ฟอร์มการเล่นของ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน ในฤดูกาลนี้ ถือว่าโดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในบรรดาแข้งของ ลิเวอร์พูล ท่ามกลางปัญหาที่กำลังรุมเร้าทีมมาตั้งแต่ช่วงเปิดฤดูกาล
บ็อบบี้ ลงสนามให้กับทีมไปแล้วทั้งหมดทุกรายการ 12 นัดและ ทำไป 8 ประตู พร้อมกับ 4 แอสซิสต์ ซึ่งมากกว่าตัวความหวังอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และดาวยิง 100 ล้านอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ เสียอีก
จำนวนประตูที่ทำได้ในปีนี้ ขาดอีกแค่ประตูเดียวก็จะเท่ากับประตูรวมทั้งหมดที่เคยทำได้เมื่อซีซัน 2020-2021 และตามหลังสกอร์รวมทั้งหมดของเมื่อซีซันก่อนอยู่แค่ 3 ลูก ในขณะที่ซีซัน 2017-2018 ซึ่งเป็นปีที่ดีที่สุดของเขากับ ลิเวอร์พูล กว่าที่จะทำได้ถึง 8 ประตูนั้นต้องรอถึงนัดที่ 19 และในฤดูกาลนั้นจบลงด้วยการยิงได้ทั้งหมด 27 ประตูและ 16 แอสซิสต์จากการลงเล่นทั้งหมด 56 นัดทุกราย
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่หลังจบเกมกับ กลาสโกว เรนเจอร์ส เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา บ็อบบี้ จะได้รับการโหวตให้คว้ารางวัล “แมนออฟเดอะแม็ตช์” แม้ว่าจะทำไป 2 ประตูซึ่งน้อยกว่า ซาลาห์ ที่กดแฮททริคได้ก็ตาม
ในเกมดังกล่าว ฟีร์มีโน ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม แม้ว่า เรนเจอร์ส อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่ในระดับเวที ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก แล้ว, คุณก็ไม่มีทางที่จะประมาทคู่แข่งได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
การกลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงของกองหน้าวัย 31 ปีเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อ ลิเวอร์พูล เป็นอย่างมาก เพราะในขณะที่ทีมกำลังระส่ำระส่ายด้วยฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ สภาพจิตใจที่ไม่เหมือนเดิม แต่พวกเขาก็ยังมีนักเตะระดับซีเนียร์ที่สามารถพึ่งพาได้และช่วยประคับประคองทีมไม่ให้ตกต่ำมากไปกว่านี้
นอกจาก บ็อบบี้ ฟีร์มีโน แล้วยังมี อลิสซอน เบ็คเกอร์ และ ติอาโก้ อัลคันทารา ที่รวมกันเป็น 3 แกนหลักที่ยังคงสร้างผลงานได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา
อย่างไรก็ตาม, สถานภาพของดาวเตะแซมบ้านั้นแตกต่างจากอีก 2 ราย เพราะสัญญาของเขากำลังจะหมดลงในฤดูกาลนี้ และมีแนวโน้มว่าจะถูกแทนที่ด้วยแข้งรุ่นใหม่ที่จะกลายเป็นตัวหลักในอนาคตอันใกล้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ดึงเอา ดาร์วิน นูนเญซ มาจาก เบนฟิก้า เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา
ต้องยอมรับว่าเมื่อช่วงตลาดซื้อขายล่าสุด แฟนบอลและกูรูหลายคนมองว่า ฟีร์มีโน น่าจะหมดอนาคตกับ ลิเวอร์พูล ไปแล้ว เพราะในฤดูกาล 2021-2022 เขาได้รับโอกาสลงสนามน้อยลงเนื่องด้วยอาการบาดเจ็บและยังโชว์ฟอร์มได้ไม่ดีเท่าที่ควร หาเกมไหนที่สร้างความประทับใจแทบจะไม่มี
ปีที่แล้ว ฟีร์มีโน ลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก ไปเพียง 20 นัด เนื่องจากได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 5 ครั้ง โดยเป็นการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ 2 รอบ, นอกนั้นเป็น แฮมสตริง, ติดโควิด และบาดเจ็บที่เท้าอย่างละ 1 ครั้ง ส่งผลให้ชวดการลงสนามไปทั้งหมด 16 นัด และถูกจับนั่งเป็นตัวสำรองไม่ได้ใช้งานอีก 2 นัด
