รายงานจาก เดอะ การ์เดี้ยน ระบุว่า ‘เมสัน เมาท์‘ คือแข้งที่ ลิเวอร์พูล กำลังติดตามสถานการณ์อยู่อย่างใกล้ชิด นี่คงเป็นอีกรายงานข่าวที่ทำให้แฟนบอล หงส์แดง รู้สึกใจเต้น!!
ว่ากันตามตรงแล้ว นักเตะอย่าง เมสัน เมาท์ ถือว่าเป็นนักเตะที่มีความน่าสนใจสำหรับ ลิเวอร์พูล อยู่เช่นกัน เพราะนอกจากหน้าตาอันหล่อเหลา เจ้าตัวคือแข้งสารพัดประโยชน์ที่เล่นได้หลายตำแหน่งในแนวรุก ซึ่งบรรดาแฟนหงส์แดงจะรู้กันดีอยู่แล้วว่า ‘แข้งรายนี้เข้าทางของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เลย’
งานสำคัญในช่วงซัมเมอร์ของ ลิเวอร์พูล คือการสร้างทีมใหม่ โดยเฉพาะการยกเครื่องแผงกองกลาง ซึ่งจะมีนักเตะที่ย้ายออจากทีมแน่ ๆ แล้ว 2 รายทั้ง นาบี เกอิต้า และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ที่หมดสัญญาไป
ตัวที่เหลืออยู่อย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (32 ปี) และ ติอาโก้ อัลคันทารา (31 ปี) คงไม่สามารถยืนระยะได้ตลอดทั้งซีซัน เนื่องด้วยสภาพร่างกายที่โรยรา สวนทางกับเกมที่ต้องการความเข้มข้นของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีผู้เล่นคนใหม่เพื่อเข้ามาเป็นแกนหลักในจุดนี้
มีนักเตะมากมายหลายชื่อที่ถูกยกขึ้นมาเชื่อมโยงกับการเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ แต่กับรายล่าสุดดูน่าสนใจอย่างมาก เพราะเป็นผู้เล่นที่มีดีกรีและผ่านสมรภูมิ พรีเมียร์ลีก มาอย่างโชกโชน และที่สำคัญ เจ้าตัวเป็น ‘อิงลิชชน คนอังกฤษ’ เสียด้วย!!
เมสัน เม้าท์ คือนักเตะที่กำลังตกเป็นข่าวกับ ลิเวอร์พูล อยู่ในเวลานี้ โดยรายงานจากสื่ออังกฤษหลายสำนักระบุว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ ให้ความสนใจแข้ง สิงโตน้ำเงินคราม และกำลังจับตาดูสถานการณ์ในแค้มป์ พรีเมียร์ลีก อย่างใกล้ชิด เนื่องจากนักเตะกำลังจะหมดสัญญาในอีก 18 เดือนข้างหน้า แต่การเจรจากับต้นสังกัดยังไม่มีอะไรคืบหน้าแต่อย่างใด
ข่าวออกมาว่า เมาท์ ต้องการค่าเหนื่อยในระดับเดียวกับบรรดาซูเปอร์สตาร์ในทีม โดยปัจจุบัน เขารับอยู่ที่ 75,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 85,000 ยูโร ซึ่งน้อยกว่า คาลิดู คูลิบาลี ที่รับมากกว่าถึง 3 เท่าจากการเซ็นสัญญาร่วมทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์
อันที่จริง ดาวเตะวัย 24 ปีเคยตกเป็นข่าวกับ ลิเวอร์พูล มาแล้ว เมื่อตอน ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ แต่ตอนนั้นกระแสของ จู๊ด เบลลิงแฮม ดูจะมาแรงกว่า รวมทั้งแข้งกองกลางรายอื่น ๆ อย่าง โซฟียาน อัมราบัต และ เอนโซ เฟร์นานเดส ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น ก็ถูกกล่าวถึงมากกว่าแข้ง สิงห์บลู
อย่างไรก็ตามข่าว ข่าวเชื่อมโยงระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เมาท์ กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้งเมื่อผ่านช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ซึ่งปกติในเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่สโมสรต่าง ๆ ต้องจับนักเตะคนสำคัญที่เหลือสัญญาอีก 18 เดือนต่อสัญญาใหม่ทันที เพราะมิเช่นนั้นแล้ว มีความเสี่ยงอย่างมากที่จะเสียผู้เล่นไปแบบไม่มีค่าตัวเมื่อเข้าสู่เดือนมกราคมปีหน้า
อีกทางหนึ่งคือ หากการต่อสัญญาไม่ประสบความสำเร็จ สโมสรก็ต้องหาทางขายออกไปให้ได้ในช่วงซัมเมอร์ เพื่อเป็นรายได้เข้ามาหมุนเวียน ในเมื่อไม่สามารถรั้งเอาไว้ได้ อย่างน้อยขายได้เงินก็ยังดี
