เหตุผลที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ปกป้องทีมเบื้องหลัง ลิเวอร์พูล  

เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ยังคงทำหน้าที่เป็นผู้นำที่ดีเช่นเคย ด้วยการออกมาปกป้องทีมงานสตาฟฟ์โค้ช “หงส์แดง” หลังโดนวิจาณ์อย่างหนักว่า มีส่วนสำคัญที่ทำให้ผลงานในปีนี้ตกต่ำอย่างน่าใจหาย และบางคนมีบทบาทในสโมสรมากจนเกินไป

ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำของ คล็อปป์ มีฟอร์มการเล่นไม่สม่ำเสมออย่างมากในปีนี้ โดยนับตั้งแต่เปิดปฏิทินปี 2023 เป็นต้นมา “หงส์แดง” เพิ่งเก็บชัยชนะในลีกได้เพียงเกมเดียวคือ นัด “เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ แมทช์” ที่เปิดรัง แอนฟิลด์ เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0

อดีตนายใหญ่ ไมนซ์ และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยืนยันว่า ตัวเขาจะเป็นผู้รับผิดชอบกับผลงานที่ล้มเหลว และวิกฤตของ ลิเวอร์พูล แต่เพียงผู้เดียว แม้หลายฝ่ายจะโจมตีไปที่ทีมงานเบื้องหลัง รวมถึง เฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป ผู้เป็นเจ้าของสโมสรด้วยก็ตาม

เยอร์เก้น คล็อปป์

เยอร์เก้น คล็อปป์ แสดงความรับผิดชอบกับฟอร์มของลูกทีมด้วยตัวเอง  

คล็อปป์ กล่าวว่า “หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมยังรู้สึกดี นั่นเป็นความรู้สึกที่ปกติสุดๆ และคุณก็รู้เช่นกันตอนนี้เราสามารถผ่านไปได้ 7 ปีครึ่ง มีผู้คนจำนวนมากจากไป และก็เข้ามาสู่สโมสร และมันก็ได้ผลดีอยู่เสมอเราไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ว่า พวกเขาจะเข้ามา และทำให้ทีมดีขึ้นทันที”

“ตอนนี้เราเล่นฟุตบอลได้ไม่ดี และพวกคุณก็บอกผมแบบนั้น ซึ่งมันไม่สมเหตุสมผลเลย ถ้าพวกเขา (ทีมงานสตาฟฟ์) ไม่ช่วยเหลือผม ไม่สร้างแรงบันดาลใจ หรืออะไรก็ตามที่คุณต้องการ พวกเขาจะไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมชัดเจน 100% ว่า ไม่มีใครมาที่นี่เพราะพวกเขาอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผมมาก่อน ไม่เคยเป็น และจะไม่เป็นแบบนั้นด้วย”

“พวกเขามาอยู่ที่นี่เพราะพวกเขาเก่งที่สุดในการทำงานของตัวเอง มันก็แค่นั้นแหละ และอีกอย่าง ถ้าคุณชื่นชมพวกเขาในช่วงเวลาที่ดี และวิจารณ์พวกเขาในช่วงเวลาที่แย่ ผมว่าพวกคุณก็ไม่ควรพูดถึงทีมงานของผมเลยดีกว่า”

“การเผชิญหน้ากับวิกฤตเกิดขึ้นได้เสมอ แต่ผมได้รับเงินจำนวนมากเพื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เหล่านั้น และผมก็สบายดี พวกเขาทุกคนเป็นมืออาชีพ และถ้าผมจะฟังคนที่ให้คำแนะนำผิดๆ กับผม มันก็เป็นความผิดของผมเอง ซึ่งมันไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเลย”  

หลังจากบุกไปพ่าย วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คล็อปป์ เรียกประชุมทีมงาน และนักเตะอย่างละเอียดเพื่อวิเคราะห์ถึงปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น จากนั้น ในเกมต่อมา ลิเวอร์พูล ก็ทำผลงานได้ดีขึ้นด้วยการเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน

