ลิเวอร์พูล ลงเล่นในเกมพรีเมียร์ลีก 4 นัดหลังสุดไม่พบกับชัยชนะเลยแม้แต่เกมเดียว และในขณะ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ “หงส์แดง” ต้องเจอกับการแก้ปัญหาแทบทุกพื้นที่ทั่วสนามนั้น ฟอร์มที่ดำดิ่งของ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ตัวรุกทีมชาติอิยิปต์ ก็ถูกนำมาเป็นประเด็นพูดถึงเช่นกัน
ฟอร์มที่ไม่เฉียบขาดของ ซาล่าห์ ในปีนี้ นับเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ผลงานน่าผิดหวัง และต้องตกมาอยู่กลางตาราง โดยดาวเตะวัย 30 ปี ซีดไปเพียง 7 ประตู จากการลงสนามในลีก 20 เกมที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ ทุกคนในสโมสร ลิเวอร์พูล หวังว่าหลังพักเบรกช่วง ฟุตบอลโลก 2022 ซาล่าห์ จะกลับมาระเบิดฟอร์มอีกครั้ง เนื่องจากอิยิปต์ไม่ได้ไปร่วมทัวร์นาเมนท์ดังกล่าว ซึ่งทำให้อดีตปีก เชลซี และ โรม่า มีโอกาสได้พักฟื้นร่างกายอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ซาล่าห์ ยังไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้เลย และจากการที่เจ้าตัวเพิ่งต่อสัญญาฉบับใหม่กับ ลิเวอร์พูล ไปจนถึงปี 2025 พร้อมรับค่าเหนื่อยสูงสุดในสโมสรนั้น ก็ทำให้ถูกตั้งคำถามว่า เขาควรสร้างผลกระทบให้กับ “หงส์แดง” ได้มากกว่านี้หรือไม่
![โมฮาเหม็ด ซาล่าห์](https://redzonelfc.com/wp-content/uploads/2023/02/ซาลาห์.webp)
โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ กับคำถามเรื่องความทุ่มเทหลังต่อสัญญาฉบับใหม่
คล็อปป์ อธิบายถึงการตั้งคำถามเรื่องความทุ่มเทของ ซาล่าห์ ว่า “คุณไม่สามารถทำประตูได้มากเท่ากับที่ โม ทำได้หรอกนะ หากคุณไม่ใช่นักฟุตบอลระดับโลกที่ทำผลงานได้โดดเด่นมาตลอด คุณคิดว่ามันเกี่ยวข้องกับสัญญาฉบับใหม่หรืออะไรก็ตาม มันไม่ถูกต้องเลย”
หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ผลงานการผลิตสกอร์ที่น้อยลงของ ซาล่าห์ ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการสร้างสรรค์โอกาสในการทำประตูของ ลิเวอร์พูล ในซีซั่นนี้ หรือเป็นเพราะการที่เจ้าตัวพลาดโอกาสครั้งสำคัญไปเอง
แต่มันเห็นได้ชัดว่า เหตุผลที่ทำให้ ซาล่าห์ ผลงานตกต่ำในปีนี้คือ การที่เจ้าตัวพลาดโอกาสด้วยตัวเอง ซึ่งการทำประตูด้วยเท้าซ้ายที่เฉียบขาดที่เปรียบเสมือนเครื่องหมายการค้าของเขามาตลอดนั้น มันไม่ได้ผลเหมือนเดิมอีกแล้ว
คล็อปป์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า “มีหลายจังหวะที่ โม น่าจะยิงได้หากเป็นเมื่อปีที่แล้ว ยกตัวอย่างจังหวะในเกมกับ ไบรท์ตัน ซึ่งปกติแล้วจะทำประตูได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว”