ในกรณีของ เมาท์ ก็เช่นกัน สัญญาของนักเตะควรจะจบในเดือนมกราคมนี้หรืออย่างช้าก็ช่วงซัมเมอร์หน้า แต่ระดับเขาซึ่งเป็นตัวหลักให้กับ เชลซี มาตลอด การเจรจาที่ยืดเยื้อจนล่วงเข้าปลายเดือนแบบนี้ มันจึงน่าจับตามองว่าอนาคตต่อไปจะเป็นอย่างไร
นอกจากเรื่องสัญญาแล้ว สิ่งที่ทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ให้ความสนใจ เมาท์ เป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าเขาเป็นผู้เล่นที่มีคุณสมบัติที่สามารถตอบโจทย์การสร้างทีมใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องของการ ‘เพรสซิง’
เกมของกองกลางอิงลิชนั้น เต็มไปด้วยความเข้มข้น ใจสู้ และมุ่งมั่น อีกทั้งยังมีเทคนิคการเอาตัวรอดในพื้นที่แคบ ๆ ได้ ครองบอลได้ดีท่ามกลางสถานการณ์ที่กดดัน รวมทั้งการมีสถิติทำแอสซิสต์ที่น่าสนใจโดย 3 ฤดูกาลครึ่งที่ผ่านมาทำไปแล้ว 25 แอสซิสต์ เฉลี่ยปีละ 8 แอสซิสต์ ก็ถือว่าไม่เลวนัก
สิ่งที่เป็นจุดเด่นอีกเรื่องหนึ่งก็คือการยิงประตู ตลอดการเล่นในรายการ พรีเมียร์ลีก ที่ผ่านมา เขาทำไปแล้ว 27 ประตู โดยเฉพาะซีซันก่อนถือเป็นจุดพีคที่สุดคือ ยิงไป 11 ประตูและทำ 10 แอสซิสต์ ซึ่งมีลูกจุดโทษเพียงลูกเดียวเท่านั้น
และหนึ่งสิ่งที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ น่าจะต้องการมากที่สุดจากมิดฟิลด์รายนี้ก็คือ เรื่องความฟิตสมบูรณ์ของร่างกาย แข้งรายนี้แทบจะไม่มีอาการบาดเจ็บหนัก ๆ เลย ตั้งแต่ถูกเลื่อนขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ โดย 3 ซีซันหลังสุด เฉพาะเกมลีกลงเล่นไปเฉลี่ย 35 นัดต่อฤดูกาลหรือพลาดไปเพียง 3 เกมต่อซีซัน
ดู ๆ ไปแล้ว เมาท์ มีแทบทุกอย่างที่ คล็อปป์ ต้องการ แถมค่าตัวก็น่าจะไม่แพงเท่ากับ จู๊ด เบลลิงแฮม หากแต่มีสิ่งหนึ่งที่อาจจะทำให้ต้องฉุกคิดขึ้นมา นั่นคือผลกระทบต่อนโยบายการผลักดันนักเตะดาวรุ่งขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล
เป๊ป ลินเดอร์ส เคยพูดถึงเรื่องนี้เอาไว้เมื่อปี 2019, เขาบอกว่า ลิเวอร์พูล กำลังสร้างวัฒนธรรมบางอย่างขึ้นมา นั่นคือการพยายามสนับสนุนแข้งดาวรุ่งอนาคตไกลขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่อย่างต่อเนื่องเพื่อใช้งานพวกเขาในระยะยาวและเป็นการรักษาสภาพคล่องทางการเงินให้กับทีมอีกทางหนึ่ง
ตัวอย่างที่เราเห็นได้ชัดในตอนนี้ คือการพยายามผลักดัน ฮาร์วีย์ เอลเลียต ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่ย้ายมาจาก ฟูแลม เมื่อตอน อายุ 16 ปีก่อนจะปล่อยให้ แบล็คเบิร์น ยืมไปใช้งาน 1 ซีซันและกลับมาได้โอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัวเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
ที่สำคัญดาวเตะวัย 19 ปีมีคุณสมบัติที่แทบไม่แตกต่างจาก เมสัน เมาท์ ในแง่ของแท็คติก เขาสามารถวิ่งไล่เพรสซิงคู่ต่อสู้ได้ มีวิสัยทัศน์ในการสร้างสรรค์เกม และมีเทคนิคที่ดีในการเล่นกับพื้นที่แคบ ๆ มีเพียงประสบการณ์เท่านั้นที่ต้องใช้เวลาในการฟูมฟักอีกซักหน่อย
เอลเลียต ได้รับการสนับสนุนของ คล็อปป์ และทีมงานอย่างเต็มที่ รวมทั้ง สเตฟาน บายจ์เซติช และ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ ซึ่งนักเตะเหล่านี้จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของ ลิเวอร์พูล ในอนาคตอย่างแน่นอน หากพวกเขามีพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น การดึง เมาท์ เข้ามา จึงมีความกังวลอยู่ว่าจะส่งผลต่อพัฒนาการของ เอลเลียต และการพัฒนาแข้งดาวรุ่งตามแนวนโยบายที่วางไว้หรือไม่?!
แต่หาก เยอร์เก้น คล็อปป์ สามารถผสมผสานนักเตะใหม่กับเด็กดาวรุ่งเหล่านี้ได้ ผลประโยชน์มหาศาลก็จะตกอยู่กับสโมสรอย่างแน่นอน…