ฟอร์มการเล่นของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กลับมาเป็นประเด็นให้พูดถึงอีกครั้งหลังจากที่เจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้อย่างย่ำแย่ในเกมที่แพ้ต่อ เรอัล มาดริด ในศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายเลกที่ 2 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
จะว่าไปแล้ว ฤดูกาลนี้ถือเป็นซีซันที่หนักหน่วงสำหรับแบ็คขวาวัย 24 ปีก็ว่าได้ เพราะแทบทุกเกมที่ไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ เจ้าตัวมักจะกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์และถูกชี้ว่า นี่คือจุดอ่อนที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้ไม่ดีในเกมนั้น ๆ
นัดที่บุกไปโดน มาดริด เฉือน 1-0 ก็เช่นกัน แบ็คขวารายนี้ถูกตั้งคำถามว่าเขาตอบสนองช้าเกินไปหรือเปล่า กับประตูที่เสียไปในท้ายครี่งหลัง เพราะในจังหวะที่บอลกระดอนจากการสกัดของ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ มาทาง วินิซิอุส จูเนียร์ นั้น ฟูลแบ็คหงส์แดงทำได้เพียงยืนดูอยู่เฉย ๆ ก่อนที่ปีกแซมบ้าจะล้มตัวผ่านบอลกลับไปให้ เบนเซมา ยิงประตูชัยปิดกล่องส่งทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ตกรอบโดยสมบูรณ์แบบ
จังหวะนี้แหละที่ทำให้แบ็คขวาชาวอังกฤษถูกถล่มเละเทะ ถึงขนาดที่ เจมี คาร์ราเกอร์ ออกมาอ้อนวอนต่อ คล็อปป์ ว่าช่วยหาแบ็คขวาอีกคนเข้ามากดดันทีเถอะ เพราะการไม่มีใครมากดดันแบบนี้ มันส่งผลต่อความล้าและฟอร์มการเล่น ซึ่งจะเป็นปัญหาในระยะยาวต่อไปแน่ ๆ
อันที่จริง มีการพูดถึงกันมาตลอดในช่วง 2-3 ปีหลัง และน่าจะเป็นแนวรับเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำให้กูรูและแฟนบอลมานั่งถกเถียงกันได้ตลอดเวลาว่า ตกลงดาวเตะวัย 24 ปีควรจะเล่นตำแหน่งไหนกันแน่
อย่างที่ทราบกันว่า เจ้าตัวแจ้งเกิดจากการเล่นในแดนกลางในทีมชุดเยาวชน ผ่านการปลุกปั้นมาจาก สตีเวน เจอร์ราร์ด ก่อนจะถูกดันขึ้นทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2016 ซึ่งในเวลานั้นมีอายุเพียง 18 ปี และนับเป็นคลื่นลูกใหม่ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อมาอยู่ในมือของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เจ้าหนูสเกาเซอร์ก็ถูกปรับเปลี่ยนบทบาทใหม่ที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือการรับหน้าที่แบ็คขวาและเพลย์เมคเกอร์ไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งนี่คือจุดที่ทำให้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวทำให้ เทรนท์ สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้สำเร็จและลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน
ความโดดเด่นของแข้ง หงส์แดง รายนี้ ไม่ใช่การเล่นเกมรับที่เหนียวแน่น แต่มาจากการครอสบอลที่แม่นยำ โดยเฉพาะลูก Early Cross หรือการผ่านบอลก่อนถึงเส้นหลังและการเติมเกมรุกที่ดุดัน ซึ่งเป็นแท็คติกที่ คล็อปป์ ใส่เข้ามาให้กับเกมรุกของ ลิเวอร์พูล ในขณะที่ด้านซ้ายมี แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ประจำการอยู่ก็เล่นในสไตล์คล้าย ๆ กันด้วย และกลายเป็นอาวุธหนักที่สร้างชื่อให้กับ ลิเวอร์พูล ทั้งใน พรีเมียร์ลีก และเวทียุโรปจนประสบความสำเร็จมาแล้วอย่างมากมาย
อย่างไรก็ตาม ในซีซันนี้กลายเป็นซีซันที่ เทรนท์ ตกเป็นเป้าวิจารณ์มากที่สุดนับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ หลายคนมองว่าเขาฟอร์มตกลงไปมาก ไม่อยู่ในมาตรฐานเดิม และกลายเป็นจุดอ่อนของทีม ซึ่งเคยมีข้อเสนอให้ลองจับมาเล่นเป็นกองกลางดูบ้างอยู่เหมือนกัน แต่ คล็อปป์ ก็ยืนยันว่า เขามีฟูลแบ็คที่ดีที่สุดในยุโรป ทำไมต้องให้เล่นในตำแหน่งอื่น แต่ปัญหาก็ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและในเกมล่าสุดที่แพ้ต่อ เรอัล มาดริด เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจน
เสียงของ เจมี คาร์ราเกอร์ ที่อยากให้ซื้อแบ็คขวาเข้ามาอีกคนอาจจะเป็นคำตอบในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ก็เป็นได้ เพราะการกรำศึกหนักอยู่คนเดียวกว่า 90% ตลอดระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา ย่อมส่งผลต่อสภาพจิตใจและร่างกายที่เหนื่อยล้ากว่าเดิมเป็นหลายเท่า แม้อายุอานามของแบ็คขวาผู้นี้จะยังไม่ถึงเบญจเพสเลยก็ตาม
แต่จริง ๆ แล้วหากจำกันได้ คล็อปป์ ก็พยายามแก้ปัญหานี้มาตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ด้วยการที่เขาดึงเอา คาลวิน แรมพ์ซีย์ มาร่วมทีม แต่เจ้าหนูชาวสก็อตต์ยังไม่สามารถก้าวขึ้นมาอยู่ในมาตรฐานของทีมชุดใหญ่ได้ บวกกับอาการบาดเจ็บเรื้อรัง จึงทำให้ทีมไม่มีแบ็คอัพในตำแหน่งแบ็คขวาให้ใช้งาน ผิดกับด้านซ้ายที่ คอสตาส ซิมิคาส พร้อมกดดัน ร็อบโบ้ อยู่ตลอดเวลา
เมื่อย้อนกลับมาคิดถึงฟอร์มอันโดดเด่นตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมาของเขาแล้ว เราจะพบว่าสิ่งที่ทำให้ฟูลแบ็ค หงส์แดง โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจนยึดตำแหน่งตัวจริงมาตลอด นั่นคือ ความช่วยเหลือจากแดนกลาง
เป็นที่ทราบกันดีว่าในระบบของ เยอร์เก้น คล็อปป์ 3 ประสานตรงกลางสนามจะเป็นหัวใจและพลังในการขับเคลื่อนเกมทั้งรุกและรับ ปีที่พวกเขาได้แชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก และแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในช่วงเวลาปี 2019-2020 รายชื่อมิดฟิลด์ในตอนนั้นคือ ไวจ์นัลดุม, ฟาบินโญ, และ เฮนเดอร์สัน พร้อมกับแข้งสำรองอย่าง อดัม ลัลลานา, นาบี เกอิต้า, อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน, เจมส์ มิลเนอร์ และ เซอร์ดาน ชากิรี ซึ่งนักเตะเหล่านี้กำลังอยู่ในช่วงพีคและฟิตสมบูรณ์ในการเล่นกับระบบเกเก้นเพรสซิงพอดี
แต่เดิมนั้น ฝั่งขวาส่วนใหญ่จะเป็นที่ประจำการของ เฮนโด้ ซึ่งจะเล่นเป็น 3 เหลี่ยมกับ โม ซาลาห์ และ เทรนท์ อาร์โนลด์ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เกมรุกและรับฝั่งขวาทรงประสิทธิภาพ มีความอันตราย และแน่นปึ๊ก แต่ในซีซันนี้การกรำศึกหนักและอายุที่มากขึ้นก็ย่อมทำให้สภาพร่างกายโรยราลงไป ความเข้มข้นดุดันและการสามารถวิ่งขึ้นลงได้ตลอด 90 นาทีจึงไม่ได้อยู่ในระดับเดิม หมายความว่ามันส่งผลต่อทั้งเกมรุกและรับของทีมไปด้วย
ซึ่งสถานการณ์นี้เกิดขึ้นกับมิดฟิลด์แทบทุกรายของ ลิเวอร์พูล นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ประสิทธิภาพในเกมรุกและความเหนียวแน่นในเกมรับของพวกเขาถดถอยอย่างเห็นได้ชัด และในกรณีของ เทรนท์ มันจึงทำให้เขากลายเป็นจุดอ่อนของทีมที่ชัดเจนมากกว่าฤดูกาลไหน ๆ
หากจะบอกว่าความถดถอยในแผงมิดฟิลด์เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ดาวเตะวัย 24 ปีที่มีเกมรับไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งโดนเล่นงานหนักเข้าไปอีกและส่งผลต่อผลงานในภาพรวมของทีมไปด้วยก็คงไม่ผิดนัก
เชื่อว่า คล็อปป์ เองก็รู้เรื่องนี้ ซึ่งในอีก 12 เกมที่เหลือเราในฐานะแฟนบอลคงต้องเอาใจช่วยลุ้นให้พวกเขาหาทางออกในเรื่องนี้เจอโดยเร็ว เพราะเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วในการลุ้นคว้าโควตา แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้า
และเมื่อตลาดซัมเมอร์มาถึงค่อยมาดูกันอีกที…
ขอบคุณผู้สนับสนุนหลัก ufabet