อาร์ตู เมโล ย้ายจาก ยูเวนตุส มาสวมเครื่องแบบสีแดงเพลิงของ ลิเวอร์พูล ด้วยสัญญายืมตัวในช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว จนถึงตอนนี้ เจ้าตัวเคยได้รับโอกาสลงสนามให้กับทีมลิเวอร์พูลชุดใหญในศีกยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ไป 1 นัด โดยมีเวลาอยู่ในสนามเพียงแค่ 13 นาทีเท่านั้น นอกนั้นก็เป็นการลงสนามไปเรียกความฟิตกับทีมลิเวอร์พูลชุดเล็กเสียมากกว่า
ตัดมาที่สถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล ในตอนนี้, ทีม หงส์แดง ยังเหลือโปรแกรมที่จะต้องลงสนามในเกม พรีเมียร์ลีก อีกแค่ 12 นัด ซึ่งแต่ละเกมก็สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาจำเป็นต้องเก็บ 3 คะแนนให้ได้มากที่สุด หากต้องการกลับไปยึดพื้นที่ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ให้ได้หลังจบฤดูกาล
ถ้าว่ากันตามตัวเลขแล้ว, โอกาสของ หงส์แดง ก็ยังพอมีหวังได้อยู่ เพราะในเวลานี้พวกเขารั้งอันดับ 6 ของตาราง ลงเล่นไปแล้ว 26 นัดมี 42 คะแนน มีแต้มห่างจากอันดับ 4 อย่าง ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ อยู่ 6 แต้มและยังแข่งน้อยกว่า 1 นัด เห็นชัดว่าทุกอย่างยังคงเปิดกว้าง ใช่ว่าจะหมดความหวังไปเสียทีเดียว เพียงแต่ว่า ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องงัดฟอร์มที่ดีที่สุดเพื่อเก็บคะแนนให้ได้มากที่สุดเท่านั้นเอง
ในอีกมุมหนึ่ง, จำนวน 12 เกมสุดท้ายในฤดูกาลนี้ ยังถือเป็น 12 เกมสุดท้ายของนักเตะหลาย ๆ คนในทีม รวมทั้งแข้งที่ทุกคนอาจจะลืมชื่อไปแล้วอย่าง อาร์ตู เมโล ซึ่งมีรายงานล่าสุดระบุว่า เขากลับมาฟิตและพร้อมที่จะลงสนามช่วยทีมได้แล้ว หลังจากที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดเมื่อช่วงปลายปีและพักยาวไปกว่า 4 เดือน

จะว่าไปแล้ว กองกลางวัย 26 ปีรายนี้ดูจะโชคร้ายไม่น้อยเลยทีเดียว แม้ว่าการย้ายมาจาก ยูเวนตุส แบบยืมตัวในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายซัมเมอร์จะทำให้เหล่า เดอะ ค็อป บางส่วนพอจะมีความหวังได้บ้าง แต่เขากลับได้ลงสนามให้กับทีมไปเพียง 13 นาทีก่อนจะได้รับข่าวร้ายเรื่องอาการบาดเจ็บและต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยทันที
นั่นจึงทำให้ อาร์ตู หายหน้าไปจากสารบบของแฟนบอลเป็นเวลาเกือบครึ่งปี, ลิเวอร์พูล ที่ยืมตัวมาก็ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ แถมยังมีอาการบาดเจ็บของนักเตะรายอื่นวนเวียนไปมาอยู่ตลอดทั้งซีซัน ส่งผลต่อผลงานโดยรวมที่ทำให้พวกเขาต้องมาดิ้นรนในการกลับไปเล่น แชมเปี้ยนส์ลีก อยู่ในขณะนี้
ไม่มีใครรู้ว่า หากอดีตมิดฟิลด์ บาร์เซโลนา ได้ลงเล่นในทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ แล้วจะเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยเราก็สามารถหวังได้กับครองบอลที่เหนียวแน่นและทักษะสไตล์แซมบ้าที่ไม่เป็นสองรองใคร พร้อมทั้งดีกรีและประสบการณ์ที่เคยเล่นให้กับทีมยักษ์ใหญ่ระดับ บาร์เซโลนา และ ยูเวนตุส มาแล้ว หากแต่เวลาเพียง 13 นาทีมันไม่พอที่จะแสดงให้เห็นศักยภาพด้านใดออกมาได้เลย
ข่าวดีคือ อาร์ตู กลับมาแล้ว แต่ข่าวที่ไม่ดีมาก ๆ คือ ลิเวอร์พูล เพิ่งจะเสีย สเตฟาน บายจ์เซติช ที่ปิดเทอมยาวใน 12 เกมที่เหลือเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเป็นไปได้หรือไม่ที่แข้งบราซิลเลียนจะเป็นคนที่ก้าวขึ้นมาทดแทนในช่องว่างตรงนั้นเพื่อช่วยทีมในโค้งสุดท้ายของฤดูกาล

เรื่องนี้คงไม่มีใครตอบได้เลย เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ว่าเขามองอย่างไร แต่อย่างน้อยก็มีสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่า นายใหญ่ชาวเยอรมันอาจจะหันมาให้โอกาสกับ อาร์ตู อีกครั้งก่อนที่จะย้ายกลับไป ยูเวนตุส หลังจบฤดูกาลนี้
สัญญาณที่ว่านั้นก็คือ การใส่ชื่อของแข้งแซมบ้าเป็นตัวสำรองในเกมที่พ่ายต่อ บอร์นมัธ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่มีตัวเลือกอื่นมากมายในแผงมิดฟิลด์อย่าง เคอร์ติส โจนส์, นาบี เกอิต้า และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ที่พร้อมลงสนามเช่นกัน แต่ทั้ง 3 รายที่กล่าวมานี้ กลับไม่มีชื่อแม้แต่ที่ม้านั่งข้างสนาม
แม้ว่าในเกมต่อมาที่ออกไปแพ้ต่อ เรอัล มาดริด ทั้ง 3 รายจะกลับมามีชื่ออยู่ในลิสต์ตัวสำรอง แต่นั่นเป็นเพราะว่า ลิเวอร์พูล ไม่ได้ลงทะเบียนชื่อ อาร์ตู ในลิสต์รอบนี้ เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ผ่านมาของเจ้าตัวเอง
สิ่งนี้อาจจะทำให้เราคิดได้ว่า เยอร์ก้น คล็อปป์ กำลังมองหาโอกาสในการใช้งาน อาร์ตู ในช่วงที่เหลือของฤดูกาล ในขณะที่ บายจ์เซติช นั้นปิดเทอมไปแล้ว โอกาสของเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

ในโค้งสุดท้ายของฤดูกาล พวกเราจึงน่าจะได้เห็น อาร์ตู ลงสนามช่วยทีมมากขึ้น แน่นอนว่า เขาอาจจะไม่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงตั้งแต่แรก เพราะเมื่อช่วงเบรคทีมชาติจบลง คาดว่าทีมก็จะได้ทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ติอาโก้ อัลคันทารา กลับมาพร้อมหน้า ซึ่งโอกาสที่ทั้งคู่จะลงเป็น 11 ตัวจริงนั้นมีมากกว่า แต่กับการเจอศึกหนักอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี และ อาร์เซนอล แบบติด ๆ กันเช่นนี้ เชื่อว่าเจ้าตัวจะได้ลงสนามช่วยทีมแน่ ไม่นัดใดก็นัดหนึ่ง
การได้มีชื่อในเกม พรีเมียร์ลีก นัดล่าสุดนั้นอาจเป็นแรงกระตุ้นให้กับแข้ง ยูเวนตุส รายนี้ รวมทั้งยังทำให้เราได้เห็นว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ จัดลำดับความสำคัญของเขาเอาไว้อย่างไร และเชื่อว่าหลังจากนี้ เกอิต้า และ ดิอ็อกซ์ ก็อาจจะถูกใช้งานน้อยลงไปเรื่อย ๆ เพราะที่ผ่านมาทั้งคู่ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า พวกเขายังไม่ดีพอที่จะช่วยทีมได้ในช่วงเวลาคับขันได้
โอกาสสุดท้ายจริง ๆ ของ อาร์ตู กำลังเดินทางมาถึงและเขาก็จำเป็นจะต้องคว้าเอาไว้ให้ได้ และต้องไม่ลืมว่า ลิเวอร์พูล ยังมีออปชันในการซื้อขาดอีก 37.5 ล้านยูโร ซึ่งแม้ว่าโอกาสมันจะน้อยนิดเหลือเกิน
แต่ในโลกฟุตบอล อะไรก็เกิดขึ้นได้ หากคุณโชว์ฟอร์มได้ดี…
ขอบคุณผู้สนับสนุนหลัก ufabet