หวังจะพาทีมกลับสู่เส้นทางที่ดีอีกครั้ง

ลิเวอร์พูล กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มการเล่นไม่สม่ำเสมออย่างมาก และการที่เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ได้ในเกมล่าสุดนั้น ดูเหมือนแฟนบอล “เดอะ ค็อป” หลายคนมั่นใจว่า ทีมของพวกเขาจะกลับมาแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรสามารถรับประกันได้ว่า พลพรรค “หงส์แดง” จะกลับมามีความมุ่งมั่น ดุดัน และกระหายชัยชนะในทุกๆเกมหลังจากนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ คล็อปป์ ต้องคอยกระตุ้นลูกทีมตัวเองให้ได้

คล็อปป์ อธิบายต่อว่า “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในชีวิตของผมที่ผมเจอกับสถานการณ์แบบนี้ และผมคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้คุณต้องชัดเจน 100% ไม่ปิดบังอะไร ซึ่งสำคัญจริงๆคือ ความชัดเจน เพราะผมรู้ว่ามันเป็นแบบนี้เสมอ”

“กับคนอื่นๆเราอาจจะปล่อยมันผ่านไป เพราะเราไม่จำเป็นต้องทำงานร่วมกับพวกเขา ดังนั้น มันจึงแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเมื่อคุณทำงานร่วมกันในฐานะทีม มันชัดเจน และเราไม่ได้ไปหาข้อแก้ตัว นั่นเป็นเรื่องปกติ เราไม่เคยทำแบบนั้น จะไม่ทำด้วย”

“คุณไม่สามารถลืมผลการแข่งขันแย่ ๆ ได้ทันทีหรอก แต่ 2-3 วันต่อมามันก็ดูแตกต่างไป นั่นคือสิ่งที่เป็นอยู่ ผมไปทำอะไรกับเวลาว่าง? ไม่มีอะไรพิเศษ ผมมีสิ่งที่ต้องทำเยอะมาก แต่ผมมีเวลาเดินเล่นบนชายหาด ซึ่งผมไม่ได้ทำเป็นเวลานาน มันดีมาก ๆ กับผม”

“คุณคิดเกี่ยวกับผลการแข่งขันตลอดเวลา และมันเริ่มต้นด้วยอารมณ์จริงๆ หลังจบเกม เพราะผมเกลียดความพ่ายแพ้ และนั่นจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง และผมรู้ว่าพวกคุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับสิ่งที่ผมทำในการแถลงข่าวบางครั้ง

“ระดับความก้าวร้าวที่ผมมีในตัวผม แน่นอนว่าผมไม่พอใจกับหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้น แต่มันไม่ใช่สาเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้น ผมแค่ไม่ชอบ ถ้าคุณไปหาคนผิด เรื่องที่เราผลงานย่ำแย่”

“เหมือนเป็นการเริ่มต้นวิธีจัดการกับสถานการณ์ ยกตัวอย่าง คุณขับรถกลับบ้านประมาณ 2 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น และไม่มีใครพูดอะไรเลย มันเหมือนเป็นวันที่เลวร้ายจริงๆ จากนั้นหยุดสองวันแล้วกลับเข้ามาใหม่ และระดับอารมณ์จะลดลง และทันทีที่อารมณ์ลดลง คุณจะเริ่มคิดแก้ไขปัญหาได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง”

การเป็นผู้นำโดยธรรมชาติของ คล็อปป์ และการไม่ยอมแพ้อะไรแบบง่าย ๆ นั้น น่าจะถูกถ่ายทอดไปสู่นักเตะ ลิเวอร์พูล ไม่มากก็น้อย ซึ่งเห็นได้จากเกมล่าสุดกับ เอฟเวอร์ตัน ที่พลพรรค “หงส์แดง” กลับมาเล่นฟุตบอลด้วยความดุดัน มุ่งมั่น และทุ่มเทอีกครั้ง

แม้ปัจจุบัน ลิเวอร์พูล จะรั้งอันดับ 9 ของตารางคะแนนในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่หากพวกเขารักษาฟอร์มการเล่นเหมือนในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน ได้นั้น การทำอันดับขยับขึ้นไปติดท็อปโฟร์เพื่อคว้าตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ยังพอมีความหวังที่เป็นไปได้ แม้จะยากก็ตาม แต่สุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่กับนักเตะ ลิเวอร์พูล เองว่า จะรักษาความมุ่งมั่นไว้ได้มากเพียงใด

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top