ลิเวอร์พูล vs เบรนท์ฟอร์ด เกมที่ 12 ในศึกพรีเมียร์ลีก นัดก่อนพักเบรกทีมชาติ ซึ่ง หงส์แดง กลับมาระเบิดฟอร์มยอดเยี่ยมอีกครั้ง หลังเปิดสนาม แอนฟิลด์ ไล่อัด เบรนท์ฟอร์ด แบบขาดลอย 3-0 พร้อมกับขยับมารั้งรองจ่าฝูงจี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหลือเพียงแต้มเดียว
ในเกมนี้ พลพรรค “หงส์แดง” ทำผลงานได้ตามเป้าหมาย ด้วยการเก็บ 3 แต้ม และเก็บคลีนชีตได้สำเร็จ และนี่คือ 5 ประเด็นที่ควรพูดถึง ในเกมที่สาวก “เดอะ ค็อป” ไม่ต้องลุ้นมากนัก
1. การปรับทัพในแดนกลางในเกม ลิเวอร์พูล vs เบรนท์ฟอร์ด
หลังจากมิดฟิลด์ตัวหลักอย่าง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ติดโทษแบน ไรอัน กราเฟนแบร์ก มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน และ เคอร์คิส โจนส์ ยังไม่พร้อมลงเล่น คล็อปป์ จำเป็นต้องใช้ วาตารุ เอ็นโด และ โคดี้ กัคโป ลงยืนในแดนกลางร่วมกับ โดมินิค โซบอสซ์ไล
เอ็นโด ที่โชว์ฟอร์มไม่ดีนักในเกม ยูโรปา ลีก กับ ตูลูส และโดนเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่งแรก เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา กลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้งในเกมนี้ โดยกัปตันทีมชาติญี่ปุ่น ยืนปักหลักหน้าแผงแบ็คโฟร์ได้อย่างแข็งแกร่ง ช่วยตัดบอลสวย ๆ ได้หลายครั้ง และคุมจังหวะได้อย่างยอดเยี่ยม
ขณะที่ กัคโป ในบทบาทกองกลาง ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี ทั้งในการช่วยเพรสซิ่ง ครองบอลเอาตัวรอดจากการถูกกดดัน และพยายามสร้างสรรค์เกมรุกด้วยตัวเอง ซึ่งถือว่า แบ่งเบาภาระของ โซบอสซ์ไล ไปได้เยอะทีเดียว
2. ดาร์วิน นูนเญซ คู่หูคนใหม่ในแนวรุกของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์
หัวหอกทีมชาติอุรุกวัย ส่งบอลเข้าไปสู่ก้นตาข่ายถึง 2 ครั้ง แต่น่าเสียดายที่ถูกจับว่าเป็นลูกล้ำหน้า, อย่างไรก็ตาม นูนเญซ ยังคงแสดงให้เห็นถึงพลังงาน ความอันตราย ความมุ่งมั่น และคุกคามกองหลังผู้มาเยือนได้ตลอดทั้งเกม รวมถึงทำไป 1 แอสซิสต์ให้กับ ซาลาห์
ฟอร์มการเล่นในปัจจุบันของ นูนเญซ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เจ้าตัวน่าจะยืนเป็นตัวหลักต่อไป โดยมี ซาลาห์ ประจำการทางริมเส้นฝั่งขวา ซึ่งหลาย ๆ เกมที่ผ่านมา ทั้ง 2 คน ก็แสดงให้เห็นถึงการประสานงานที่เข้าขาลงตัวอยู่เสมอ
ในส่วนของ ซาลาห์ หลังระเบิดฟอร์มซัดคนเดียว 2 ประตู ในเกมกับ เบรนท์ฟอร์ด ก็ส่งผลให้ ดาวชาวอิยิปต์เตะ วัย 31 ปี ขึ้นแท่นกลายเป็นนักเตะคนที่ 8 ที่ทำสถิติมีส่วนร่วมกับการทำประตูใน พรีเมียร์ลีก มากกว่า 200 ครั้งได้สำเร็จ
3. ผู้เล่นตัวหลีก รักษามาตรฐานได้อย่างยอดเยี่ยม
ในฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล มีผู้เล่นหน้าใหม่มากมาย และมีการเปลี่ยนแปลงทีมไปพอสมควร แต่บรรดานักเตะเก่าที่เป็นกำลังสำคัญอย่างอย่าง อลิสซอน เบ็คเกอร์, โจเอล มาติป และ เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ ยังคงเป็นที่พึ่งให้กับทีมได้เสมอ
