เยอร์เก้น คล็อปป์ ดูเกรี้ยวกราดขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากที่ถูกนักข่าวถามในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ว่า เกมรับรองชนะเลิศในศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก นั้นมันจบลงตั้งแต่เลก 2 ยังไม่เริ่มใช่หรือไม่
ไม่แปลกที่สื่อจะถามแบบนี้ เพราะจากผลการแข่งขันในเลกแรก ลิเวอร์พูล สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างหมดจดเอาชนะ บียาเรอัล ได้ชนิดที่ผู้มาเยือนไม่สามารถสร้างความลำบากใจให้เลยตลอด 90 นาที และจบลงด้วยสกอร์ 2-0
ย้อนไปดูสถิติในเกมนั้น เจ้าบ้านเหนือกว่าทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น เปอร์เซ็นต์การครองบอล 67 ต่อ 33, โอกาสยิงประตู 12 ต่อ 1, การบล็อคลูกยิง 7 ต่อ 0, เตะมุม 10 ต่อ 2, ทุ่มบอล 27 ต่อ 17 และ ครอสบอล 39 ต่อ 8 เรียกได้ว่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับเกมรุก พวกเขาเหนือกว่าทั้งหมด
กลายเป็นว่าเกมในวันนั้นง่ายกว่าที่คิดเอาไว้
แต่ด้วยความเป็น เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ไม่เคยคิดประมาทคู่แข่งแม้จะเป็นทีมจากท้ายตาราง พอเจอคำถามนี้เข้าไปเจ้าตัวถึงกับค้อนใส่นักข่าวพลางตอบกลับไปว่า
“ถ้าสมัยผมยังอายุน้อยกว่านี้ ผมคงรู้สึกโกธรกับคำถามนี้แล้วล่ะ แน่นอนว่า ไม่ใช่เลย มันยังแค่ครึ่งทางเท่านั้น” อดีตนายใหญ่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กล่าว
“เราต้องลงเล่นและพยายามเอาชนะให้ได้ เรารู้ว่า บียาเรอัล พร้อมที่จะทุ่มหมดหน้าตกเพื่อเกมนี้ นี่คือเกมเซมิไฟนอล ซึ่งมันจะเป็นเกมที่ยากลำบากแน่ เราไม่เคยคิดว่าจะเจอเรื่องง่าย แต่เราเล่นได้ดีกับเกมในบ้าน และเราก็ต้องเล่นให้ดีในเกมเยือนเช่นกัน”
“คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าเราจะมีโอกาสมาถึงรอบเซมิไฟนอลอีกหรือไม่ เรามีทีมที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ต้องการโชค ดังนั้นคุณต้องรักษามันเอาไว้ให้ดีและเราจะทำเช่นนั้น ถ้าในที่สุดผลมันออกมาว่า บียาเรอัล เอาชนะเราได้ เราก็คงจะแสดงความยินดีกับพวกเขา มันก็แค่นั้น”
เช่นเดียวกับ คริส ซัตตัน อดีตกองหน้าของ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ที่ตอนนี้ผันตัวเองมาเป็นกูรูและคอลัมนิสต์ให้กับ เดลีเมล โดยเขาออกมาเตือน ลิเวอร์พูล ในการลงเล่นคืนนี้ว่า นี่ไม่ใช่เกมที่ง่ายอย่างที่แฟนบอลคิด
“นี่คือฟุตบอล มันไม่มีอะไรแน่นอน” ก่อนจะให้เหตุผล 3 ข้อที่อาจจะมีการพลิกล็อควินาศสันตะโรเกิดขึ้นอีกครั้งในประวัติศาสตร์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก
“ข้อแรก อย่าลืมว่า บียาเรอัล นั้นเคยน็อคทั้ง ยูเวนตุส และ บาเยิร์น มิวนิค ตกรอบน็อคเอ้าท์มาแล้ว ซึ่งอย่างน้อยคุณต้องมีอะไรที่พิเศษอยู่ในตัวถึงจะทำได้แบบนั้น และยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พวกเขาเล่นเลก 2 ในเกมหล่านั้นในฐานะทีมเยือนอีกนะ”
“พวกเขาเดินทางไป ตูริน และเอาชนะ ยูเวนตุส ได้ถึง 3-0 และออกไปเยือน มิวนิค พร้อมผลเสมอ 1-1 นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผ่านเข้ามาเล่นรอบเซมิไฟนอลได้”
“ประการที่สองคือ นักเตะของ ลิเวอร์พูล จะมัวพอใจกับผลการแข่งขันในเกมแรกไม่ได้ พวกเขาต้องห้ามเหลิง และห้ามคิดว่าเกมนี้จะง่ายเหมือนเลกแรกที่ แอนฟิลด์ ซึ่งนัดนั้น บียาเรอัล ทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าเจ้าบ้านได้ประตูแรก เกมจะเข้มข้นขึ้น ดังนั้นทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะต้องอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดเพื่อผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศให้ได้ เขาต้องเตือนสติผู้เล่นของตัวเอง”
“เกมที่แล้ว บียาเรอัล ยิงไม่เข้ากรอบเลย แต่มันจะไม่เป็นแบบนั้นแน่นอนในคืนวันอังคารนี้”
“สุดท้าย ในแง่ของจิตวิทยา ขุนพลเยลโลซับมารีนจะลงเล่นแบบไม่มีอะไรจะเสีย นั่นคือสิ่งที่ อูไน เอเมรี บอกกับลูกทีม ในขณะที่ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ถ้าแพ้เกมนี้พวกเขาอาจจะเสียทุกอย่าง พวกเขาจึงต้องรับแรงกดดันมากกว่า”
เชื่อว่าบอสหงส์แดงก็รู้เรื่องนี้ดี เพราะหากพวกเขาพลาดเกมนี้ นั่นหมายความว่าความหวังในการคว้า 4 แชมป์จะหลุดลอยทันที และอาจส่งผลต่อการลุ้นแชมป์ เอฟเอคัพ และ พรีเมียร์ลีก ในอีก 4 นัดที่เหลือด้วย
เชื่อว่าบอสหงส์แดงก็รู้เรื่องนี้ดี เพราะหากพวกเขาพลาดเกมนี้ นั่นหมายความว่าความหวังในการคว้า 4 แชมป์จะหลุดลอยทันที และอาจส่งผลต่อการลุ้นแชมป์ เอฟเอคัพ และ พรีเมียร์ลีก ในอีก 4 นัดที่เหลือด้วย
“เราจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม เราอยากจะไปอยู่ในจุดที่เราควรจะอยู่ และเราต้องการที่จะเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศ จากนี้ไป ไมว่าจะ 95 นาทีหรือมันจะนานเท่าไหร่ก็ตาม ผมกำลังเฝ้ารอเกมนี้อยู่” เยอร์เก้น คล็อปป์ กล่าว