5 เรื่องที่แฟน ลิเวอร์พูล ยังพอยิ้มได้หลังโดน เรอัล มาดริด ถล่ม

ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำทัพของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน สร้างโมเมนตั้มที่ดีต่อเนื่องด้วยการบุกไปเก็บชัยชนะครั้งสำคัญเหนือคู่แข่งที่แย่งท็อปโฟร์อย่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่สนาม เซนต์ เจมส์ ปาร์ค 2-0 เมื่อวันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านั้นก็ชนะ เอฟเวอร์ตัน

อีก 3 วันต่อมา ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกแรก ลิเวอร์พูล ยังทำผลงานได้ดีเช่นเดิม แต่มันดีแค่เพียง 20 นาทีแรกด้วยการขึ้นนำ เรอัล มาดริด 2 ประตู และหลังจากนั้น มันเป็นโศกนาฏกรรมชัดๆ หลังโดนซัดคืน 5 ประตูรวด

พลพรรค “หงส์แดง” ดูกระเตื้องขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่หลังจากนี้ คล็อปป์ ก็ยังมีเรื่องให้ต้องขบคิดพอสมควรเลยทีเดียว แต่มันก็ยังมีมุมดีๆ ที่ทำให้ “เดอะ ค็อป” พอใจชื้นได้บ้าง

1. ตัวเลือกที่ดีขึ้นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟของ เยอร์เก้น คล็อปป์

การเก็บคลีนชีตได้ 2 จาก 3 เกม ก่อนโดน มาดริด ยำใหญ่ หมายความว่า หากบรรดาผู้เล่นหลักในแนวรับมีการบาดเจ็บ คล็อปป์ น่าจะยังเชื่อมั่นกับกำลังเสริมในรายชื่อสำรองได้ว่า สามารถลงมาหน้าที่แทนบรรดาคีย์แมนได้อย่างไม่มีปัญหา

เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังชาวดัตช์หายจากอาการบาดเจ็บ 6 สัปดาห์ กลับมาบัญชาการในแผงหลังได้แล้ว ขณะที่ โจ โกเมซ ก็ยังพอทำผลงานไว้ใจได้ตลอดหลายเกมที่ผ่านมา ส่วน โจเอล มาติป ก็พร้อมสแดน์บายอยู่ข้างสนาม

แม้ อิบราฮิมา โคนาเต เซ็นเตอร์แบ็คทีมชาติฝรั่งเศส ยังมีปัญหาอาการบาดเอ็นร้อยหวาย แต่ คล็อปป์ ก็ยังมีกองหลังอีก 2 รายอย่าง แนต ฟิลลิปส์ และ ริส วิลเลียมส์ เป็นตัวเลือกลำดับถัดไปที่พร้อมลงสนาม

อย่างไรก็ตาม เกมกับ มาดริด มันเป็นจังหวะผิดพลาดส่วนบุคคล บวกกับโชคที่ไม่เข้าข้าง ซึ่งทำให้ ลิเวอร์พูล โดนอัดไปถึง 5 ลูก

2. ฟูลแบ็คที่กลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็คขวาชาวอังกฤษ กลับมาทำผลงานได้น่าประทับใจอีกครั้งด้วยการแอสซิสต์ไป 2 ครั้ง จาก 3 เกมล่าสุดรวมทุกรายการ และในขณะที่ แคลวิน แรมซีย์ ดาวรุ่งชาวสก็อตแลนด์เข้ารับการผ่าตัดจนต้องปิดเทอมยาวนั้น เจมส์ มิลเนอร์ ดาวเตะจอมเก๋าก็ยังพร้อมสแตนด์บาย

แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็คซ้ายทีมชาติสก็อตแลนด์ ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองได้แข็งแกร่งเช่นเคยทั้งเกมรุก – เกมรับ และ คล็อปป์ ยังมี คอสตาส ซิมิกาส ฟูลแบ็คชาวกรีซ ที่พร้อมจะสลับมาลงสนามได้ในบางเกมอีกด้วย