อลิสซอน โชว์ฟอร์มซุเปอร์เซฟสวย ๆ ได้หลายครั้ง ลิเวอร์พูล vs เบรนท์ฟอร์ด ช่วยให้ หงส์แดง ไม่เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำไปก่อน ขณะที่ ฟาน ไดจค์ ก็คืนฟอร์มอันแข็งแกร่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ และสกัดจังหวะชี้เป็นชี้ตายได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วน มาติป ก็เล่นได้อย่างมั่นคงเช่นเดิม
นอกจากทั้ง 3 คนที่กล่าวมา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนด์ ก็ควบคุมพื้นที่แนวรับฝั่งขวาได้เป็นอย่างดี และยังเปิดบอลจากแนวลึกเพื่อสร้างสรรค์เกมได้ รวมถึง ซาลาห์ ที่ยังเป็นตัวอันตาย และเฉียบขาดเสมอเมื่อมีโอกาส
4. ลิเวอร์พูล vs เบรนท์ฟอร์ด เกมที่ม้านั่งสำรอง เต็มไปด้วยผู้เล่นดาวรุ่ง
เมื่อมองไปที่ซุ้มม้านั่งสำรองในเกม ลิเวอร์พูล vs เบรนท์ฟอร์ด มันเป็นเรื่องที่เซอรไพรส์พอสมควร เนื่องจาก หลุยส์ ดิอาซ และ ควิวีน เคลเลเฮอร์ เป็นนักเตะเพียง 2 คนที่มีอายุเกิน 20 ปี ขณะที่ ฮาร์วีย์ เอลเลียต และ จาร์เรลล์ ควานซาห์ กลายเป็นคนที่อาวุโสรองลงมาตามลำดับ
เบน โด๊ค อาจเป็นชื่อที่เราคุ้นเคย หลังจากปีกดาวรุ่งชาวสก็อตแลนด์ ขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่หลายเกมแล้ว แต่บรรดาผู้เล่นจากทีมเยาวชนอย่าง ลุค แชมเบอร์ส, คาลัม สแกนลอน, เจมส์ แม็คคอนเนลล์ และ เทรย์ นีโอนี วัย 16 ปี ต่างก็ถูก คล็อปป์ เรียกเข้ามาสแตนด์บาย
แม็คคอนเนลล์ ลงเล่นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาทีสุดท้าย เพื่อเพิ่มสถิติการลงสนามเป็นครั้งที่ 2 ให้กับ ลิเวอร์พูล และถือเป็นการลงเล่นครั้งแรกใน พรีเมียร์ลีก แต่สำหรับคนที่เหลือ ยังต้องนั่งดู และเรียนรู้แนวทางของทีมไปก่อน
5. เข้าสู่ช่วงพักเบรกทีมชาติ ด้วยตำแหน่งที่ยอดเยี่ยม
เกมถัดไปเรียกได้ว่า เป็นการแย่งตำแหน่งจ่าฝูงอย่างแท้จริง เนื่องจาก ลิเวอร์พูล ต้องบุกไปเยือน แมนฯ ซิตี้ ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม ในวันที่ 25 พฤศจิกายน เวลา 19.30 และหากยังหวังลุ้นแชมป์ พวกเขาต้องไม่แพ้กลับออกมา
ในสัปดาห์หน้า จะเป็นการเข้าสู่ช่วงเบรกทีมชาติครั้งสุดท้ายของปฏิทินปี 2023 และ ลิเวอร์พูล ขยับมารั้งอันดับ 2 ในตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก โดยมีแต้มตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สะดุดเสมอกับ เชลซี 4-4 เพียงแต้มเดียวเท่านั้น
เรื่องดี ๆ หลังพักเบรกทีมชาติคือ คล็อปป์ จะได้นักเตะอย่าง แม็ค อัลลิสเตอร์, ไรอัน กราเฟนแบร์ก และ เคอร์ติส โจนส์ กลับมาพร้อมลงสนาม แต่ก็ต้องช่วยกันภาวนาว่า ผู้เล่นตัวหลักที่ไปรับใช้ชาติจะไม่บาดเจ็บกลับมา ก่อนจะเจอกับ แมนฯ ซิตี้