ลิเวอร์พูล ทีมดัง แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การนำของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน ยังคงทำผลงานน่าผิดหวังต่อเนื่อง หลังจากบุกไปโดน แมนเชสเตอร์ ซิติ้ ไล่อัดยับเยิน 4-1 ในเกมลีก ที่สนาม เอติฮัด สตเดี้ยม เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา
ในเกมนัดนี้ นักเตะ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถต่อกรกับลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งทำให้เห็นถึงความห่างชั้นอย่างชัดเจน ทั้งที่ตลอดหลายปีทีผ่านมา “หงส์แดง” เป็นคู่ปรับตัวฉากจของ “เรือใบสีฟ้า”
การบุกไปพ่ายโคตรทีมอย่าง แมนฯ ซิตี้ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แต่รายละเอียดในเกมมีเรื่องต้องพูดถึงมากมาย และนี่คือ 5 หัวข้อที่อาจติดอยู่ในใจสาวก “เดอะ ค็อป” หลายคน
![](https://redzonelfc.com/wp-content/uploads/2023/04/1.webp)
1. การปรับแท็คติกของ ลิเวอร์พูล ทีมดัง แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
บ่อยครั้งในเกมกับที่เผชิญหน้ากับ แมนฯ ซิตี้ ที่ คล็อปป์ มักสร้างเซอร์ไพรส์ และเปลี่ยนรูปแบบการเล่นของ ลิเวอร์พูล และในเกมล่าสุดก็เช่นกัน หลังจากที่ปรับระบบ 4-3-3 ที่คุ้นเคยมายืนเป็น 4-4-2 เพื่อเน้นโจมตีตรงกลาง
นั่นหมายถึง ดิโอโก้ โชต้า ได้เปลี่ยนบทบาทจากหลายๆเกมก่อนหน้านี้ โดยหัวหอกชาวโปรตุเกสถูกขยับไปยืนชิดริมเส้นฝั่งซ้ายมากขึ้นเพื่อประสานงานร่วมกับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็คซ้ายชาวสก็อตแลนด์ ในการเล่นเกมโต้กลับไว
ขณะที่ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ก็ถูกขยับมายืนชิดริมเส้นฝั่งขวาเพื่อช่วยงาน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ โดยให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ขยับไปยืนเป็นกองหน้าตัวกลางคู่กับ โคดี กัคโป ซึ่งดูเหมือนมันจะได้ผลในช่วง 45 นาทีแรกของเกมเท่านั้น
![](https://redzonelfc.com/wp-content/uploads/2023/04/2.webp)
2. ความดุดัน และความมุ่งมั่นที่หายไป
ฟอร์มในเวลานี้ มันไม่ใช่ทีม ลิเวอร์พูล ที่เราคุ้นเคยอีกต่อไปแล้ว ซึ่งแฟนบอลหลายคนต้องการเห็นผู้เล่น “หงส์แดง” ก้าวร้าว ดุดัน ถึงลูกถึงคน และทุ่มเทในสนามให้มากกว่านี้ แม้ทีมจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปก็ตาม
นักเตะ ลิเวอร์พูล หลายคนดูเชื่องช้าในหลายๆจังหวะ และดูเนือยเกินไปในการเข้าบีบพื้นที่ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งทำให้พลพรรค “เรือใบสีฟ้า” ครองบอล และต่อบอลเล่นกันอย่างสบายใจจนซัดคืนรวดเดียวถึง 4 ประตู
ในครึ่งแรกอาจมีจังหวะที่ผู้เล่น ลิเวอร์พูล ประท้วงขอใบแดงจากผู้ตัดสินในช่วงที่ โรดรี กองกลาง แมนฯ ซิตี้ ทำฟาวล์ 2 ครั้งใส่ โชต้า และ กัคโป แต่มันก็เป็นเพียงเหตุการณ์เดียวที่เราได้เห็นความกระตือรือร้นของพวกเขา
