บอร์นมัธ คือทีมแรกที่โดน หงส์แดง เปิดบ้านถลุงตาข่ายอย่างไร้ปราณีด้วยสกอร์ 9-0 ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะมารัวประตูใส่คู่แข่งตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป 7-0 ซึ่งทั้ง 2 เกมที่กล่าวมาเป็นเกมที่ ลิเวอร์พูล ยิงประตูในบ้านได้อย่างถล่มทลายในศึก พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้
ชัยชนะเหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง 7-0 ถือเป็นชัยชนะประวัติศาสตร์ของ ลิเวอร์พูล ที่มีต่อคู่ปรับตลอดกาลของพวกเขาและเป็นการยิงประตูที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์การพบกันของทั้ง 2 ทีม ซึ่งไม่รู้ว่าเราจะได้เห็นอีกเมื่อไหร่ในชั่วชีวิตของคนคนหนึ่ง
เชื่อว่า เดอะค็อป ทั่วโลกต่างก็กำลังมีความสุขและอิ่มเอมกับชัยชนะที่ท่วมท้นเช่นนี้ พร้อมกับคาดหวังว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นในการกลับมาทำผลงานที่ดีอย่างต่อเนื่องของทีมซักที หลังจากที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาตั้งแต่เปิดฤดูกาล เรียกได้ว่า 3 คะแนนครั้งนี้ได้นำมาซึ่งความคาดหวังมหาศาลที่มีต่อทีมรักเลยก็ว่าได้
เกมที่ถล่ม แมนยู นั้น ถือเป็นเกมที่ ลิเวอร์พูล ยิงประตูได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากนัดที่ถล่ม บอร์นมัธ 9-0 เมื่อต้นฤดูกาล ซึ่งเทียบเท่ากับสถิติสูงสุดของ พรีเมียร์ลีก แน่นอนว่าดีกรีการชนะทีมอันดับ 3 แถมเป็นคู่แค้นกันมานาน ย่อมมากกว่าทีมท้ายตาราง ความสะใจและความดีใจย่อมมากกว่าเป็นธรรมดา
เมื่อหันกลับมามองผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ก็จะพบว่าการยิง 7-0 หรือ 9-0 ก็ไม่ต่างกัน เพราะทีมก็เก็บได้ 3 คะแนนเท่ากัน หนำซ้ำการปล่อยให้ความรู้สึกเหล่านี้พาล่องลอยหลงระเริงก็อาจกลายเป็นความประมาทเลินเล่อหรือหยิ่งผยอง จนย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองในเกมต่อไปก็ได้
ที่ต้องพูดเช่นนั้น เพราะเกมนัดต่อไป หงส์แดง จะโคจรไปเจอกับ เดอะเชอร์รีส์ อีกครั้ง ในช่วงหัวค่ำของวันเสาร์ที่ 11 มีนาคมตามเวลาบ้านเรา และมันจะไม่ใช่เกมที่ง่ายดายเหมือนตอนต้นฤดูกาลที่ แอนฟิลด์ อย่างแน่นอน
เกมนี้ถือว่ามีความหมายกับทั้ง 2 ทีม สำหรับ ลิเวอร์พูล หากพวกเขาสามารถเก็บ 3 แต้มได้ก็จะขึ้นไปรั้งอันดับ 4 เป็นครั้งแรกของฤดูกาล ส่วน บอร์นมัธ ที่รั้งอันดับบ๊วยของตารางและกำลังหนีตกชั้นอย่างสุดชีวิต 3 คะแนนในนัดนี้ก็จะทำให้พวกเขาขยับขึ้นมาพ้นโซนสีแดงแบบชั่วคราวได้เช่นเดียวกัน
หากดูกันแค่ชื่อทีม คนนอกอาจจะมองว่าไม่น่าจะมีปัญหาสำหรับ หงส์แดง เชื่อเถอะว่า เกมนี้จะไม่ใช่ขนมหวานอย่างที่ใคร ๆ คิด และสกอร์ 9-0 จะไม่เกิดขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน หรือแม้กระทั่งการเก็บ 3 คะแนนก็น่าจะยากอย่างสุดกำลังเพราะเจ้าบ้านจะสู้ตายถวายชีวิตเหมือนที่สร้างความลำบากให้ อาร์เซนอล เมื่อสัปดาห์ก่อน ในขณะที่ ลิเวอร์พูล เองก็เคยมีประสบการณ์พ่ายแพ้ต่อทีมท้ายตารางมาแล้วด้วย