3. แดนกลางที่สมดุลมากขึ้น

แม้จะไม่มี ติอาโก้ อัลคันทาร่า กองกลางชาวสเปนที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน แต่ คล็อปป์ ก็มีมิดฟิลด์อีกหลายรายให้เลือกใช้งาน โดย 3 ตัวหลักในเวลานี้อย่าง ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ สเตฟาน บายจ์เซติช ก็กำลังเล่นได้อย่างเข้าขาลงตัว

ขณะที่ นาบี เกอิต้า, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ก็พร้อมเป็นทางเลือกให้กับ คล็อปป์ เช่นกัน ซึ่งทำให้แผงมิดฟิลด์ของ ลิเวอร์พูล ยังพอไว้ใจได้หากมีใครโชคร้ายได้รับบาดเจ็บในช่วงโปรแกรมถี่ ๆ

นอกจากนี้ อาตูร์ เมโล่ กองกลางชาวบราซิล ที่ยืมตัวมาจาก ยูเวนตุส และได้รับบาดเจ็บไปนานนั้น พร้อมจะกลับมาลงสนามเต็มทีแล้ว และยังไม่รวมถึง ฟาบิโอ คาวัลโญ่ จอมทัพดาวรุ่งที่อยู่ระหว่างสอดแทรกขึ้นมาสู่ทีมชุดแรกอีกราย

4. แนวรุกที่กลับมาเข้าฝัก และตัวหลักที่หายเจ็บกลับมา

ดาร์วิน นูนเญซ, โคดี้ กัคโป และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ คือ แนวรุกตัวจริงของ ลิเวอร์พูล ในช่วงผลงานดี ซึ่งทั้ง 3 ราย เริ่มเข้าขา รู้ใจ และประสานงานกันได้อย่างเข้าขาลงตัวมากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากผลงาน 2-3 เกมที่ผ่านมา

นูนเญซ ทำไป 2 ประตู 1 แอสซิสต์, ซาล่าห์ ซัดไป 2 ประตู 1 แอสซิสต์ และ กัคโป ซัดไป 2 ประตู จาก 3 เกมรวมทุกรายการ และจากจำนวนตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า พวกเขากำลังเล่นฟุตบอลด้วยความมั่นใจสุดๆ

ขณะที่ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ หัวหอกชาวบราซิล และ ดิโอโก้ โชต้า ดาวยิงชาวโปรตุเกส ต่างก็สลัดอาการบาดเจ็บกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง ซึ่งทำให้ คล็อปป์ มีมิติในเกมรุกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นในการเลือกใช้งาน และที่สำคัญ หลุยส์ ดิอาซ ปีกชาวโคลอมเบีย ก็พร้อมจะคืนสนามเต็มทีแล้ว

5. เยอร์เก้น คล็อปป์ จะพาลูกทีมลุยโปรแกรมในลีกทีไม่หนักมากก่อนศึก “แดงเดือด”

หลังจบเกมพ่าย มาดริด คา แอนฟิลด์ ลูกทีมของ คล็อปป์ มีเวลาพัก 3 วัน ก่อนจะยกพลไปเยือน คริสตัล พาเลซ ทีมอันดับ 12 ที่สนาม เซลเฮิร์สท ปาร์ค โดยเจ้าถิ่นไม่ชนะใครเลยในเกมลีก 5 นัดหลังสุด ซึ่งหากไม่ดวงแตกจริงๆ ลิเวอร์พูล น่าจะพอมีแต้มออกไปได้บ้าง

เกมต่อมา ลิเวอร์พูล จะได้กลับมาล้างแค้น วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส ที่ แอนฟิลด์ โดยทีมเยือนเพิ่งพ่าย บอร์นมัธ คาบ้านมาสด ๆ ร้อน ๆ และ “หงส์แดง” ไม่น่ามีปัญหาในการเก็บชัยต่อหน้าสาวก “เดอะ ค็อป” เรียกความมั่นใจก่อนทำศึกบิ๊กแมทช์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังร้อนแรง

ส่วนเกมยุโรป เลก 2 กับ มาดริด ในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า ก็คงทำใจไว้แต่เนิ่น ๆ ว่า ไม่น่าจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ และทีมของ คล็อปป์ ควรเก็บแรงไว้ไล่ล่าโควต้าท็อปโฟร์ช่วงที่เหลือของซีซั่นนี้น่าจะดีกว่า

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top