![](https://redzonelfc.com/wp-content/uploads/2023/04/3.webp)
3. ปัญหาเรื่องเกมรับที่ยังตามหลอกหลอน
ในครึ่งแรกมันอาจมองเป็นเรื่องบวกได้ที่ ลิเวอร์พูล ฉวยโอกาสทำประตูขึ้นนำ แมนฯ ซิตี้ ได้อย่างรวดเร็ว และเกมรับยังพอไว้ได้ แม้จะเสียไป 1 ประตู แต่พอกลับมาเล่นในครึ่งหลังเพียงไม่กี่นาทีมันกลับกลายจากหน้ามือเป็นหลังมือ
แผงแบ็คโฟร์อย่าง อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โรเบิร์ตสัน, เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ และ อิบราฮิมา โกนาเต ไม่สามารถต้านทานเกมรุกของ แมนฯ ซิตี้ ได้เลย และพวกเขาโดน “เรือใบสีฟ้า” เจาะอย่างสนุกสนานจากทั้งบอลสั้น บอลยาว และการครอสบอลจากริมเส้น
ขณะที่ อลิสซอน เบ็คเกอร์ นายทวารทีมชาติบราซิล ที่โชว์ฟอร์มได้ดีมาก่อนหน้านี้ ก็ยังถูกวิจารณ์ถึงผลงานที่ต่ำกว่ามาตรฐาน และไม่สามารถช่วยต้านทานเกมรุกที่ดุดันของ แมนฯ ซิตี้ ได้มากกว่านี้ ซึ่งเรียกได้ว่า เกมรับพังทั้งแผงเลยทีเดียว
![](https://redzonelfc.com/wp-content/uploads/2023/04/4.webp)
4. วิเคราะห์ฟอร์มการเล่นเป็นรายบุคคล
ถึงเวลาสำหรับจุดตกต่ำสุดที่แท้จริงแล้วสำหรับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางกัปตันทีม ลิเวอร์พูล ซึ่งอาจจะเป็นผู้เล่นที่แย่ที่สุดในสนามช่วงครึ่งแรก แต่ดาวเตะวัย 32 ปี อาจรอดพ้นจากการเป็นผู้เล่นที่แย่ที่สุดในสนามตลอด 90 นาที เมื่อพิจารณาจากเพื่อนร่วมทีมแนวรับ 2 คน
อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แสดงให้เห็นอีกครั้งว่า มีการเล่นเกมรับที่ย่ำแย่สุดๆแล้ว เขาไม่สามารถรับมือกับ แจ็ค กรีลิช ได้เลย และมีส่วนสำคัญที่ทำให้ ลิเวอร์พูล เสียประตูที่ 4 ซึ่งบางที คล็อปป์ อาจต้องเปลี่ยนผู้เล่นตำแหน่งแบ็คขวาบ้าง
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ฟอร์มหลุดแบบสุดๆ ฟาน ไดจค์ ก็เป็นอีกรายที่เลยจุดพีคไปเรียบร้อยแล้ว โดยกองหลังชาวดัตช์ เชื่องช้า ไม่เด็ดขาด และผิดพลาดเกินกว่าจะยืนเป็นตัวหลักในฤดูกาลหน้า
![](https://redzonelfc.com/wp-content/uploads/2023/04/5.webp)
5. เพิ่งเริ่มต้นสัปดาห์ที่สาหัสของ ลิเวอร์พูล ทีมดัง แห่งศึก พรีเมียร์ลีก
การออกมาเยือน แมนฯซิตี้ เป็นผลลัพธ์ที่ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์สำหรับฟอร์มของ ลิเวอร์พูล ในเวลานี้ แต่หลังจากนี้อีก 2 เกม ลูกทีมของ คล็อปป์ ต้องเผชิญหน้ากับ เชลซี ที่กำลังฟอร์มดี และทีมจ่าฝูงที่ร้อนแรงสุดๆอย่าง อาร์เซนอล
หาก 2 เกมถัดไป ลิเวอร์พูล ไม่สามารถเก็บแต้มได้นั้น การลุ้นท็อปโฟร์ก็จบลงอย่างเป็นทางการ แต่หากพลิกนรกเก็บชัยชนะได้ก็หมายความว่า “หงส์แดง” ยังพอมีลุ้นอยู่บ้างกับการไล่ล่าอันดับ 4 ในช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้
สิ่งที่ควรทำที่สุดสำหรับ ลิเวอร์พูล คือ ลืมเกมกับ แมนฯ ซิตี้ ไปให้หมด และตั้งหน้าตั้งตาสู้ต่อในเกมกับ เชลซี และ อาร์เซนอล เพื่อรักษาความหวังเดียวของฤดูกาลนี้เอาไว้