และด้วยเหตุนี้ทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้ออกมาเตือนนักเตะ หงส์แดง เกี่ยวกับชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า อย่าให้เรื่องนี้มาทำให้ทุกคนเสียสมาธิจนทำให้เกมนัดต่อ ๆ ไปไม่สามารถรักษาฟอร์มการเล่นเอาไว้ได้ และกลายเป็นว่าผลการแข่งขันที่ออกมาไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ
“เราอยู่อันดับ 5 เหนือ นิวคาสเซิล ซึ่งถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญ แต่เราต้องเดินหน้าต่อไป เกมนี้ถือว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนของซีซันได้หรือไม่? เราต้องพิสูจน์เรื่องนี้กันต่อไป”
“เรามีผลการแข่งขันที่บ้าคลั่งกับ บอร์นมัธ ในซีซันนี้ แต่ถ้าตอนนี้ผมอยู่ในห้องแต่งตัวของพวกเขา ผมก็คงจะทำให้แน่ใจว่าทุกคนสามารถจำผลการแข่งขันนี้ได้ และมันเป็นสิ่งที่เราจะต้องเปลี่ยนแปลงให้ได้” คล็อปป์ กล่าว
ในขณะที่ เฮนโด้ กัปตันทีมก็กระตุ้นเพื่อนร่วมทีมว่า อย่าเพิ่งมั่นใจมากเกินไปแม้จะเปิดบ้านถล่มยอดทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาก็ตาม
“เราต้องใช้ (ชัยชนะ 7-0) อย่างเหมาะสม เราไม่อาจจะแสดงความมั่นใจมากเกินไปหรือแสดงความอวดดีอะไรได้ มันเป็นวันที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของ ลิเวอร์พูล และเป็นวันที่เรามีความสุขมาก แต่ในขณะเดียวกันสิ่งที่เกิดขึ้นก็เพียงแค่ 3 คะแนน และยังมีอีกหลายเกมที่ต้องลงเล่นจนจบฤดูกาล”
“เราต้องจบซีซันให้ได้อย่างแข็งแกร่ง แต่ก็หวังว่าผลการแข่งขันที่ผ่านมาจะทำให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นและทำงานหนักกันต่อไปจนจบฤดูกาล จากนั้นก็มาดูกันว่าเราจะไปอยู่ที่ตรงไหน” กัปตันเฮนโด้ กล่าว
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ลิเวอร์พูล จะประมาทฟอร์มของลูกทีม แกร์รี โอนีล ไม่ได้ เพราะแม้ว่าพวกเขาจะแพ้ต่อ อาร์เซนอล 3-2 ในเกมล่าสุด แต่รูปเกมไม่ได้น่าเกลียดแถมยังขึ้นนำจ่าฝูงไปก่อนถึง 2 เม็ด ก่อนจะมาโดนโหมหนักจนถูกยิงแซง 3 ประตูรวดในครึ่งหลัง
“พวกเขาเป็นทีมที่มีคุณภาพและมีซีซันที่เล่นได้ดีทามกลางลีกที่แข็งแกร่ง การต่อสู้เพื่อดิ้นรนจากการตกชั้นมันเป็นอะไรที่บ้าคลั่ง ทุกทีมมีโอกาสที่จะอยู่รอดและมันจะเป็นการต่อสู้กันแบบดุเดือดจนถึงวันสุดท้ายของฤดูกาล เรารู้เรื่องนี้และให้ความเคารพต่อสิ่งที่พวกเขากำลังทำเป็นอย่างมาก”
“มันจะเป็นเกมที่ยากและเราต้องแน่ใจว่าจะเล่นได้ดีเหมือนเกมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ใช่แค่หวังเรื่องผลการแข่งขันเท่านั้น” นายใหญ่ชาวเยอรมันกล่าว
นั่นคือสัญญาณที่บอกว่าพวกเขาพร้อมสู้ตาย ซึ่งการได้กลับมาเล่นในบ้านในสัปดาห์นี้น่าจะทำให้เด็ก ๆ ของ คล็อปป์ ต้องเจองานหนักกว่าเดิมหลายเท่าตัวอย่างแน่นอน
ขอบคุณผู้สนับสนุนหลัก ufabet