และเมื่อนับทุกรายการเขาได้ลงเล่นไปทั้งหมด 35 นัด ซึ่งถือว่าน้อยที่สุด นับตั้งแต่ย้ายมาเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อปี 2015
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครึ่งฤดูกาลหลัง ชื่อของ ฟีร์มีโน ถูกแทนที่ด้วย 3 ประสานชุดใหม่อย่าง หลุยส์ ดิอาซ, ซาดิโอ มาเน และ ซาลาห์ ด้วยฟอร์มอันเปล่งปลั่งจนพาทีมลุ้น 4 แชมป์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ยิ่งทำให้ดูเหมือนอนาคตของเขาเลือนรางลงไปทุกที
ด้วยเหตุนี้ หลังจบฤดูกาล ข่าวของสตาร์ทีมชาติบราซิลกับหลายทีมในยุโรปทั้ง ยูเวนตุส และ บาร์เซโลนา มีออกมาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเมื่อ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้รบการต่อสัญญาใหม่ และการย้ายเข้ามาของ ดาร์วิน นูนเญซ ก็ยิ่งทำให้แน่ใจว่าเขาจะไม่อยู่กับทีมแล้วในฤดูกาลหน้า
อย่างไรก็ตาม การออกสตาร์ทซีซันนี้ด้วยการยิงไป 8 ประตูจาก 12 นัด โดยเฉพาะใน พรีเมียร์ลีก ที่ยิง 6 ลูกจาก 7 เกมและฟอร์มล่าสุดกับ เรนเจอร์ส ทำให้เสียงของแฟนบอลกลับมาหนุนหลังอยากเห็นสโมสรต่อสัญญาใหม่อีกครั้ง
สัญญาฉบับปัจจุบันของ บ็อบบี้ จะหมดลงในเดือนมิถุนายนปีหน้า ซึ่งเขาจะสามารถเปิดเจรจากับสโมสรนอกเกาะอังกฤษได้ทันทีเมื่อเข้าสู่วันที่ 1 มกราคม 2023 , ดังนั้น ลิเวอร์พูล จึงมีเวลาอีกเพียงไม่กี่เดือนที่จะพูดคุยกับเอเยนต์ของนักเตะเพื่อโน้มน้าวให้เจ้าตัวอยู่กับทีมต่อไป
ซึ่งหากดูจากฟอร์มปัจจุบันก็ควรค่าที่เจ้าตัวจะได้รับรางวัลเป็นการตอบแทน เพราะในสถานการณ์ลูกผีลูกคนแบบนี้เขาสามารถสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้อย่างมหาศาล รวมทั้งยังเป็นตัวเชื่อมระหว่างนักเตะใหม่อย่าง นูนเญซ กับแท็คติกของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ได้เป็นอย่างดี
ดาวเตะอุรกวัยต้องการใครซักคนที่ช่วยทำให้เขาเล่นได้ง่ายในสิ่งแวดล้อมใหม่ และช่วยให้สามารถปรับตัวกับการเล่นของ ลิเวอร์พูล ซึ่งที่ผ่านมา ฟีร์มีโน กำลังพยายามทำหน้าที่นี้อยู่
นี่เป็นเพียงช่วงเริ่มต้นฤดูกาล ฟอร์มอันร้อนแรงของ บ็อบบี้ จะสามารถยืนระยะได้ยาว ๆ จนจบฤดูกาลหรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่ต้องรอการพิสูจน์
ด้วยค่าเหนื่อยระดับ 180,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ หากจะต่อสัญญาใหม่ออกไปอย่างน้อยเขาก็ต้องได้รับแตะหลัก 2 แสนปอนด์ มันก็น่าคิดอยู่ว่ากับวัย 31 ปีจะแน่ใจได้อย่างไรว่า จะไม่มีอาการบาดเจ็บหรือสามารถรักษาระดับการเล่นแบบนี้เอาไว้ได้
นี่กระมังจึงเป็นเหตุผลที่ ลิเวอร์พูล ยังไม่มีการเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ ในขณะที่ทีมอื่น ๆ ในยุโรปก็กำลังจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งขาเก่าอย่าง ยูเวนตุส และหน้าใหม่ที่เพิ่งมีข่าวอย่าง แอตเลติโก้ มาดริด ซึ่งทีมเหล่านี้ไม่เกี่ยงเรื่องเงินและอายุอยู่แล้ว
แม้ ฟีร์มีโน จะออกมาให้สัมภาษณ์อย่างหนักแน่นว่า เขายังรัก ลิเวอร์พูล และต้องการเล่นให้กับทีมต่อไปก็ตาม แต่ เยอร์เก้น คล็อปป์ และทีมงานก็คงต้องชั่งใจให้มากเพราะตอนนี้พวกเขามีนักเตะวัยแตะ 30 กว่าครึ่งทีม ในขณะที่สโมสรกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอยู่พอดี
สัญญาฉบับสุดท้ายในถิ่น แอนฟิลด์ ของ บ็อบบี้ คงเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นกันอย่างหนักเลยทีเดียว…