบินโญ และ เฮนโด้ หลังจากที่โดนวิจารณ์อย่างหนักก็เหมือนเรียกสติกลับมาได้และค่อย ๆ แทรกตัวเข้ามามีบทบาทกับทีมอีกครั้ง ซึ่งในเกมแดงเดือดครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ทั้งคู่ยังมีศักยภาพที่จะเล่นในระดับสูงได้ เรื่องฟอร์มตกต่ำที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่การขาดแรงจูงใจไปชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น

มิดฟิลด์ลิเวอร์พูล ถือได้ว่าทำหน้าที่กันได้อย่างสมบูรณ์แบบในเกมนี้ ทั้งเกมรุกและรับ ตอนแรกหลายคนกลัวว่าพวกเขาอาจจะโดน คาเซมิโร และ เฟร็ด เล่นงาน แต่ด้วยความมุ่งมั่นและแพสชันที่มาเต็ม นำมาซึ่งการไล่บดบี้คู่ต่อสู้แทบทุกพื้นที่ และการดักเก็บบอลจังหวะ 2 ได้แทบจะทุกจังหวะ

โดยเฉพาะในครั้งหลังที่ทั้ง 3 คนมีส่วนร่วมกับทั้ง 6 ประตู ไม่ว่าจะเป็นจังหวะที่ ฟาบินโญ ที่ตะลุยเข้าไปบริเวณหัวกะโหลกและยกบอลให้ เอลเลียต ก่อนที่จะเปิดเข้าหัว นูนเญซ โขกเป็นประตู หรือจังหวะโต้กลับในประตูที่ 3 ที่ เฮนโด้ ตัดบอลจากการผ่านเข้ากลางของ บรูโน แฟร์นานเดส และส่งต่อให้ กัคโป แทงถึง ซาลาห์ ที่ลากบอลหลอก ลิซานโดร มาร์ติเนซ หัวทิ่ม ก่อนที่จะผ่านให้ กัคโป ชิบบอลเข้าประตูแบบสวยงาม

ฮาร์วีย์-เอลเลียต
ฮาร์วีย์ เอลเลียต ทำผลงานในเกมแดงเดือดได้น่าพอใจ
แม้จะมีจังหวะให้เสียวในครึ่งแรก

บทสรุปของเกมนี้จบลงที่ เอลเลียต และ เฮนโด้ ทำได้กันคนละ 1 แอสซิสต์ ในขณะที่ ฟาบินโญ นั้นได้รับคำชมอย่างล้นหลาม ยิ่งเมื่อกลับไปดูสถิติยิ่งน่าสนใจ เพราะ 6 เกมก่อนหน้านี้ที่ ลิเวอร์พูล มีมิดฟิลด์ทั้ง 3 คนลงเล่นพร้อมกัน พวกเขาเก็บชัยชนะไปได้ถึง 5 เกม เสมอไป 1 นัดและยังไม่เคยแพ้ใคร โดยทีมยิงได้ 23 ประตูและเสียไปเพียง 3 ลูกเท่านั้น

ที่ผ่านมา เดอะค็อป ไม่ได้ให้ความสนใจทั้ง 3 รายมากเท่าไร นั่นอาจจะเป็นเพราะอยู่ในช่วงที่ผู้เล่นหลายคนได้รับบาดเจ็บและฟอร์มตก การสลับสับเปลี่ยนตัวผู้เล่นจึงเกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ และส่วนหนึ่งก็กำลังมีความหวังกับ สเตฟาน บายจ์เซติช ที่ฟอร์มดีในช่วงหลังด้วย

อย่างไรก็ตาม, การคืนฟอร์มของ เอลเลียต, ฟาบินโญ และ เฮนเดอร์สัน ถือเป็นอะไรที่ถูกที่ถูกเวลากับอีก 13 เกมที่เหลือและน่าสนใจว่าหลังจากนี้บทบาทของทั้ง 3 คนจะเป็นอย่างไร

แต่ที่แน่ ๆ เชื่อว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ คงจะพึงพอใจไม่น้อยที่ได้เห็นฟอร์มของแดนกลางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางการกลับมาลุ้นท็อปโฟร์อย่างเต็มตัว หลังเก็บ 3 แต้มสำคัญที่ถือได้ว่าเป็น 3 แต้มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฤดูกาลนี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา…

ขอบคุณผู้สนับสนุนหลัก ufabet

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top