5 ปะเด็นหลังเกม ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเฉือน ฟูแล่ม แบบหวุดหวิด

ลิเวอร์พูล ทีมดัง แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การนำของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน ยังคงรักษาฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจต่อเนื่อง หลังจากเปิดรัง แอนฟิลด์ เฉือนเอาชนะ ฟูแล่ม ไปแบบหืดจับ 1-0 ในเกมลีกเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา

พลพรรค “หงส์แดง” ต้องใช้แรงหนักทีเดียวในการบดเก็บ 3 คะแนนจากผู้มาเยือนได้ แถมยังหวุดหวิดจะโดนยิงประตูอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็เอาชนะได้สำเร็จ และนี่คือ 5 ประเด็นที่นำมาพูดถึงหลังเกมที่อึดอัดสุดๆของสาวก “เดอะ ค็อป”

ลิเวอร์พูล ทีมดัง

1. ลิเวอร์พูล ทีมดัง แห่งศึก พรีเมียร์ลีก โชว์ฟอร์มไม่ซ้ำรอยเกมกับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์

ในขณะที่เกมกับ สเปอร์ส นั้น แนวรับของ ลิเวอร์พูล ดูปั่นป่วน และเอาแนวรุกของ “ไก่เดือยทอง” ไม่อยู่ทั้งที่ขึ้นนำไปก่อนถึง 3 ประตู แต่ในเกมนี้กับ ฟูแล่ม พวกเขากลับมาเล่นได้แน่นอนขึ้น และก็เก็บคลีนชิตได้สำเร็จเป็นหนแรกในรอบ 5 เกมหลังสุด

 ลูกทีมของ คล็อปป์ ควบคุมเกมได้เกือบทั้งหมด แม้จะมีบางจังหวะที่ ฟูแล่ม จะได้ลุ้นประตูแบบชัดเจนก็ตาม แต่สุดทายก็ไม่ผ่านมือของ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมชาติบราซิล ซึ่งเป็นคนที่ทำผลงานได้คงเส้นคงวาที่สุดในปีนี้

 ชัยชนะเหนือ ฟูแล่ม เพียงประตูเดียว อาจดูไม่สวยงามนัก แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้ ลิเวอร์พูล เก็บ เดินหน้า 3 คะแนน 5 เกมติดต่อกัน แถมยังเล่นด้วยฟอร์มที่กำลังมั่นใจสุดๆอีกด้วย   

2. การเพรสซิ่งที่กลับมาดุดัน

นี่เป็นเกมที่ 2 ติดต่อกันในถิ่น แอนฟิลด์ จาก 3 เกม ในรอบ 8 วัน ซึ่งนักเตะ ลิเวอร์พูล หลายคนแสดงให้เห็นว่า พวกเขาตั้งใจเล่นฟุตบอลด้วยความมุ่งมั่น ก้าวร้าว ดุดัน และกลับมาใกล้เคียงกับทีมเดิมที่เราเคยรู้จักแล้ว

นักเตะแนวรุกด้านบนอย่าง หลุยส์ ดิอาซ, เคอร์ติส โจนส์, ดาร์วิน นูนเญซ และ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ช่วยกันวิ่งบีบพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ส่วนแผงมิดฟิลด์อย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ฟาบินโญ่ ก็ช่วยยืนปักหลักตัดเกม และปิดพื้นที่ว่างตลอด

ขณะเดียวกัน ประตูชัยที่ ลิเวอร์พูล ได้จากจุดโทษของ ซาล่าห์ ก็เริ่มมาจากจังหวะที่ นูนเญซ เข้าไปฉกบอลจาก อิสซา ดิย็อป กองหลัง ฟูแล่ม และโดนทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ

