ไม่ใช่เกมที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ

Jurgen Klopp, Liverpool, Anfield, Rangers, Premier League, Trent Alexander-Arnold, Darwin Nunez, Jordan Henderson, UEFA Champions League, Ufabet, Ufaclub.live, YNWA, พรีเมียร์ลีก, ยูฟา แชมเปียนส์ลีก, ลิเวอร์พูล, ดาร์วิน นูนเญซ, สมัครยูฟ่าคลับ, หงส์แดง, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เยอร์เกน คล็อปป์

เกมที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ กลาสโกว เรนเจอร์ส ในศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อคืนที่ผ่านมา เยอร์เก้น คล็อปป์ สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอลด้วยการจัดแผน 4-2-3-1 โดยตัดมิดฟิลด์ตัวกลางออกไป 1 คนและใส่ตัวรุกเพิ่มเป็น 4 ราย เพื่อหวังชัยชนะหลังจากที่โดนวิจารณ์มาอย่างหนักในเกมเสมอ ไบรท์ตัน

สิ่งนี้เป็นไปตามที่นายใหญ่ชาวเยอรมันได้ให้สัมภาษณ์ไว้ในการแถลงข่าวก่อนเกม โดยเขายืนยันว่าทีมต้องมีการเปลี่ยนแปลง และเขาจะทดลองอะไรบางอย่างในเกมกับ เรนเจอร์ส

ดูเหมือนว่าการใช้แผนการเล่นแบบนี้จะเป็นการแก้ปัญหาที่โดนแฟนบอลและกูรูถล่มหนักเมื่อนัดที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการประสานงานของแผงกองหลัง ฟอร์มอันย่ำแย่ของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และการทำประตู

หากมองที่ผลการแข่งขันถือได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของ คล็อปป์ ในครั้งนี้ได้ผลอย่างชัดเจน พวกเขากลับมาเก็บชัยชนะ ยิงประตูได้ และเก็บคลีนชีต แถมหนึ่งในประตูที่ได้มานั้นก็มาจากลูกฟรีคิกของ เทรนท์ อาร์โนลด์ ที่กำลังตกเป็นเป้าวิจารณ์อีกด้วย

ซึ่งเมื่อลงรายละเอียด การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้เราได้เห็นอะไรดี ๆ หลายอย่าง ไล่มาตั้งแต่เกมรับที่มีความรัดกุมขึ้นกว่าเดิม เพราะในระบบ 4-2-3-1 หรือ 4-4-2 ทำให้ฟูลแบ็คไม่ต้องรับบทหนัก โดยเฉพาะ เทรนท์ ที่ไม่จำเป็นต้องขึ้นเติมสุดเส้นเหมือนแผนเดิม แค่ขับขึ้นมายืนจ่ายบอลช่วยแดนกลางยามเมื่อทีมครองบอลและเล่นเกมรุก โดยมี 2 มิดฟิลด์คอยช่วยตัดเกมทำให้ไม่ต้องห่วงเรื่องการหลุดตำแหน่งเหมือนหลายเกมที่ผ่านมา

แต่ก็ไม่ใช่ว่า เรนเจอร์ส จะไม่มีโอกาสในการทำเกมรุกขึ้นมาสร้างความกดดันได้เลย มุมขวาของ หงส์แดง ก็ยังคงโดนเจาะเหมือนเดิม แต่ด้วยศักยภาพอันจำกัดของทีมจาก สก็อตติช พรีเมียร์ลีก จึงไม่ได้สร้างอันตรายให้กับเจ้าบ้านมากนัก

นอกจากการแก้ปัญหาเกมรับของ เทรนท์ แล้ว ตรงกลางสนามเรายังได้เห็นประสิทธิภาพการวางบอลยาวของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ซึ่งเกมนี้กลายเป็นนักเตะที่มีบทบาทสำคัญและยกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นมาจากเกมกับ ไบรท์ตัน ได้อย่างน่าชื่นชม ในขณะที่ ติอาโก้ อัลคันทารา ก็ใช้เทคนิคเฉพาะตัวพลิกบอลช่วยทำเกมรุกได้หลายจังหวะ

