เมื่อ ลิเวอร์พูล กลับคืนสู่สามัญ ด้วยระบบการเล่นที่คุ้นเคยอย่าง 4-3-3

Anfield, Darwin Nunez, Fabinho, FSGOUT, Joe Gomez, Jurgen Klopp, Napoli, Liverpool, Dortmund, Mohamed Salah, Premier League, Ufaclub.live, YNWA, ซาลาห์, ดูบอลสด, ดูบอลออนไลน์, พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า, ลิเวอร์พูล, สมัครยูฟ่า, หงส์แดง, แทงบอล, แทงบอลออนไลน์, แอนฟิลด์

ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นมา เยอร์เก้น คล็อปป์ มีความพยายามในการแก้ปัญหาฟอร์มอันตกต่ำของ ลิเวอร์พูล ซึ่งหลายคนเชื่อว่าหนึ่งในสาเหตุที่สำคัญมาจากระบบการเล่นที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงจนโดนคู่ต่อสู้จับทางได้

หลายปีที่ผ่านมา เครื่องจักรสีแดง ไล่บดบี้และถล่มคู่ต่อสู้ด้วยระบบ 4-3-3 ที่มาพร้อมกับเกเก้นเพรสซิ่งและดันขึ้นสูงทั้งแผง ทำให้พวกเขาแทบจะครองเกมได้ทั้งหมด และเปิดเกมรุกใส่คู่แข่งทุกทิศทาง พร้อมใช้แผน ‘กับดักล้ำหน้า’ เพื่อทำลายเกมบุกของคู่ต่อสู้ ซึ่งมันได้ผลแทบจะทุกเกม

โดยเฉพาะแนวรับที่อ่อนปวกเปียกอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ได้รับการยอมรับเป็นทีมที่มีแผงกองหลังที่เหนียวแน่นที่สุดทีมหนึ่งใน พรีเมียร์ลีก และยุโรป

อย่างไรก็ตาม, พอเปิดซีซันมาแค่ 3 เกมแรกที่เจอกับคู่ต่อสู้อย่าง ฟูแลม, คริสตัล พาเลซ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาเก็บได้เพียง 2 คะแนนพร้อมด้วยฟอร์มการเล่นอันย่ำแย่ กลายเป็นว่าโดนคู่แข่งไล่บดบี้และใช้ความเร็วเข้าทำลายแนวรับที่ดันขึ้นสูง จนนำมาสู่การเสียประตูแบบง่าย ๆ

แม้ว่านายใหญ่ชาวเยอรมันยังคงเชื่อมั่นในระบบการเล่นที่เขาติดตั้งให้กับ ลิเวอร์พูล แต่เมื่อผลงานในเกมต่อ ๆ มามันกระท่อนกระแท่น ไม่คงเส้นคงวา เขาจึงไม่รอช้าที่จะหาทางแก้ไข แม้มันจะเป็นการทำลายอัตลักษณ์ของตัวเองก็ตาม

และระบบ 4-4-2 ก็ถูกนำมาใช้ มันอาจจะช่วยให้ทีมมีผลงานที่ดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับยกระดับทีมให้กลับมาอยู่ในจุดเดิมได้ แนวรับยังคงเป็นจุดอ่อนที่ปล่อยให้คู่แข่งสามารถพาบอลเข้ามาในแดนสุดท้ายและจบด้วยการเสียประตูแทบจะทุกครั้ง และนำมาซึ่งผลการแข่งขันที่ไม่พึงประสงค์

จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ ดิโอโก้ โชต้า และ หลุยส์ ดิอาซ ได้รับบาดเจ็บหนัก นั่นหมายความว่าเขาตัวเลือกด้านริมเส้นมีขีดจำกัดและไม่เอื้อให้ใช้ระบบนี้ได้อีกต่อไป ทางออกของ คล็อปป์ คือการเปลี่ยนมาเป็น 4-2-3-1 เพื่อหยุดการเสียประตู เพิ่มศักยภาพในแนวรุก และเพื่อแก้ปัญหานักเตะในแนวรุกและแดนกลางที่กำลังได้รับบาดเจ็บ

คล็อปป์ อาจไม่ได้นำแผนดังกล่าวมาใช้แบบตายตัว เขาผสมผสานกับแผน 4-4-2 ในบางจังหวะของเกมด้วย แต่จนแล้วจนรอดมันก็ไม่ได้ช่วยให้ผลงานดีขึ้น ดูได้จากเกม พรีเมียร์ลีก 2 นัดหลังสุดที่พ่ายให้กับทีมบ๊วยอย่าง น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และ ลีดส์ ยูไนเต็ด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในเกม UCL รอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้ายที่เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ นาโปลี กุนซือวัย 55 ปีจึงต้องแก้ปัญหาอีกครั้ง โดยเขากลับสู่สามัญด้วยการใช้แผน 4-3-3 เพื่อต่อกรกับจ่าฝูง เซเรีย อา และกลายเป็นว่าได้ผลเกินคาด, ทีม อัซซูรา ที่ยังไม่เคยแพ้ใครในฤดูกาลนี้กลับต้องมาเสียท่าให้กับลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ซะอย่างนั้น

มันคือระบบที่เราคุ้นเคยและทำให้เราเล่นได้ดี ซึ่งเกมรับของเรายังดีขึ้นเมื่อใช้ระบบนี้ด้วย

นายใหญ่เมืองเบียร์กล่าวถึงการกลับมาเล่น 4-3-3 และเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจกลับมาใช้แผนการเล่นนี้ว่า

เราต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างเพื่อสร้างแรงกระตุ้นใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง และต้องการเกมรับที่ดีอีกครั้งภายใต้วิธีการเล่นใหม่ ๆ

นายใหญ่หงส์แดงรู้ดีว่า ปัญหามากมายยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเหนื่อยล้าจากการกรำศึกหนักเมื่อปีที่แล้ว ปัญหาความฟิต ความมั่นใจ รวมทั้งความผิดพลาดในการเสริมทัพในแดนกลาง แต่ในเรื่องระบบการเล่นที่ถูกกล่าวหาว่าโดนจับทางได้แล้วนั้น บางทีมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่หลายคนคิดก็ได้

ย้อนกลับไป 6 ปีที่ผ่านมา มีเพียงซีซัน 2015-2016 เท่านั้นที่อดีตเทรนเนอร์ ดอร์ทมุนด์ ใช้แผนการเล่นแบบ 4-2-3-1 แต่หลังจากนั้นเขาก็สร้างทีมภายใต้ระบบ 4-3-3 แทบทั้งสิ้นและมันก็ทำให้ทีมประสบความสำเร็จจนได้รับการยอมรับ

Anfield, Darwin Nunez, Fabinho, FSGOUT, Joe Gomez, Jurgen Klopp, Napoli, Liverpool, Dortmund, Mohamed Salah, Premier League, Ufaclub.live, YNWA, ซาลาห์, ดูบอลสด, ดูบอลออนไลน์, พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า, ลิเวอร์พูล, สมัครยูฟ่า, หงส์แดง, แทงบอล, แทงบอลออนไลน์, แอนฟิลด์

กระนั้นก็ตาม ระบบดังกล่าวยังถูกมองว่าโดนจับทางได้ แม้กระทั่งในปีที่พวกเขาลุ้น 4 แชมป์ แต่หากลงในรายละเอียดเราก็จะพบว่า คล็อปป์ ไม่ได้ย่ำอยู่กับที่ เจ้าตัวพยายามปรับเปลี่ยนรายละเอียดการเล่นภายใต้ระบบนี้แทบทุกปี

โดยเฉพาะ 3 ตัวรุกในแดนหน้า ซาดิโอ มาเน ที่เคยเล่นด้านขวา มี คูตินโญ ประจำฝั่งซ้าย ก่อนที่จะให้กำเนิด 3 ประสาน SMF อันลือลั่นอย่าง ซาลาห์, มาเน, ฟีร์มีโน และเมื่อซีซันก่อนช่วงครึ่งฤดูกาลหลังเราก็ได้เห็น 3 แนวรุกอย่าง ดิอาซ, มาเน, ซาลาห์ ซึ่งก็อันตรายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

แม้กระทั่งช่วงเริ่มต้นของซีซันใหม่ บทบาทของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก็ดูเหมือนจะมีมากขึ้นในเกมรุก เจ้าตัวถูกดันขึ้นมาสนับสนุนเกมรุกโดยแทบจะปักหลักในแดนกลางเกือบทุกเกม แต่ผลที่ออกมาก็ไม่ได้เวิร์คอย่างที่คิด แถมยังกลายเป็นบ่อให้คู่แข่งเจาะจนเสียประตูบ่อยครั้ง ทำให้ คล็อปป์ ต้องลองไปใช้ระบบอื่นเพื่อแก้ปัญหาอยู่หลายนัด

Anfield, Darwin Nunez, Fabinho, FSGOUT, Joe Gomez, Jurgen Klopp, Napoli, Liverpool, Dortmund, Mohamed Salah, Premier League, Ufaclub.live, YNWA, ซาลาห์, ดูบอลสด, ดูบอลออนไลน์, พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า, ลิเวอร์พูล, สมัครยูฟ่า, หงส์แดง, แทงบอล, แทงบอลออนไลน์, แอนฟิลด์

เมื่อมองในภาพรวมแล้ว เป็นไปได้ว่า ลิเวอร์พูล อาจจะเหมาะกับแผนการเล่นแบบ 4-3-3 มากที่สุด โดยที่ไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอะไรให้ซับซ้อนเกินไป แค่พยายามกลับไปสู่แนวทางเดิมที่เคยทำมา เล่นในแบบที่คุ้นเคย โดยไม่ต้องเสียเวลาทำความเข้าใจกับแท็คติกใหม่ให้ยุ่งยาก เหมือนในเกมที่เอาชนะ นาโปลี ได้ 2-0 เมื่อวันอังคาร

บางที การกลับไปสู่จุดเริ่มต้นอาจทำให้พวกเขาได้ “ฟีลลิ่ง” เดิม ๆ และกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้งก็เป็นได้

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top