สิ่งที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งหลังเกมที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้อย่างเฉียดฉิวไป 1-0 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ก็คือการกลับมาลงสนามของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าต้องพักหลายสัปดาห์เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าหลังเกมที่บุกไปพ่ายให้กับ อาร์เซนอล 3-2 เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา
นั่นจึงทำให้แข้งวัย 24 ปีไม่ได้มีส่วนร่วมในเกมที่ หงส์แดง บุกไปถล่ม กลาสโกว เรนเจอร์ส 1-7 ในศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดกลางสัปดาห์ แต่กลับมามีชื่อเป็นตัวสำรองอย่างเซอร์ไพรส์ในเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อวันอาทิตย์ก่อน และได้ลงสนามเป็นตัวจริงอีกครั้งในนัดที่เอาชนะ ขุนค้อน เมื่อ 2 วันที่แล้ว
ประเด็นที่อยากจะพูดถึงก็คือ มีข้อสังเกตว่าตอนที่ ลิเวอร์พูล ไม่มี เทรนท์ ลงสนามเป็นตัวจริงนั้น เกมรับของพวกเขาทำหน้าที่ได้ดีอย่างเหลือเชื่อ โดยเฉพาะในนัดที่เอาชนะ เรือใบสีฟ้า 1-0
ย้อนกลับไปในเกมกับ เรนเจอร์ส เมื่อกลางสัปดาห์ก่อน เยอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจส่ง โจ โกเมซ ลงสนามในตำแหน่งแบ็คขวา และเจ้าตัวก็โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการทำได้ 1 แอสซิสต์ และช่วยขึงเกมรับจนพาทีมเอาชนะคู่แข่งอย่างถล่มทลายถึง 1-7
แม้ใครหลายคนจะมองว่าเกมนั้นไม่มีบททดสอบอะไรมาก เพราะคู่ต่อสู้อย่าง เดอะไลท์บลู ไม่ใช่ทีมที่แข็งแกร่ง แต่ดูเหมือนว่าทิศทางในเกมรับของ ลิเวอร์พูล จะดูดีขึ้นเมื่อไม่มี เทรนท์ อาร์โนลด์
มาในเกมที่เปิดบ้านต้อนรับ แมนฯ ซิตี้ หลายคนเชื่อว่า คล็อปป์ จะส่ง โกเมซ ที่เล่นดีลงสนามในตำแหน่งแบ็คขวาอย่างต่อเนื่อง แต่กลายเป็นว่าเมื่อต้องเจอกับปัญหาอาการบาดเจ็บของ โคนาเต้ ทำให้ เจมส์ มิลเนอร์ ถูกส่งลงไปประจำการตำแหน่งดังกล่าวแทน และหุบเข้า โกเมซ เข้าไปยืนคู่กับ ฟาน ไดค์
อย่างที่เราได้เห็นกัน เกมนั้นคู่เซ็นเตอร์สามารถเก็บ เออร์ลิง ฮาแลนด์ เข้ากระเป๋าได้อย่างเรียบร้อย และฟูลแบ็คทั้ง 2 ข้างไม่ดันขึ้นสูงจนเกินไป ทำให้รับมือกับเกมริมเส้นของ ซิตี้ ได้อยู่หมัดจนทำอะไรไม่ถนัด
โกเมซ ได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม ส่วน “น้ามิล” ก็สามารถจัดการกับดาวเตะรุ่นลูกอย่าง ฟิล โฟเด้น ตรงฝั่งขวาของตัวเองได้แบบสะอาดหมดจด การประสานงานกันระหว่างแผงแบ็คโฟร์ได้รับคำชื่นชม
หลังจบเกม เจมี โอฮารา อดีตกองกลางของ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ เป็นคนที่จุดประเด็นนี้ขึ้นมา โดยเขาเชื่อว่าเกมรับของ ลิเวอร์พูล แข็งแกร่งขึ้นเมื่อยามที่ไม่มี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์
“สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะพูดถึงก็คือ ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ มีเกมรับที่แข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิเมื่อไม่มี เทรนท์ อยู่ในนั้น”
“ผมดูเกมที่ผ่านมาของ ลิเวอร์พูล และคิดถึงสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องทำในฤดูกาลนี้ พวกเขาสูญเสียความมุ่งมั่นและกระตือรือร้น รวมทั้งยังมีเกมรับที่ไม่ดีด้วย”
“แต่หลังจากนั้น เทรนท์ ก็ได้รับบาดเจ็บกระทันหันและหลุดจากทีมไป กลายเป็นว่า พวกเขาเอาชนะ เรนเจอร์ส ได้ 7-1 และสร้างผลงานอันยอดเยี่ยมด้วยการเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ 1-0 มันทำให้คุณต้องมานั่งคิดแล้วว่าเกมรับของพวกเขาดูดีขึ้นมาอีกครั้งและแข็งแกร่งขึ้น”
สิ่งที่ โอฮารา พูดนั้นคงไม่เกินเลยความจริงซักเท่าไหร่ เพราะ 2 เกมใน พรีเมียร์ลีก ที่ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ พวกเขาเสียไปถึง 6 ประตู โดย เทรนท์ ได้คะแนนความสามารถเฉลี่ยไม่ถึง 6.5 ส่วนฟอร์มการเล่นไมต้องพูดถึง ฝั่งแบ็คขวากลายเป็นบ่อให้คู่แข่งเจาะเข้าทำได้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตามเมื่อ เทรนท์ กลับมาจากอาการบาดเจ็บ เขาก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตำแหน่งฟูลแบ็คด้านขวาในแผนของ เยอร์เก้น คล็อปป์ อยู่ดี ในยามที่ยังไม่มีใครสามารถแย่งตำแหน่งได้
เกมที่เอาชนะ เวสต์แฮม ได้เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ในแผงแบ็คโฟร์มีแข้งวัย 24 ปีมีชื่อกลับมาจองตำแหน่งแบ็คขวาตามเดิม ในขณะที่เซ็นเตอร์ใช้ โจ โกเมซ ยืนคู่กับ ฟาน ไดค์ และด้านซ้ายยังเป็น ซิมิคาส กลางใช้มิดฟิลด์ 2 คน ส่วนแนวรุก 4 คนเป็น ฟาบิโอ คาร์วัลโญ, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ดาร์วิน นูนเญซ เป็นหน้าเป้า
ฟอร์มโดยรวมนั้น เทรนท์ ยังมีส่วนสำคัญในเกมรุก เขาเป็นคนที่ทำคีย์พาส (Key Passes) ได้มากที่สุดในทีมถึง 4 ครั้ง สัมผัสบอล 82 ครั้ง (มากเป็นอันดับ 3) ส่วนเกมรับชนะดวลลูกกลางอากาศได้ 2 ครั้งเท่ากับ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ และน้อยกว่า โกเมซ ที่ทำได้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 อยู่แค่ครั้งเดียว และได้คะแนนความสามารถจาก Whoscored ไป 7.08 มากเป็นอันดับ 4 ของทีม
ซึ่งหากดูจากสถิติเผิน ๆ อาจมองว่าแข้งวัย 24 ปีกลับมาโชว์ฟอร์มเก่งได้อีกครั้ง แต่เมื่อลงลึกกันในรายละเอียดของเกมแล้ว เจ้าตัวก็ยังเป็นเป้าหมายในการโดนเจาะจากคู่ต่อสู้อยู่อย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนจะประสานงานกับ โกเมซ ได้ไม่ดีเท่าที่ควร
คล็อปป์ เองก็มองเห็นจุดอ่อนนี้ ครึ่งหลังจึงตัดสินใจส่ง ฮาร์วีย์ เอลเลียต ลงสนามด้านขวาและปรับให้ทีมยืนแบบ 4-4-2 เพื่อให้มีตัวซ้อนช่วยงานเกมรับมากขึ้น ทำให้ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายแข้งวัย 19 ปีต้องทำงานหนักด้วยการวิ่งขึ้นลงริมเส้นฝั่งขวา ทั้งซ้อนและเข้าบอลช่วย เทรนท์ ในขณะที่ โกเมซ เป็นคนเก็บตก ซึ่งทั้ง 3 คนก็ทำหน้าที่ได้อย่างน่าพอใจ
โชคดีอีกอย่างคือ เวสต์แฮม ในปีนี้ ไม่ได้ดุดันน่ากลัวเหมือนซีซันก่อน ทีมกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มตก แม้กระทั่ง จาร์ร็อด โบเวน ยังยิงจุดโทษไม่เข้า นั่นจึงทำให้ ลิเวอร์พูล ไม่เจอเกมที่ยากนัก แต่กว่าจะเอาชนะได้ก็หืดขึ้นคอ
ในภาพรวมการกลับมาของ เทรนท์ ในเกมนี้ทำได้น่าพอใจก็จริง แต่เชื่อว่า คล็อปป์ และทีมงานก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขเรื่องเกมรับของเขาอยู่เรื่อย ๆ เพราะคู่ต่อสู้รู้แล้วจุดอ่อนของ หงส์แดง อยู่ตรงไหน
การเปลี่ยนจาก 4-3-3 มาเป็น 4-2-3-1 หรือ 4-4-2 จึงมีนัยสำคัญในเรื่องการช่วยขันเกมรับฝั่งขวาให้แน่นขึ้น แต่ตอนนี้อาจจะอยู่ในช่วงเริ่มต้น คงต้องรอเวลาซักพักเพื่อทำความเข้าใจในระบบ
ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ คือหนึ่งในหัวใจสำคัญของเกมรุก ลิเวอร์พูล ในช่วงหลัง ซึ่งแม้จะมีปัญหาเรื่องเกมรับก็ยากที่จะหาคนใหม่มาทดแทนในช่วงเวลาแบบนี้
เยอร์เก้น คล็อปป์ จึงยังต้องทำการบ้านต่อไป จนกว่าทุกอย่างจะกลับมาเข้าที่เข้าทางเหมือนเดิม…