ช่วงเวลาแห่งการผลัดใบของ ลิเวอร์พูล

มีโอกาสไม่บ่อยครั้งนักในทศวรรษที่ผ่านมาที่ ลิเวอร์พูล ทีมดัง แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทำธุรกิจตลาดซื้อ-ขายนักเตะที่ดีกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรมหาเศรษฐีร่วมลีก แต่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาดูเหมือนว่า “หงส์แดง” จะปรับทัพได้ดีกว่า “เรือใบสีฟ้า” อยู่พอสมควร

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ชาวสเปนของ แมนฯ ซิตี้ ตัดสินใจปล่อย ชูเอา กันเซโล่ แบ็คทีมชาติโปรุเกสให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ในบุนเดสลีกา เยอรมัน ด้วยสัญญายืมตัวแบบสุดเซอร์ไพรส์ พร้อมด้วยออฟชั่นซื้อขาด 70 ล้านปอนด์

กันเซโล่ เคยเป็นคีย์แมนของ แมนฯ ซิตี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเคยอยู่ในทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักเตะอาชีพของอังกฤษ หรือ PFA ตลอด 2 ซีซั่นหลังสุดนั้น โดนลอยแพออกจากสโมสรอย่างกะทันหัน หลังมีปัญหากับ กวาร์ดิโอล่า ขณะเดียวกัน แมนฯ ซิตี้ คว้านักเตะใหม่มาร่วมทีมเพียงรายเดียวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาคือ มักซิโม เปร์โรเน กองกลางดาวรุ่งชาวอาร์เจนติน่า ที่ซื้อมาจาก เบเลซ ซาร์สฟิลด์ ด้วยค่าตัวราว 8 ล้านปอนด์ และดูเหมือนว่า ดาวเตะวัย 20 ปี คงไม่ใช่ตัวหลักในทันที

ดาร์วิน นูนเญซ

ลิเวอร์พูล ทีมดัง แห่งศึก พรีเมียร์ลีก กำลังเริ่มถ่ายเลือดทีม

ขณะที่ ลิเวอร์พูล แม้จะไม่ได้จัดการกับจุดอ่อนที่เห็นได้ชัดที่สุดในทีมด้วยการหามิดฟิลด์คนใหม่ แต่อย่างน้อย “หงส์แดง” ก็ได้คว้าผู้เล่นอายุน้อยมากพรสวรรค์ และเข้ามาเล่นกับทีมชุดแรกได้ทันทีอย่าง โคดี้ กัคโป หัวหอกชาวดัตช์ จาก พีเอสวี ไอนด์โอเฟ่น

การทำธุรกิจของ ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ ไม่สามารถเปรียบเทียบกับ เชลซี ในปีนี้ได้เลย เนื่องจากทั้ง 3 สโมสร อยู่กันคนละสถานะ โดย “หงส์แดง” และ “เรือใบสีฟ้า” ไม่จำเป็นต้องทุ่มเงินเซ็นสัญญากับผู้เล่นหลายคนเพื่อพัฒนาทีมที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม เชลซี ภายใต้การบริหารของเจ้าของคนใหม่อย่าง ท็อดด์ โบห์ลีย์ กำลังถ่ายเลือดครั้งใหญ่ด้วยการลงทุนไปมากกว่า 600 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นเหมือนการส่งคลื่นกระแทกไปยังสโมสรใหญ่อื่นๆ ในอังกฤษ และทั่วทั้งทวีปยุโรป

นอกจาก เชลซี ที่เป็นข้อยกเว้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เป็นอีกทีมที่ทำงานนอกสนามได้อย่างยอดเยี่ยมหลังยืมตัว มาร์เซล ซาบิเตอร์ กองกลางชาวออสเตรีย มาจาก บาเยิร์น ได้สำเร็จ เพื่อเป็นตัวแทนของ คริสเตียน อิรีคเซ่น จอมทัพชาวเดนมาร์กที่ได้รับบาดเจ็บยาว

ขณะที่ อาร์เซน่อล ก็ไม่ต้องทุ่มเงินมากมายในการซื้อผู้เล่นระดับซุเปอร์สตาร์ โดยพลพรรค “ไอ้ปืนใหญ่” จ่ายเงิน 21 ล้านปอนด์ คว้าตัว เลอันโดร ทรอสซาร์ด กองหน้าชาวเบลเยียม มาจาก ไบรท์ตัน และจ่ายอีก 12 ล้านปอนด์ คว้าตัว จอร์จินโญ่ กองกลางจอมเก๋าชาวอิตาลี มาจาก เชลซี

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ก็ทุ่มเงิน 40 ล้านปอนด์ คว้าตัว แอนโธนี่ กอร์ดอน ปีกดาวรุ่งชาวอังกฤษมาจาก เอฟเวอร์ตัน เพื่อเสริมขุมกำลังเชิงลึกในการไล่ล่าโควตาท็อปโฟร์ ซึ่ง “สาลิกาดง” ก็จะมีทางเลือกในเกมรุกมากขึ้นอีก

กัคโป

ขุมกำลัง และยุคผลัดใบของ “หงส์แดง”  

กองเชียร์ ลิเวอร์พูล หลายคนอาจมองธุรกิจของสโมรด้วยความอิจฉา ยกตัวอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด อาจไม่ได้นักเตะระดับโลกมาร่วมทีม แต่พวกเขาแทบไม่ต้องทุ่มเงินมากนักในการยืม ซาบิเตอร์ มาเล่นในช่วงครึ่งซีซั่นหลังเพื่อปิดจุดอ่อนในทีม

กรณีการยืมตัวนักเตะเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแทบไม่ประสบความสำเร็จเลยในยุคของ คล็อปป์ โดยบรดาผู้เล่นอย่าง สตีเวน คอลเกอร์, โอซาน คาบัค และ อาตูร์ เมโล แทบไม่ได้สร้างผลกระทบใดๆใก้กับทีมได้เลย

ด้วยผลงานนอกสนามที่ อาร์เซนอล, นิวคาสเซิ่ล และ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำได้ในฤดูกาลนี้ และการที่ เชลซี พยายามสร้างทีมใหม่ด้วยการลงทุนแบบมหาศาลนั้น มันให้ความรู้สึกเหมือนว่า ยุคของ แมนฯ ซิตี้ และลิเวอร์พูล ในการที่เคยเป็นทีมชั้นนำออาจจะสิ้นสุดลงแล้ว

ชัดเจนว่า ลิเวอร์พูล มีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปีหน้า และหากมองที่อันดับในตารางคะแนน บวกกับฟอร์มการเล่นที่เอาแน่เอานอนไม่ได้นั้น พวกเขาไม่สามารถกลับไปเป็นจ่าฝูงได้อีกแล้ว

บางทีการต่อสู้ที่เข้ามข้นตลอดหลายปีที่ผ่านมาของ ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ มันอาจเดินทางมาถึงช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงที่พร้อมกันก็เป็นได้

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top