สิ่งที่ ลิเวอร์พูล ต้องทำ หลังพ่ายให้กับ มาดริด แบบ ‘Outclass’

ลิเวอร์พูล เปิดบ้านพ่ายต่อ มาดริด ไปแบบบอลคนละคลาสด้วยสกอร์ 2-5 ในศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายเลกแรก เมื่อคืนที่ผ่านมา ความฝันที่จะจองโรงแรมไปรอเล่นนัดชิงชนะเลิศที่อิสตันบูล ตามที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ เคยกล่าวเอาไว้หลังพ่ายให้กับ เรอัล มาดริด ในนัดชิงชนะเลิศเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แทบจะจบลงเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์

เดอะ เร้ดส์ ออกสตาร์ทได้ดีในช่วง 20 นาทีแรกด้วยประตูไขว้หลังสุดสวยของ ดาร์วิน นูนเญซ และการที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อาศัยจังหวะพลาดของ ธิโบต์ กูร์ตัวส์ จิ้มบอลเข้าไปเป็นประตูส่งให้เจ้าบ้านขึ้นนำอย่างเซอร์ไพรส์ด้วยสกอร์ 2-0

การออกนำเร็วเช่นนี้ ในแง่หนึ่งเป็นการเพิ่มความได้เปรียบของรูปเกม แต่อีกด้านก็เหมือนการไปแหย่หนวดเสือ เพราะหลังจากนั้น พวกเขาก็มาโดน 2 ประตูตีเสมอก่อนจะหมดครึ่งแรกจาก วินิซิอุส จูเนียร์ ที่เหมาคนเดียวทั้ง 2 ลูก

จากนั้น ในครึ่งหลังก็เหมือนหนังคนละม้วน เมื่อเจ้าบ้านมีแต่ความผิดพลาดในขณะที่ทีมเยือนนั้นยิงยังไงก็เข้า และมาได้อีก 3 ประตูจาก เอแดร์ มิลิเตา และ 2 ประตูปิดท้ายจาก คาริม เบนเซมา เจ้าของรางวัล บัลลงดอร์ หนล่าสุด ช่วยกันปิดกล่องที่สกอร์ 2-5

กว่าที่ทั้ง 2 ทีมจะกลับมาเจอกันอีกครั้งในเลกที่ 2 ที่ ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ก็อีกประมาณ 3 สัปดาห์ข้างหน้า โดยมีกำหนดการที่จะเตะกันในวันที่ 15 มีนาคม ซึ่งหาก หงส์แดง สามารถบุกไปเอาชนะ ‘ราชันชุดขาว’ ด้วยสกอร์ที่ไม่ต่ำกว่า 4 ประตู พวกเขาก็จะสร้างประวัติศาสตร์พลิกเข้ารอบต่อไป

ซาลาห์
ซาลาห์ กับความผิดหวัง หลังจบเกมพ่ายให้กับ มาดริด

แต่เอาจริง ๆ คงไม่มีใครจะคิดว่าพวกเขาจะทำได้เหมือนปี 2019 ที่เปิดสนาม แอนฟิลด์ เอาชนะ บาร์เซโลนา ได้ 4-0 ในรอบรองชนะเลิศเลกที่ 2 เพราะนี่คือ มาดริด ทีมที่เป็นเจ้าของถ้วยนี้มาแล้วถึง 14 สมัย ถือว่าประสบความสำเร็จมากที่สุดแล้วในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่ที่มีการแข่งขันในรายการนี้ และยังได้ชื่อว่าเป็นอีกทีมที่ ลิเวอร์พูล แพ้ทางแบบสุด ๆ ด้วย

ประเด็นนี้ไม่ได้ยกขึ้นมาเพื่อด้อยค่า ลิเวอร์พูล แต่อย่างใด, แต่สถิติย้อนหลังมันชัดเจนมาก เพราะสถิติ 5 นัดหลังสุดก่อนเกมเมื่อคืนชี้ชัดว่า เรอัล มาดริด เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะไปได้ถึง 4 นัด และหลุดเสมอกับ ลิเวอร์พูล ไปเพียงนัดเดียวเท่านั้น และถ้าหากถามว่า ลิเวอร์พูล ชนะ เรอัล มาดริด ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่?….ให้ย้อนไปดู ไฮไลท์ ในปี 2009 นู่นเลย!!

