ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้ ดาร์วิน นูนเญซ กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเวลานี้ มาจากผลงานอันร้อนแรงของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ที่กำลังไล่ระเบิดตาข่ายคู่แข่ง ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ในคราวที่ย้ายมาจาก เบนฟิก้า แข้งวัย 23 ปีถือเป็นความหวังใหม่ของ ลิเวอร์พูล หลังจากที่พวกเขายอมปล่อย ซาดิโอ มาเน ให้ไปหาความท้าทายที่ บาเยิร์น มิวนิค และก็ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะออกสตาร์ทซีซันใหม่ได้อย่างน่าประทับใจด้วยการทำ 1 ประตูให้ทีมเอาชนะ เรือใบสีฟ้า คว้าแชมป์ คอมมูนิตี้ชิลด์ เป็นประเดิมได้อย่างสวยงาม
สวนทางกับ ฮาแลนด์ ที่เกมนั้นทำอะไรก็ไม่เข้าตา โดยเฉพาะลูกยิงจ่อ ๆ ข้ามคาน กลายเป็นมีมให้แฟนบอลได้สนุกสนานไปหลายวัน
นูนเญซ ดูเหมือนจะเข้าที่เข้าทางมากขึ้นเมื่อฤดูกาลใหม่เริ่มต้นและเขาลงมาเปลี่ยนเกมช่วยให้ ลิเวอร์พูล เสมอกับ ฟูแลม ได้ในนัดแรก โดยเจ้าตัวยิงได้ 1 ประตูและยังทำแอสซิสต์ให้ ซาลาห์ ยิงประตูตีเสมอ ซึ่งแม้ผลการแข่งขันจะไม่เป็นใจ แต่ด้วยการมีสกอร์ 2 เกมติดกันเช่นนี้ทำให้เด็กหงส์ต่างหวังที่จะได้เห็นแสนยานุภาพของแข้งอุรุกวัยและการประเดิมสนามเป็นตัวจริงเสียที
และแล้วโอกาสก็มาถึงในเกมที่ 2 ในการต้อนรับการมาเยือนของ คริสตัล พาเลซ แต่บทสรุปไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เมื่อกองหน้าร่างโย่งดันไปน็อตหลุดโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ส่งผลให้ถูกแบนทันที 3 เกมในช่วงปลายเดือนสิงหาคม
ขณะเดียวกันอีกฟากฝั่งหนึ่ง เออร์ลิง ฮาแลนด์ ก็กำลังขยันยิงประตูให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหมือนต้องการที่จะแก้ตัวในเกมชิงโล่ห์การกุศล ว่าแล้วก็ทำแฮททริค 3 เกมติดต่อกันใน พรีเมียร์ลีก รวมทำได้ 14 ประตูจากการลงสนาม 8 นัด หรือหากนับทุกรายการเจ้าตัวยิงไปแล้ว 19 ประตูจาก 14 เกม
เทียบกับ 2 ประตูจาก 8 นัดของ ดาร์วิน นูนเญซ จึงช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว มันจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีเสียงวิจารณ์เปรียบเทียบ ลามไปถึงการก่นด่าว่านี่เป็นดีลที่ล้มเหลวของ เยอร์เก้น คล็อปป์
อย่างไรก็ตาม นายใหญ่เมืองเบียร์ก็ได้ออกมาเบรกอารมณ์แฟนบอลโดยให้สัมภาษณ์ถึงฟอร์มของแข้งอุรุกวัยก่อนเกมเอาชนะ กลาสโกว เรนเจอร์ส ว่า เขาไม่ได้รีบร้อนที่จะเห็นนักเตะระเบิดฟอร์มแบบทันทีทันใด ทุกคนที่ย้ายมาใหม่ต้องการเวลาในการปรับตัว และได้คุยเรื่องนี้กับทาง นูนเญซ โดยผ่านล่ามอย่าง เป๊ป ลินเดอร์ส แล้ว ซึ่งผู้เล่นเองก็เข้าใจและไม่ได้รู้สึกกังวลเช่นกัน
ต้องเข้าใจกันก่อนว่าสถานการณ์ของอดีตกองหน้า เบนฟิก้า กับ ลิเวอร์พูล นั้นต่างจาก ฮาแลนด์ กับ แมนฯ ซิตี้ โดยสิ้นเชิง