ส่วนในเกมรุกนั้นก็สามารถสร้างโอกาสในการทำประตูได้หลายครั้ง 3 ตัวหลังกองหน้าอย่าง หลุยส์ ดิอาซ, ดิโอโก้ โชต้า และ โม ซาลาห์ ต่างประสานงานกันช่วยสนับสนุน ดาร์วิน นูนเญซ ที่ได้ลงเล่นในแท็คติกที่ถนัด และดูจะเข้าที่เข้าทางกว่าเดิม ทั้งการยืนตำแหน่งและการเคลื่อนที่ในกรอบเขตโทษซึ่งเป็นจุดเด่นของเขา

ในอีกแง่มุมหนึ่งการปรับแผนการเล่นใหม่นี้ก็ดูเหมือนจะยังไม่ลงตัวเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะในเกมรุกที่มีการวิ่งทับตำแหน่งกันในบางจังหวะ นั่นอาจเป็นเพราะการลงสนามพร้อมกันของ โชต้า และ นูนเญซ ซึ่งบางครั้งก็ถูกดันขึ้นไปยืนเป็นหน้าคู่ในกรอบเขตโทษ จึงต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจอีกนิดหน่อย

สิ่งหนึ่งที่ถูกพูดถึงมากในเกมนี้คือการจบสกอร์ของกองหน้าชาวอุรุกวัย โดยเจ้าตัวมีโอกาส 6 ครั้งยิงตรงกรอบ 5 แต่น่าเสียดายที่ไร้ประตู ซึ่งจริง ๆ แล้วควรจะมีอย่างน้อยซัก 1 ลูกเพื่อเรียกความเชื่อมั่น แต่ก็ถือว่าการเล่นในภาพรวมก็มีประโยชน์และมีส่วนกับประตูแรกจากการโดนผู้เล่นทีมเยือนทำฟาวล์

จากที่เราได้เห็นแม้จะเปลี่ยนแปลงระบบและรูปแบบไป แต่ ลิเวอร์พูล ก็ไม่ได้เปลี่ยนแนวทางการเล่น พวกเขายังคงครองบอลและพยายามสร้างโอกาสในการทำประตู แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือการพยายามไม่เสียประตูเร็วซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ทีมเริ่มต้นลำบากในฤดูกาลนี้

ทั้งนี้หลายคนอาจมองว่า 2 ประตูที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากโอเพนเพลย์ ลูกแรกมาจากฟรีคิก ลูกสองจากจุดโทษ ซึ่งมันไม่ได้พิสูจน์ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้ผลอย่างที่ว่าไว้ แต่ในภาพรวมก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เมื่อคุณต้องการการเปลี่ยนแปลงและสามารถเก็บผลการแข่งขันได้ตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะได้ประตูในรูปแบบใด ก็ถือว่ามันเป็นผลพวงจากเกมที่เซ็ตขึ้นมาใหม่และดีกว่าเปลี่ยนแล้วผลลัพธ์ยังออกมาเหมือนเดิม

ในสถานการณ์ที่วิกฤติเช่นนี้การจะหวังผลเลิศหรู 100% นั้นคงไม่ใช่เรื่องง่าย แม้รูปเกมที่ออกมาอาจจะยังไม่เพอร์เฟ็คแต่ก็ดูว่าเป็นแนวโน้มที่ดีที่เราจะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ บ้าง

Jurgen Klopp, Liverpool, Anfield, Rangers, Premier League, Trent Alexander-Arnold, Darwin Nunez, Jordan Henderson, UEFA Champions League, Ufabet, Ufaclub.live, YNWA, พรีเมียร์ลีก, ยูฟา แชมเปียนส์ลีก, ลิเวอร์พูล, ดาร์วิน นูนเญซ, สมัครยูฟ่าคลับ, หงส์แดง, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เยอร์เกน คล็อปป์

อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญที่ ลิเวอร์พูล ต้องการในเวลานี้คือชัยชนะและความมั่นใจ เพราะแม็ตช์ต่อไปพวกเขาจะต้องพบกับจ่าฝูงอย่าง อาร์เซนอล ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงเกินจะทนไหว

ซึ่งหากว่าผลการแข่งขันเกมเมื่อคืนนี้ออกมาเป็นอย่างอื่น ก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าการไปเยือน เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม จะเป็นอย่างไร

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top