นับตั้งแต่ย้ายจาก โรม่า มาค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2017 ซาล่าห์ เป็นผู้เล่นที่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องความมั่นใจ และถึงแม้จเจ้าตัวจะเคยเจอปัญหาปืนฝืดหลายๆเกมติดกัน แต่หัวหอกชาวอิยิปต์ก็จะเรียกฟอร์มกลับมาได้เสมอ และก็ยังเป็นที่พึ่งพาของทีมได้ในหลายๆครั้งที่มีโอกาสชี้เป็นชี้ตาย
![](https://redzonelfc.com/wp-content/uploads/2023/02/ซาลาห์-ดาร์วิน.webp)
ผู้แบกเกมรุกหลังหมดยุค 3 ประสาน SMF
ในยุครุ่งเรื่องของ ลิเวอร์พูล ที่มี ซาล่าห์, ซาดิโอ มาเน่ ปีกซาวเซเนกัล และ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ หัวหอกชาวบราซิล ยืนเป็น 3 ตัวรุกด้านบนนั้น “หงส์แดง” ทำผลงานได้อย่างน่าทึ่งในการไล่ทะลวงแนวรับคู่แข่ง พร้อมกับเดินหน้ากวาดความสำเร็จมากมาย ประกอบด้วย แชมป์พรีเมียร์ลีก, แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, แชมป์ เอฟเอ คัพ, แชมป์ลีก คัพ และแชมป์สโมสรโลก
คล็อปป์ เคยกล่าวว่า “พวกเขาทั้ง 3 คนเป็นเครื่องจักรที่ได้รับการติดตั้งมาอย่างดี การเล่นในแนวรุกเกี่ยวข้องกับการทำงานเยอะ และข้อมูลจำนวนมาก ยกตัวอย่าง วิธีการเคลื่อนที่ คุณต้องสร้างความรู้สึกเพื่อให้คุณรู้ว่าเพื่อนร่วมทีมของคุณอยู่ที่ไหน และตำแหน่งไหนที่คุณสามารถส่งบอลได้โดยไม่ต้องมอง ทุกอย่างชัดเจนว่าเรากำลังทำอะไรอยู่”
อย่างไรก็ตาม เมื่อซัมเมอร์ มาเน่ ย้ายไปเล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค ส่วน ฟิร์มิโน่ ก็อายุ 31 ปี และได้รับบาดเจ็บรบกวนตลอด ซึ่งทำให้ ซาล่าห์ เป็นตัวหลักเพียงคนเดียวที่ต้องประคองนักเตะใหม่อย่าง ดาร์วิน นูนเญซ ที่ย้ายมาจาก เบนฟิก้า
นูนเญซ เป็นนักเตะที่สไตล์แตกต่างจาก มาเน่ และ ฟิร์มิโน่ อย่างชัดเจน และทำให้ ซาล่าห์ ต้องปรับเปลี่ยนบทบาทตัวเองด้วยเช่นกัน โดยดาวเตะวัย 30 ปี ถูกจับมายืนชิดริมเส้นฝั่งขวามากขึ้นเพื่อเปิดพื้นที่ให้กับคนอื่นๆ
ผลที่ตามมาคือ ซาล่าห์ มีโอกาสทำประตูน้อยลงกว่าเดิม และการจบสกอร์จากโอกาสเหล่านั้น ก็มีประสิทธิภาพน้อยลงกว่าเดิม นอกจากนี้ เขาก็ไม่สามารถสร้างโอกาสให้กับคนอื่นๆ ได้มากนักเหมือนกับช่วงที่ผ่านมา
ทางออกคืออะไร ? มีหลายคนเริ่มสงสัยว่า ซาล่าห์ จะสามารถกอบกู้ฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองกลับคืนมาได้หรือไม่ ซึ่งหากมองไปในทางบวกคือ คล็อปป์ สามารถแก้ปัญหาในบางจุดได้ อดีตแข้ง โรม่า ก็จะกลับมาแสดงศักยภาพของเขาอีกครั้ง
ซาลาห์ กำลังทุกข์ทรมานกับฟอร์มการเล่นของเพื่อนร่วมทีม ลิเวอร์พูล ซึ่งทางที่ดีคือภาวนาให้ คล็อปป์ และทีมสตาฟฟ์หาความเสถียรในแนวรับ และแผงกองกลางให้ได้ รวมถึงหาเคมีที่เหมาะสมในแนวรุก เพื่อจะทำให้ตัวรุกทีมชาติอิยิปต์กลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง