หงส์แดง ลิเวอร์พูล เปิดรัง แอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของ ปืนใหญ่ อาร์เซนอล เมื่อคืนนี้ ถือเป็นแมตช์ที่ครบเครื่องต้มยำสุดจัดจ้านเกมหนึ่งของลูกทีม เยอร์เก้น คล็อปป์ ในฤดูกาลนี้ เพราะมันมีทุกอย่างเกิดขึ้นตลอด 90 นาที
45 นาทีแรก คือความผิดพลาดและเป็นฟอร์มส่วนใหญ่ที่เราๆ ได้เห็นมาเกือบทั้งซีซันของทัพหงส์แดง พวกเขาเริ่มต้นด้วยความเอื่อยเฉื่อย จนกลายเป็นความผิดพลาด และจบลงด้วยการถูกลงโทษไป 2 ประตูภายในเวลายังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ลิเวอร์พูล เป็นแบบนี้มาตลอด ตั้งแต่นัดเปิดฤดูกาล พวกเขากลายเป็นทีมที่เสียสมาธิง่าย โดนขึ้นนำง่าย ตามตีเสมอยาก และก็ลงเอยด้วยผลเสมอไม่ก็พ่ายแพ้จนทำให้ต้องมาดิ้นรนเพื่อไปเล่น ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก กันอยู่ในเวลานี้
ในแมตช์นี้ช่วง 30 นาทีแรก เกมรับของ ลิเวอร์พูล ต้องเจอกับงานหนักทั้งด้านซ้ายและขวา ทั้งความเร็วและเทคนิคของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี และ บูคาโย ซาก้า รวมทั้ง กาเบรียล เชซุส ที่หาพื้นที่และจังหวะในการจบสกอร์ได้อย่างยอดเยี่ยม ทำเอาแผงแบ็คโฟร์ปั่นป่วนไม่น้อยเลยทีเดียว
![เทรนท์ - มาร์ติเนลลี เทรนท์ - มาร์ติเนลลี](https://redzonelfc.com/wp-content/uploads/2023/04/เทรนท์-มาร์ติเนลลี.webp)
แต่ดูเหมือนว่าหลังจากเสียประตูที่ 2 ไปแบบง่าย ๆ ทุกคนจะตั้งใจมากขึ้น โดยเฉพาะ อิบราฮิมา โคนาเต้ ที่ต้องรับผิดชอบกับประตู 2-0 ก็กลับมาเข้าที่เข้าทางและกลายเป็นกองหลังที่ฟอร์มเด่นในช่วงเวลาที่เหลือ
การเสียไป 2 ประตูทำให้ ลิเวอร์พูล กลับมาเล่นเป็นผู้เป็นคนและเริ่มทำเกมรุกเข้าใส่แบบมีน้ำมีเนื้อมากขึ้น จนในที่สุด โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็มาทำประตูตีไข่แตกก่อนหมดเวลาเพียง 3 นาที นั่นคือจุดที่ทำให้เกมเปลี่ยนไป เพราะหากจบ 45 นาทีแรกด้วยการตามหลัง 2 ประตู สถานการณ์จะเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบหนึ่งโดยสิ้นเชิง
ในช่วง 45 นาทีหลัง กลายเป็นว่า ลิเวอร์พูล กลับมาเล่นเกมของตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น ด้วยการที่ตามหลังอยู่เพียงประตูเดียวและเล่นในบ้าน เสียงกองเชียร์ก็ปลุกเร้าให้รีบเอาคืน ทำเอาทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ตั้งกระบวนกันไม่ติด และมาโดนลูกจุดโทษในช่วงต้นครึ่งหลัง เสียดายที่ โม ซาลาห์ ยิงไม่เข้า แต่แข้ง หงส์แดง ก็ยังคงดาหน้าบุกเพื่อเอาประตูอย่างต่อเนื่องเหมือนเดิม
จุดที่น่าสังเกต คือเกมรุกฝั่งขวาดูอันตรายมากขึ้น จากการปรับให้ เทรนท์ อาร์โนลด์ เข้ามาเล่นด้านในและ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ขยับขึ้นมามีส่วนร่วมกับเกมรุก ทำให้ ซาลาห์ มีที่ว่างเพิ่มขึ้นและได้โอกาสมากมาย ซึ่งเจ้าตัวก็ยิงทิ้งยิงขว้างตามสไตล์
![โคนาเต้ โคนาเต้](https://redzonelfc.com/wp-content/uploads/2023/04/โคนาเต้.webp)
คล็อปป์ ต้องการประตูตีเสมอ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน ถูกส่งลงมาในช่วง 12 นาทีสุดท้าย โดยก่อนหน้านั้น ติอาโก้ อัลคันทารา และ ดาร์วิน นูนเญซ ได้ลงมาป่วนแล้ว และก็เป็น บ็อบบี้ นี่แหละที่เป็นทีเด็ดทะยานโขกลูกตีเสมอให้กับ ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จในช่วงท้ายเกม
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บอาจจะถือได้ว่านี่คือฟอร์มของนักเตะเจ้าบ้านที่ไม่ได้เห็นมานาน พวกเขาดาหน้าบุกเข้าใส่จ่าฝูงและมีโอกาสมากมายที่จะได้ประตูปิดเกม แต่ อารอน แรมส์เดล โชว์ซูเปอร์เซฟช่วย อาร์เซนอล แบ่งแต้มไปได้อย่างหวุดหวิด
จะบอกว่าเกมนี้ 45 นาทีแรกเป็นของทีมเยือนและ 45 นาทีหลังเป็นของเจ้าบ้านก็ได้ โดยเฉพาะ ลิเวอร์พูล ที่ลงเล่นในครึ่งหลังแบบคนละทีมจากครึ่งแรก พวกเขากดคู่แข่งในแบบที่เราไม่ค่อยได้เห็น มีการปรับแท็คติกเพื่อเพิ่มพลังในเกมรุกทำให้มีโอกาสในการจบสกอร์มากขึ้น โดยโอกาสยิงประตูข่มกันเท่าตัวที่ 21 ต่อ 9 และการครอสบอลก็มากกว่าถึง 29 ต่อ 11 ครั้ง
จริง ๆ แล้วรูปแบบการเล่นและฟอร์มโดยรวมของ เดอะเร้ดส์ แทบจะไม่ต่างจากหลาย ๆ เกมที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ทำให้มันพิเศษมากขึ้นคือ สภาพจิตใจที่มุ่งมั่นและความกระหายในการทำประตูซึ่งสิ่งเหล่านี้จะถูกปลุกขึ้นจากภวังค์หลังถูกนำ 2-0 ในช่วง 28 นาทีแรก
![ฟีร์มิโน่ ฟีร์มิโน่](https://redzonelfc.com/wp-content/uploads/2023/04/ฟีร์มิโน่.webp)
ซึ่งนี่คือสิ่งที่หายไปจาก ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้
แม้ว่าจากผลเสมอ 2-2 นี้ทำให้เส้นทางในการลุ้นท็อปโฟร์ของเด็ก ๆ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะดูเลือนรางลงไปกับการเหลืออีกเพียง 9 เกมและช่องว่าง 11 คะแนน แต่เมื่อดูจากฟอร์ม 45 นาทีสุดท้ายถือได้ว่าเป็นสิ่งที่แฟนบอลอยากจะเห็นมานาน
ดังนั้นการลงสนามในช่วงที่เหลืออาจไม่ใช่เพื่อการคว้าพื้นที่ แชมเปี้ยนส์ลีก อีกต่อไป แต่จะเป็นการแสดงให้ เดอะค็อป เห็นว่าทีมที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขายังไม่หายไปไหนนั่นเอง
ขอบคุณผู้สนับสนุนหลัก ufabet