คล็อปป์ เจอปัญหานักเตะได้รับบาดเจ็บกว่าครึ่งทีม ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงด้านแท็คติก ดังนั้นผลงานของ หงส์แดง ในช่วงเปิดฤดูกาลจึงดูลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาตลอด และช่วยไม่ได้ที่จะส่งผลต่อฟอร์มของ นูนเญซ ด้วย, ในขณะที่ ซิตี้ นั้นทุกอย่างลงตัวอยู่แล้ว พวกเขาขาดแค่กองหน้าตัวเป้าที่จะเข้ามาเติมเต็มแนวรุกเท่านั้น
ในเกมกับ เรนเจอร์ส ก็เช่นกัน หลังเสมอกับ ไบรท์ตัน แบบโดนแฟนบอลด่าเละเทะ ฝั่งของ คล็อปป์ ก็ต้องขยับทำอะไรซักอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงทีม และเขาก็นำระบบ 4-2-3-1 เข้ามาใช้เพื่อหวังผลและเรียกความเชื่อมั่น
ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะได้ผล เมื่อ หงส์แดง เปิดบ้านเอาชนะ เดอะ ไลท์บลู ได้ 2-0 ในขณะที่ฟอร์มของ นูนเญซ ก็ดูมีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้น
ระบบ 4-2-3-1 เป็นระบบที่แข้งวัย 23 คุ้นเคยมาจาก เบนฟิก้า ทำให้เขามีส่วนร่วมกับเกมมากพอสมควรและมีโอกาสในการทำประตูถึง 6 ครั้ง เสียอย่างเดียวคือ ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้
ฝั่งหนึ่งบอกว่าการที่คุณเป็นกองหน้าแต่ยิงประตูไม่ได้ มันก็ไม่มีประโยชน์ แต่อีกฝั่งเห็นว่าเกมนี้ นูนเญซ ปรับตัวได้ดี อาจจะยังไม่เฉียบคม แต่ก็เริ่มเห็นแววว่าจะยิงประตูได้แน่ในเกมต่อ ๆ ไป
หากมองแค่สถิติก็น่าพอใจ ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสบอล 46 ครั้ง, ผ่านบอลสำเร็จ 16 จาก 22 ครั้ง, ผ่านบอลแม่นยำ 73% เลี้ยงบอลผ่านคู่ต่อสู้และแท็คเกิ้ลสำเร็จ 100%, สร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้ 1 ครั้ง และมีโอกาสยิงไป 6 ครั้ง ตรงกรอบ 5 ครั้ง
สิ่งเดียวที่ยังต้องรอคอยก็คือ สถิติการทำประตู
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ภาษากายที่แสดงออกมานั้นดูจะทำให้ เดอะค็อป มีความหวัง ด้วยแววตาที่มุ่งมั่นและดูมีความมั่นใจมากขึ้น ตอนที่ถูกเปลี่ยนตัวออกมาเจ้าตัวได้รับเสียงปรบมือกึกก้อง แอนฟิลด์ พร้อมกับรอยยิ้มและการสวมกอดจาก เยอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งน่าจะพอใจฟอร์มโดยรวมของแข้ง 100 ล้านอยู่พอสมควร
อันที่จริงแล้วระบบ 4-2-3-1 นี้ คล็อปป์ มาสารภาพหลังเกมว่าเขาให้ลูกทีมฝึกซ้อมก่อนแข่งแค่ครั้งเดียว แถมยังเป็นการซ้อมแบบเบา ๆ ไม่เน้นอะไรมาก เพราะยังต้องลงสนามอีกหลายนัด มันจึงทำให้รูปเกมออกมาอาจจะดูไม่ค่อยปะติดปะต่อ แต่ก็มีประสิทธิภาพมากพอที่จะสร้างโอกาสในการทำประตู และส่งผลให้ นูนเญซ เล่นได้ดีขึ้น
แม้ว่ากับคู่แข่งอย่าง เรนเจอร์ส อาจจะยังไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ แต่ก็เชื่อว่าจะทำให้ทั้งเจ้าตัวและเพื่อนร่วมทีมมีความเชื่อมั่นมากขึ้นในการออกไปเยือน อาร์เซนอล วันอาทิตย์นี้
มันเลี่ยงไม่ได้ที่ นูนเญซ จะต้องถูกยกไปเปรียบเทียบกับ ฮาแลนด์ ด้วยการเป็นคู่ปรับแย่งแชมป์ของสโมสร ระดับค่าตัว และอายุที่ไล่เลี่ยกัน
แต่หากเข้าใจบริบทจริง ๆ ก็ต้องอดทนรอ เพื่อความสำเร็จในอนาคตระยะยาวต่อไป…