สเตฟาน บายจ์เซติช ความหวังใหม่ในแดนกลางของ ลิเวอร์พูล

สเตฟาน บายจ์เซติช กองกลางดาวรุ่งชาวสเปนกลายเป็นนักเตะจากอคาเดมี่คนล่าสุดของ ลิเวอร์พูล ที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน ผลักดันให้ขึ้นมาเป็นผู้เล่นในทีมชุดใหญ่ของพลพรรค “หงส์แดง” อย่างเต็มตัวในฤดูกาลนี้ และดูเหมือนว่า เจ้าตัวจะมีอนาคตที่ค่อนข้างสดใสเลยทีเดียว

ในเกม พรีเมียร์ลีก ลัดล่าสุดที่ ลิเวอร์พูล เปิดรัง แอนฟิลด์ เสมอกับ เชลซี 0-0 เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา บายจ์เซติช ได้รับโอกาสออกสตาร์ทเป็น 11 คนแรก และถึงแม้สาวก “เดอะ ค็อป” หลายคนจะเซ็งกับผลการแข่งขัน แต่ก็มีเรื่องดีที่ได้เห็นคือ มิดฟิลด์วัยเพียง 18 ปี ยืนปักหลักตรงกลางสนามได้อย่างแข็งแกร่ง

สเตฟาน บายจ์เซติช

สเตฟาน บายจ์เซติช ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อได้รับโอกาสลงสนาม

ดาวรุ่งเลือด “กระทิงดุ” ระเบิดฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในเกม เอฟเอ คัพ นัดรีเพลย์ที่ ลิเวอร์พูล บุกไปเชือด วูลฟ์แฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 1-0 เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา และต่อมาเจ้าตัวก็ได้รับรางวัลจาก คล็อปป์ ให้ลงเล่นต่อเนื่องกับ เชลซี ซึ่งนับเป็นเกมลีกนัดแรกของเขาในเสื้อ “หงส์แดง” อีกด้วย

ในเกมกับ เชลซี นั้น บายจ์เซติช ต้องเผชิญหน้ากับมิดฟิลด์ชั้นยอดของ เชลซี อย่าง เมสัน เมาท์ และ จอร์จินโญ่ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกเลย และยังสมารถประคองตัวได้อย่างยอดเยี่ยมแม้จะโดนใบเหลืองไปตั้งแต่นาทีที่ 34 ก็ตาม

บายจ์เซติช สร้างความประทับใจให้กับ คล็อปป์ และทีมงานสตาฟฟ์โค้ชของ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นแล้ว โดยเฉพาะการเดินทางมาทัวร์ที่ประเทศไทย และ สิงคโปร์ นั้น เขาก็ได้ลงเล่นทั้ง 2 เกม และก็โชว์ฟอร์มได้เป็นอย่างดี

ตอนนี้ คล็อปป์ แสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่า บายจ์เซติชกลายเป็นนักเตะทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล อย่างเต็มตัว และเตรียมวางโครงการให้เป็นแกนหลักสำคัญในอนาคต ซึ่งเห็นได้จากการที่เขาเพิ่งได้รับการขยายสัญญาฉบับใหม่ออกไปจนถึงปี 2027

ในซีซั่นนี้ บายจ์เซติช ลงสนามให้ ลิเวอร์พูล ไปแล้วรวมทุกรายการมากกว่า 10 เกม ซึ่งมันอาจเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเล็กน้อยสำหรับกองกลางอายุ 18 ปี และมันทำให้เขามีสถิติลงเล่นไปมากกว่านักเตะรุ่นพี่อย่าง นาบี้ เกอิต้า, อิบราฮิม่า โคนาเต้, ดิโอโก้ โชต้า, เคอร์ติส โจนส์ และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปที่บรรดาดาวรุ่งจากอคาเดมี่ของ ลิเวอร์พูล ที่ได้รับโอกาสลงสนามจาก คล็อปป์ ก็ไม่มีใครสามารถยืนระยะเป็นตัวหลักได้เลยยกเว้นเพียงแต่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2017

