5 นักเตะ ลิเวอร์พูล ที่จะได้ประโยชน์จากศึก ยูโรป้า ลีก

ในฤดูกาลหน้า ลิเวอร์พูล สโมสรดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต้องหล่นมาเล่นในศึก ยูโรป้า ลีก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2015/16 และถึงแม้ว่า มันจะเป็นผลงานล้มเหลวกว่าเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ แต่เมื่อมองในแง่ดีก็มีนักเตะ “หงส์แดง” จำนวนหนึ่งที่จะได้รับประโยชน์

หลังจากมีส่วนร่วมในฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 6 ฤดูกาลติดต่อกัน ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะต้องลงไปผจญภัยใน ยูโรป้า ทุกคืนวันพฤหัสบดี ซึ่งจะทำให้มีจำนวนแมทช์แข่งขันมากขึ้น

แน่นอนว่า ลิเวอร์พูล สโมสรดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คงไม่ส่งบรรดานักเตะตัวหลักลงเล่นในฟุตบอลถ้วยเล็กของยุโรปทุกเกม และนี่คือ บรรดา 5 แข้งที่จะมีโอกาสได้เฉิดฉายในเวทีกลางสัปดาห์

1. เบน โด๊ค

ปีกดาวรุ่งชาวสก็ตแลนด์รายนี้ กลายเป็นที่จับตามองจากการลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ไปแล้ว 5 เกมในฤดูกาลที่ผ่านมา และในวัยเพียง 17 ปี โด๊ค แสดงให้เห็นว่า เขาจะเป็นอนาคตในระยะยาวของทีมอย่างแน่นอน

โด๊ค เล่นในตำแหน่งตัวรุกฝั่งขวาเช่นเดียวกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซึ่งไม่มีอะไรต้องปิดบังเลยว่า เจ้าตัวจะเป็นทายาทรุ่นต่อไปของ “คิง ออฟ อิยิปต์” และการที่เขาจะได้โอกาสสัมผัสเกมยุโรปอย่างสม่ำเสมอนั้น ก็เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก

ขณะเดียวกัน ตัวรุกเลือด “วิสกี้” พอจะมีประสบการณ์กับทีมชุดใหญ่ไปบ้างแล้วเมื่อปีล่าสุด ดังนั้น ไม่ใช่ปัญหาเลยที่ โด๊ค จะได้ลงวาดลวยลายในศึก ยูโรป้า ลีก

2. สเตฟาน บายจ์เซติช

ก่อนที่จะบาดเจ็บในช่วงท้ายฤดูกาล บาย์จเซติช โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าเหลือเชื่อ และถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ทำผลงานได้ดีที่สุดของทัพ “หงส์แดง” โดยซีซันใหม่นี้ ดาวเตะวัย 18 ปี จะยังเป็นสมาชิกคนสำคัญในทีมอย่างแน่นอน

ในขณะที่ยังมีเครื่องหมายคำถามว่า ลิเวอร์พูล จะมองหามิดฟิลด์ตัวรับคนใหม่เพื่อเข้ามาช่วยงาน ฟาบินโญ่ หรือไม่ แต่ บาย์จเซติช แสดงให้เห็นแล้วว่า ตัวเองมีความสามารถมากพอในการเข้ามาเป็นทางเลือกให้กับทีม

เชื่อได้ว่าปีที่แล้วมีแฟนบอล “เดอะ ค็อป” เพียงไม่กี่คนที่เดาว่า กองกลางดาวรุ่งชาวสเปน จะแจ้งเกิดได้สำเร็จ แต่ตอนนี้ บาย์จเซติช ซึ่งลงเล่นใน ยูฟ่า แชม้ปี้ยนส์ลีก ไปแล้ว 4 เกม นั้น พิสูจน์แล้วว่า เป็นผู้เล่นในทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัวไปแล้ว