และกับเกมเมื่อคืนที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างทั้ง 2 ทีม คือ การก่อความผิดพลาด ซึ่ง ลิเวอร์พูล นั้นมีมากกว่าจนทำให้พวกเขาโดนลงโทษ โดย คล็อปป์ เชื่อว่าลูกทีมของเขาควรจะทำได้ดีกว่านี้

เราทำเสียไปถึง 5 ประตู ทั้ง 5 ลูก เราควรจะทำได้ดีกว่านี้ แต่พวกเขากลับทำไม่ได้

ในช่วงเริ่มต้นเกม ในสถานการณ์ของเรานั้นมันสำคัญมาก ๆ ที่เราได้เห็นการก้าวไปอีกขั้น และผมคิดว่าในครึ่งแรก นอกจากการเสีย 2 ประตู มันน่าจะเป็นเกมที่ดีที่สุดที่เราลงเล่นตลอดทั้งซีซัน ซึ่งผมชอบช่วงเวลานั้นมาก

คล็อปป์ เผยหลังเกม

การเสียถึง 5 ประตูให้กับ เรอัล มาดริด ในเวลานี้ ไม่ว่าจะใช้กฎไหนก็เป็นเรื่องยากที่จะกลับมาได้ ยิ่งมีเงื่อนไขที่ต้องไปยิง 4 ประตูที่ ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว นั้น คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นายใหญ่ชาวเยอรมันยอมรับกลาย ๆ ว่า โอกาสในการจะเข้าสู่รอบต่อไปคงแทบจะหมดไปแล้ว

เยอร์เก้น คล็อปป์
เยอร์เก้น คล็อปป์

ผมคิดว่า คาร์โล (อันเชล็อตติ) คงจะคิดว่าเกมนี้จบลงแล้ว สำหรับผมในเวลานี้ ก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน

คืนนี้กับ 5 ประตูที่เสียไปทำให้เราได้เห็นแล้วว่าพวกเขาเล่นเกมเคาท์เตอร์แอ็ตแท็คได้ดีขนาดไหน เราต้องไปยิงถึง 3 ประตูที่โน่น (ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว) ต้องลองเสี่ยง ซึ่งมันค่อนข้างจะยากอยู่พอสมควร

ผมเข้าใจนะว่าทำไมผู้คนจึงคิดแบบนั้น มันเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ แต่แน่นอนว่ามันต้องไม่เกิดขึ้น ผมบอกเด็ก ๆ ไปตรง ๆ หลังจบเกมว่า ‘ความพ่ายแพ้มันก็จะเป็นความพ่ายแพ้ ถ้าคุณไม่ยอมเรียนรู้อะไรจากมันเลย

คุณต้องรู้ว่าเกมในช่วงออกสตาร์ทนั้นมันยอดเยี่ยมมาก และนั่นคือสิ่งที่เราต้องทำมันต่อไป ถ้าคุณปล่อยให้เกมเกมเดียวส่งผลต่อสภาพจิตใจ เราก็จะดุเหมือนคนโง่ เรามีเวลาอีก 2-3 วันที่จะทำให้แน่ใจว่าเราได้อะไรจากเกมนี้

เยอร์เก้น คล็อปป์ กล่าวเพิ่มเติม
เรอัล มาดริด
เรอัล มาดริด

มีความกังวลว่า ความพ่ายแพ้แบบเอ้าท์คลาสในบ้านตัวเอง อาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักเตะ ลิเวอร์พูล ที่กำลังฟื้นตัวกลับมาในการลุ้นท็อปโฟร์ในลีก เพราะก่อนหน้านี้ พวกเขาเก็บได้ 6 คะแนนเต็มจาก 2 เกมล่าสุดในการเจอ เอฟเวอร์ตัน และ นิวคาสเซิล, โดยเรื่องนี้ คล็อปป์ ก็ยืนยันว่าเขาจะพยายามทำทุกอย่างไม่ให้ลูกทีมกลับไปอยู่ ณ จุดเดิมที่ทีมต้องดิ้นรนอย่างหนักอีกครั้ง

คล็อปป์ คงอยากจะบอกกับลูกทีมว่า ไม่ว่าเกมเมื่อคืนนี้จะเป็นอย่างไร สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือการลืมมันไปให้เร็วที่สุด เพราะฤดูกาลนี้ยังไม่จบและยังคงเหลือการลุ้นท็อปโฟร์ที่พวกเขายังพอที่จะกำหนดชะตาและโอกาสของตัวเองได้อยู่

ยิ่งฟื้นเร็ว โอกาสก็ยิ่งเปิดกว้าง แต่ถ้ายังจมปลักกับความผิดหวังก็เท่ากับการไม่ให้โอกาสตัวเองได้ลุกขึ้นมาสู้ใหม่

เพราะฟุตบอลไม่ได้มีแค่นัดเดียว!

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top