ลิเวอร์พูล ทีมดัง

3. แนวรับที่มั่นคงมากขึ้น

ในช่วงที่ผ่านมาการที่ คล็อปป์ ทดลองใช้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ขยับขึ้นมายืนทำเกมในแดนกลาง นั้น ได้ผลอย่างชัดเจน และมันคุ้มค่าที่แท็คติคนี้จะคงอยู่ต่อไปจนจบฤดูกาล รวมถึงต่อยอดไปยังซีซั่นหน้า

อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ชัดเจนคือ ลิเวอร์พูล เสียประตูไปเยอะมาก และนักเตะในแนวรับต้องทำงานหันหนักมากขึ้นเพื่อครอบคลุมพื้นที่จากบริเวณกลางสนามไปถึงกรอบเขตโทษของตัวเอง แต่เกมนี้ พวกเริ่มจะเข้าที่เข้าทางกว่าเดิม

อิบราฮิมา โคนาเต ทำหน้าที่เซ็นเตอร์แบ็คฝั่งแบ็คขวาได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในเรื่องการอ่านเกม ครอบบอล และผ่านบอล ขณะที่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ก็ยังคงเป็นหลักที่แข็งแกร่งเช่นเดิม ส่วน คอสตาส ซิมิกาส ในบทบาทกองหลังฝั่งซ้ายก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย

4. ขาดความเฉียบคมในจังหวะเล็กๆน้อยๆ

แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะคว้าชัยชนะเหนือ ฟูแล่ม ได้สำเร็จ แต่การเล่นเกมรุกส่วนใหญ่ยังขาดความแน่นอนจากจังหวะที่ควรจะได้ประตู โดยพลพรรค “หงส์แดง” สามารถพาบอลไปอยู่ในเขตโทษคู่แข่งได้ แต่บ่อยครั้งที่พวกเขาปล่อยโอกาสหลุดลอยไป

หลังจากเปลี่ยนแท็คติค ลิเวอร์พูล มีผู้เล่นในเกมรุกเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อครองบอลในแดนคู่ต่อสู้ แต่ปัญหาคือว่า พวกเขามักจะโดนตัดบอล และโดนโต้กลับไวด้วยการใช้บอลยาว ซึ่งบางทีมันนำไปสู่การเสียประตูแบบไม่น่าเชื่อ

หากจังหวะสุดท้ายนักเตะ ลิเวอร์พูล ตัดสินจได้ดีกว่านี้ บางทีแฟนบอลก็อาจไม่ต้องลุ้นเหนื่อยเหมือนหลายๆเกมที่ผ่านมา

5. ลิเวอร์พูล ทีมดัง แห่งศึก พรีเมียร์ลีก ต่อยอดความมั่นใจจากการได้เล่นในบ้าน

6 เกมสุดท้ายของฤดูกาล ลิเวอร์พูล จะได้เล่นในบ้านถึง 4 เกม ซี่ง 2 เกมที่ผ่านไปแล้วคือ เอาชนะทั้ง สเปอร์ส และ ฟูแล่ม ส่วนเกมต่อไปในวันเสาร์นี้ “หงส์แดง” จะรอรับการมาเยือนของ เบรนท์ฟอร์ด ขณะที่เกมเยือนอีก 2 นัด คือ พบกับทีมในโซนตกชั้นอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ และ เซาแธมป์ตัน ที่อาจตกชั้นไปแล้ว

มันเป็นโปรแกรมที่ดีมากสำหรับ ลิเวอร์พูล ในการคว้าตั๋วไปเล่นในศึก ยูโรปา ลีก ฤดูกาลหน้า หลังจากโชว์ฟอร์มช่วงต้นซีซันได้อย่างน่าผิดหวัง และตอนนี้สาวก “เดอะ ค็อป” ก็เริ่มกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้งแล้ว

ขณะที่โอกาสการคว้าท็อปโฟร์จากการมีแต้มตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 4 อยู่ 4 คะแนน แถมเตะมากกว่า 2 เกม นั้น ดูแล้วคงไม่น่าจะเป็นไปได้

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top