อุปสรรค์ และความท้าทายที่ต้องเผชิญ

ในทีม ลิเวอร์พูล ชุดปัจจุบันมีผู้เล่นจากอคาเดมี่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่ยังมีพื้นที่ในทีมคือ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ควีวีน เคลเลเฮอร์, เคอร์ติส โจนส์ และ แนท ฟิลลิปส์ ซึ่ง 3 รายหลังยังไม่มีทีท่าว่าจะยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมของ คล็อปป์ ได้เลย

ขณะที่คนอื่นๆอย่าง รีส วิลเลียมส์ และ ไทเลอร์ มอร์ตัน ก็ถูกปล่อยออกไปด้วยสัญญายืมตัวแล้ว โดยก่อนหน้านี้ เนโก วิลเลียมส์ ก็โยกไปเล่นกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ส่วน เบน วู้ดเบิร์น ที่เคยโด่งดังเป็นพลุแตกก็ค่อยๆถูกลืมไป

ยังไม่นับรวมนักเตะอย่าง เควิน สจ๊วร์ต, เชยี่ โอโจ, แบรด สมิธ, คอนเนอร์ แรนดัลล์, แดนนี่ วอร์ด, เปโดร ชิริเบลย่า และ คาเมรอน บรานนาแกน ที่มีโอกาสได้สัมผัสเกมในฐานะนักเตะทีมชุดแรกยุค คล็อปป์ แต่พวกเขาไม่สามารถก้าวขึ้นมายืนเป็นขาประจำของทีมได้

บางทีมันก็แสดงให้เห็นว่า โอกาสสำหรับนักเตะเยาวชนมักเป็นผลมาจากสถานการณ์อย่างไรของทีมในเวลานั้น บายจ์เซติช ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอในปีนี้เนื่องจากผู้เล่นหลักหลายๆคนได้รับบาดเจ็บ และสภาพร่างกายอ่อนล้าอย่างชัดเจน

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีนักเตะดาวรุ่ง ลิเวอร์พูล หลายคนที่ได้รับโอกาสจาก คล็อปป์ ให้มาสัมผัสเกมกับทีมชุดใหญ่ ซึ่งอาจเป็นรายการฟุตบอลถ้วยในประเทศอย่าง เอฟเอ คัพ หรือ ลีก คัพ รวมถึงในช่วงท้ายๆของเกมลีก

อย่างไรก็ตาม ในกรณีของ บายจ์เซติช มันดูแตกต่างออกไปเมื่อมองจากจำนวนเกมที่เขาได้ลงสนามกับอายุในเวลานี้ โดยดาวรุ่งชาวสเปนค่อยๆสร้างความประทับใจให้กับ คล็อปป์ และพาตัวเองเข้ามาอยู่ในทีมชุดแรกได้สำเร็จ

การที่ได้เล่นร่วมกับมิดฟิลด์อย่าง ติอาโก้ อัลคันทาร่า นั้น ยิ่งทำให้ บายจ์เซติช ได้เรียนรู้ และได้รับประสบการณ์มากมาย ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะดูนิ่งเกินวัยสำหรับการลงมายืนปักหลักหน้าแผงแบ็คโฟร์ของ ลิเวอร์พูล

ในอดีตที่ผ่านมา บรรดาดาวรุ่งของ ลิเวอร์พูล ได้รับโอกาสจาก คล็อปป์ จากนั้น ก็จะค่อยๆถูกลืมไป แต่สำหรับ บายจ์เซติช เขามีคุณภาพมากพอ และก้าวขึ้นมาถูกเวลาในช่วงจังหวะที่ทีมชุดใหญ่กำลังมีปัญหาในแดนกลางอย่างชัดเจน ซึ่งอาจทำให้เจ้าตัวครองตำแหน่งห้องเครื่อง “หงส์แดง” ไปยาวๆจนจบฤดูกาลก็เป็นได้

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top