5 ประเด็นหลังเกม ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มหรูบุกถล่ม เลสเตอร์ ขาดลอย

 ลิเวอร์พูล ทีมดัง แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การนำของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมสมใจสาวก “เดอะ ค็อป” หลังบุกไปไล่อัด เลสเตอร์ ซิตี้ ที่สนาม คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม แบบสบายๆ 3-0 ในเกมลีกเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา

 ในเกมนี้ บรรดาแข้ง “หงส์แดง” หลายคนโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น และใช้โอกาสไม่เปลืองนักในการบุกไปเก็บ 3 คะแนนจากเจ้าบ้าน และนี่คือ 5 ประเด็นที่นำมาพูดถึงหลังเกมนัดสำคัญที่ยังทำให้ ลิเวอร์พูล มีลุ้นเล็กๆในการคว้าตั๋วท็อปโฟร์ต่อไป

liverpool

1. นักเตะ 11 คนแรกที่ดีที่สุดของ ลิเวอร์พูล ทีมดัง แห่งศึก พรีเมียร์ลีก ในเวลานี้

คล็อปป์ หวนกลับไปใช้ 11 ตัวจริงที่ตัวเองชื่นชอบมากที่สุดในฤดูกาลนี้ และไม่ว่า ทีมชุดนี้ที่ถูกส่งลงสนามไปจะถูกมองว่าเป็นทีมที่ดีที่สุดหรือไม่ แต่พวกเขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ทำให้เกมรุกเฉียบขาด และเกมรับมีความสมดุล

แม้จะเริ่มเกมอย่างเนือยๆ แต่ลูกทีมของ คล็อปป์ ก็รวบรวมสติ และกลับมาครองบอลบุกเจ้าบ้านได้ต่อเนาอง ขณะที่เกมรับ เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ และ อิบราฮิมา โคนาเต ดูจะจับคู่เล่นด้วยกันมั่นคง และแข็งแกร่งมากขึ้น

ฟาบินโญ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ เคอร์ติส โจนส์ เป็น 3 ประสานมิดฟิลด์ที่ลงตัวที่สุดในตอนนี้ ขณะที่เกมรุก หลุยส์ ดิอาซ ยึดพื้นที่ฝั่งซ้าย โดยมี โคดี้ กัคโป กลับมารับบท False9 ส่วนด้านขวา โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ประจำการทำเกมรุกเช่นเคย

2. ฟอร์มระดับมาสเตอร์พีซของ เคอร์ติส โจนส์

แน่นอนว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของ โจนส์ ในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล โดยห้วง 1-2 เดือนทีผ่านมา ดาวเตะวัย 22 ปี กลายมาเป็นส่วนสำคัญในแท็คติคใหม่ของ คล็อปป์ อย่างเต็มตัว และดูเหมือนว่า มันจะส่งผลกระทบไปยังอนาคตของเจ้าตัวในปีหน้าอีกด้วย

หลังจากกลับมายึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างต่อเนาอง โจนส์ พัฒนาอย่างก้าวกระโดดทั้งในเรื่องการเล่นเกมรับ การเพรสซิง การจ่ายบอล การตัดสินใจ การเคลื่อนที่ การสร้างสรรค์เกมรุก และปรับปรุงการจบสกอร์ให้เฉียบขาดมากกว่าเดิม

การยิง 2 ประตู ในเกมกับ เลสเตอร์ แสดงให้เห็นแล้วว่า โจนส์ กำลังมีความมมั่นใจเต็มเปี่ยม และที่สำคัญการปรับเปลี่ยนเส้นทางการวิ่งในจังหวะเกมรุกเจ้าตัวในสนามนั้น ทำให้ ลิเวอร์พูล มีอาวุธเกมรุกที่อันตราย และหลากหลายมากขึ้น

3. กุญแจสำคัญในเกมรุก

นอกจาก 2 ปะตูของ โจนส์ แล้ว นักเตะแนวรุกคนอื่นๆของ ลิเวอร์พูล ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองได้ยอดเยี่ยมเช่นเคย ซาลาห์ ทำไป 3 แอสซิสต์ ในเกมนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวทำให้ ปีกชาวอิยิปต์ ซัดไปแล้ว 19 ประตู กับอีก 10 แอสซิสต์ จาก 36 เกมใน พรีเมียร์ลีก

ขณะที่ กัคโป ยิ่งแสดงให้เห็นว่า เข้ามาทดแทนรอยต่อของ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ได้อย่างน่าประทับใจ โดยหัวหอกชาวดัตช์ เริ่มเข้าใจการเล่นในบทบาท False9 ได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็น การเชื่อมเกม พักบอล จ่ายบอล และเคลื่อนที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ได้เปรียบอยู่เสมอ

ส่วน ดิอาซ ก็ยังคงอันตรายเช่นเดิมแม้จะเพิ่งหายเจ็บกลับมาได้ไม่นาน และตัวรุกชาวโคลอมเบียก็ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ได้ประตูขึ้นำอีกด้วย

4. เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังคงโดดเด่นในบทบาท inverted fullback

คล็อปป์ ไม่ปิดบังจะยอมรับว่า ระบบการเล่นใหม่ของ ลิเวอร์พูล ในตอนนี้ จะถูกนำไปต่อยอดเพื่อใช้งานในฤดูกาลหน้า ซึ่งหมายความว่า อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จะยังคงรับหน้าที่ inverted fullback ต่อไปเช่นเดิม

หลังจากถูกขยับมาเล่นในแผงมิดฟิลด์มากขึ้น แบ็ควัย 24 ปี ระเบิดฟอร์มได้อย่างสุดยอด และแสดงให้เห็นว่า เป็นคีย์แมนของทีมชุดนี้อย่างเต็มตัว โดย อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำหน้าที่ทั้งเล่นเกมรับ ควบคุมจังหวะเกม สร้างสรรค์เกมรุก และเล่นลูกฟรีคิก

ในเกมกับ เลสเตอร์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังซัดประตูสุดสวยได้ 1 ลูก และมันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่ในฤดูกาลหน้า เจ้าตัวยังได้รับบทบทกองกลางอย่างเต็มตัวจาก คล็อปป์  

5.  เหลือ 2 เกมสุดท้ายกับความหวังไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ของ ลิเวอร์พูล ทีมดัง แห่งศึก พรีเมียร์ลีก

ชัยชนะเกมนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล ขยับเข้าใกล้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมในอันดับ 3 และ 4 เหลือเพียงคะแนนเดียวเท่านั้น โดยพลพรรค “สาลิกาดง” และ “ปีศาจแดง” ยังลงเล่นน้อยกว่า 1 เกม

มันหมายความว่า ลิเวอร์พูล ยังคงต้องลุ้นให้ นิวคาสเซิ่ล และ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำพลาดในอีก 3 เกมี่เหลือ และตัวเองต้องเก็บชัยชนะในเกมกับ แอสตัน วิลล่า ที่ แอนฟิลด์ และเกมเยือนทีมที่ตกชั้นไปแล้วอย่าง เซาธ์แฮมป์ตัน ในนัดสุดท้ายของฤดูกาลให้ได้

นอกจากจะพึ่งพาตัวองแล้ว ลิเวอร์พูล ยังต้องหวังให้ทีมอื่นพลาดด้วย ซึ่งมองดูแล้วมันอาจมีโอกาสไม่มากนัก แต่ยังมีความหวังเล็กๆให้สาวก “เดอะ ค็อป” ได้ลุ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซัน

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top