เกมอุ่นเครื่องในศึก ดูไบ ซุเปอร์ คัพ 2 นัดที่เพิ่งจบลงไปนั้น ด้านหนึ่งคือการเตรียมความพร้อมให้กับผู้เล่นเพื่อเรียกความฟิตในช่วงของการพักเบรคสั้น ๆ ให้กับ ฟุตบอลโลก 2022 ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นการให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ได้ทำการทดลองอะไรบางอย่างกับทีมเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนด้วย
ปัญหาที่ว่านี้คือ อาการบาดเจ็บซ้ำสองของ หลุยส์ ดิอาซ ปีกตัวเก่งชาวโคลอมเบียน ที่ตอนแรกมีทีท่าว่าจะได้กลับมาลงซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมในแคมป์เก็บตัวที่ ดูไบ และมีลุ้นในการลงเล่นเกม คาราบาวคัพ ที่จะพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจบบอลโลก แต่โชคร้ายที่เจ้าตัวดันมีอาการบาดเจ็บเกิดขึ้นซ้ำอีกรอบ และครั้งนี้ก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดกว่าจะกลับมาอีกทีอย่างเร็วก็เดือนมีนาคม
ไหนจะอาการบาดเจ็บของ ดิโอโก้ โชต้า ที่ยังไม่สามารถกลับมาลงเล่นตามกำหนดได้ และอาจจะต้องรอจนถึงเดือนกุมภาพันธ์โน่นเลย แม้ว่าจะมีกระแสข่าวออกมาให้เห็นอย่างไม่เป็นทางการแล้วว่า เจ้าตัวอาจจะกลับมาซ้อมได้เร็วกว่ากำหนด แต่ก็ไม่มีแถลงการณ์จากสโมสรที่แน่ชัด
นี่คือสิ่งที่ คล็อปป์ และทีมงานไม่ได้คาดคิดเอาไว้ล่วงหน้า แต่โลกของฟุตบอลมันก็เป็นเช่นนี้ ไม่มีอะไรแน่นอน สิ่งที่เขาทำได้คือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
เกม 2 นัดกับ โอลิมปิค ลียง และ เอซี มิลาน ที่เตะกันไป ผลแพ้-ชนะอาจไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับว่า นายใหญ่ชาวเยอรมันได้พบกับบางอย่างที่อาจช่วยให้เขาสามารถผ่านปัญหาและอุปสรรคที่กำลังเกิดขึ้นในแดนหน้าฝั่งซ้ายยามเมื่อไร้ ดิอาซ และ โชต้า ได้
นั่นคือการปรับบทบาทของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน
เรารู้กันดีว่า ดิอ็อกซ์ นั้นกำลังจะหมดสัญญากับทีมหลังจบฤดูกาลนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าตัวจะไม่มีการขยายสัญญาออกไปอีก ด้วยวัย 29 ปีเขายังเชื่อว่าตัวเองสามารถลงเล่นเป็นตัวหลักให้กับสโมสรอื่นที่มีสเกลสโมสรขนาดกลางและเล็กได้ การย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัวจึงเป็นทางออกที่ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นดีเห็นงามร่วมกัน
หลายคนหรือแม้แต่ตัวเขาเองก็มองว่าช่วงสุดท้ายของสัญญาคงจะได้ลงสนามช่วยทีมบ้าง ในยามที่ต้องพักนักเตะตัวหลักและลงเล่นในบอลถ้วย แต่เมื่อเกิดสถานการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้ บทบาทของเจ้าตัวก็อาจจะมีความสำคัญมากขึ้น
ในเกมกับ ลียง และ มิลาน เราได้เห็น เยอร์เก้น คล็อปป์ ทดลองใช้งาน ดิอ็อกซ์ ในตำแหน่งกองหน้าริมเส้นฝั่งซ้าย โดยเฉพาะฟอร์มในนัดที่เอาชนะ ปีศาจแดงดำ ได้ใน 90 นาทีด้วยสกอร์ 4-1, สื่อฝั่งอังกฤษก็มองว่าเขาสามารถโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจมิใช่น้อย
เว็บไซต์ Liverpool.com พูดถึงดาวเตะ ไบรท์ตัน ในฐานะอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจเพราะแข้งรายนี้มีคุณสมบัติทุกอย่างที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องการ ไม่ว่าจะเป็น อายุ ฝีเท้า และประสบการณ์ในการลงเล่น พรีเมียร์ลีก มาแล้ว
เกมเมื่อคืนนี้แข้งวัย 29 ปีได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเคียงข้าง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โดยภาพรวมแล้วถือว่าทำหน้าที่ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นจังหวะประสานงานกับเพื่อน ๆ รวมทั้งการเข้าไปปั่นป่วนคู่แข่งในกรอบเขตโทษจนเป็นที่มาของประตูสุดสวยของ ติอาโก้ อัลคันทารา ที่ทำให้ทีมขึ้นนำ 2-1
แม้จะมีช็อตที่โดน เจมส์ มิลเนอร์ ตะคอกใส่ในนาทีที่ 13 แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้เสียสมาธิและพยายามยกระดับผลงานอยู่ตลอดเวลา แถมยังเกือบทำประตูได้ด้วยก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวให้ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ ลงเล่นแทนในนาทีที่ 59
เท่ากับว่า 2 เกมที่ผ่านมาในตำแหน่งริมเส้นฝั่งซ้าย คล็อปป์ ได้ทดลองให้ อ็อกซ์เหลด กับ คาร์วัลโญ ลงเล่นสลับกัน ซึ่งผลที่ออกมาอาจบอกไม่ได้ว่า จะสามารถทดแทนการขาดหายไปของ หลุยส์ ดิอาซ รวมทั้ง ดิโอโก้ โชต้า ได้หรือไม่ แต่การมีตัวเลือกอยู่ในมือแบบนี้ก็ทำให้อุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง
อันที่จริงแล้ว ตำแหน่งดังกล่าวไม่ใช่งานถนัดของ แชมเบอร์เลน เพราะสิ่งที่ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจย้ายมาเล่นกับ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2017 ก็คือการได้ลงสนามในฐานะกองกลาง ซึ่งเขาก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้เป็นอย่างดีเพียงแค่ปีแรกในถิ่น แอนฟิลด์ ด้วยการยึดตำแหน่งตัวจริงของทีม
แฟนหงส์แดงยังจำภาพติดตาจากลูกยิงไกลนอกกรอบเขตโทษในเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หากแต่โชคร้ายที่ต้องมาเจออาการบาดเจ็บหนักในรอบรองชนะเลิศศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พบกับ โรมา ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้อาชีพการค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์ ไปไหนได้ไม่ไกล
ช่วงครึ่งฤดูกาลหลังต่อจากนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ อ็อกซ์เหลด จะได้กลับมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง แม้ว่าจะไม่สามารถทำให้เขาได้รับสัญญาฉบับใหม่ แต่อย่างน้อยก็สามารถฝากฝีไม้ลายมือให้แฟนบอลได้จดจำก่อนอำลาทีม
ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าตัวจะสามารถไขว่คว้าเอาไว้ได้มากหรือน้อยขนาดไหน…