3. ฮาร์วีย์ เอลเลียต

หลังจากได้รับโอกาสลงสนามไปแล้ว 40 นัด ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เอลเลียตต์ ได้ลงเล่นเพียง 5 นัดจาก 11 เกมหลังสุดใน พรีเมียร์ลีก เมื่อปีที่แล้ว และหลัง จาก คล็อปป์ ตัดสินใจเปลี่ยนแท็คติค ปีกวัย 20 ปี ก็ยิ่งโอกาสน้อยลงไปอีก

เอลเลียตต์ เคยทำผลงานได้คงเส้นคงวาในบทบาทมิดฟิลด์ตัวกลางฝั่งขวา แต่เมื่อพิจารณาถึงการที่ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ย้ายมาจาก ไบรท์ตัน เขาอาจต้องถูกปรับกลับไปเล่นในตำแหน่งธรรมชาติอย่างปีกขวาอีกครั้ง

แน่นอนว่า ไม่มีใครจะแย่งตัวแหน่งตัวจริงไปจาก ซาลาห์ ได้ แต่การที่ ดาวเตะชาวอิยิปต์ กรำศึกหนักมาตลอดนั้น บางทีในคืนวันพฤหัสบดี อาจเป็นโอกาสของ เอลเลียตต์ ที่ได้ลงโชว์ฝีเท้าบ้าง

โจ โกเมซ

4. โจ โกเมซ

ภายใต้ระบบใหม่อย่าง 3-2-2-3 เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, อิบราฮิมา โคนาเต และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน จะเป็น 3 แนวรับตัวหลักของ คล็อปป์ ในซีซันหน้า แต่สำหรับ โกเมซ ก็ยังพอมีโอกาสสอดแทรกเข้ามาได้เช่นเดียวกัน

เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ วัย 26 ปี น่าจะยังได้อยู่ใน แอนฟิลด์ ต่อไป ในฐานะกำลังเสริม และ โกเมซ ก็เป็นกองหลังที่พร้อมจะเข้ามาทดแทนในกณีที่ ฟาน ไดจ์ค และ โคนาเต ไม่พร้อมลงสนาม หรือ คล็อปป์ ต้องการหมุนเวียนผู้เล่นในบางเกม

ในศึก ยูโรป้า ลีก ถือเป็นโอกาสดีของ โกเมซ ที่จะลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ และแสดงฝีเท้าให้ คล็อปป์ ได้เห็นเพื่อทวงตำแหน่งตัวจริงของตัวเองกลับคืนมาอีกครั้ง

ดาร์วิน นูนเญซ

5. ดาร์วิน นูนเญซ

นูนเญซ ก็เป็นนักเตะอีกรายที่ได้รับผลกระทบจากการการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเล่นของ คล็อปป์ ในช่วงท้ายซีซันที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ 7 เกมหลังสุด กองหน้าทีมชาติอุรุหวัย ได้ออกสตาร์ทเป็น 11 คนแรก ไปเพียงแค่ 2 เกมเท่านั้น

หลุยส์ ดิอาซ และ ดิโอโก้ โชต้า ต่างก็เป็นตัวเลือกที่ไว้ใจได้ในตำแหน่งปีกซ้าย ขณะที่ โคดี้ กัคโป ก็เป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งหัวหอกตัวกลาง ส่วนฝั่งขวา ซาลาห์ ก็ยืนประจำการอยู่แล้ว ดังนั้น นูนเญซ ต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อทวงตำแหน่งกลับคืนมา

เป้าหมายในปีที่ 2 ของ ดาวยิงวัย 24 ปี กับ ลิเวอร์พูล คือ การมีส่วนร่วมกับทีมมากขึ้น เข้าใจแท็ตติค และพัฒนาความเยือกเย็นในการจบสกอร์ ซึ่งการลงเล่นในคืนวันพฤหัสบดี จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับ นูนเญซ ได้ไม่ยาก

หัวหอกพลพรรค “จอมโหด” เคยยิงได้ 5 ประตู และแอสซิสต์ 1 ครั้ง จาก 7 เกมใน ยูโรป้า ลีก ให้กับ เบนฟิก้า ในฤดูกาล 2020/21 โดยมีค่าเฉลี่ยการทำประตูทุกๆ 73 นาที ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ยอดเยี่ยมทีเดียว

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top