Burnley vs Liverpool สรุป 5 ประเด็นหลังเกม ลิเวอร์พูล บุกอัด เบิร์นลีย์ ผงาดขึ้นจ่าฝูง

Burnley vs Liverpool แมตช์แกะกล่องของขวัญในศึก พรีเมียร์ลีก วัน บ็อกซิ่ง เดย์ ของ ลิเวอร์พูล หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ฟอร์มฝืดจาก 2 เกม บิ๊กแมตช์ ที่เปิดรัง แอนฟิลด์ เสมอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซนอล

ในเกมเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา, ลิเวอร์พูล ทำได้ได้ตามเป้าหมาย ด้วยการบุกไปเอาชนะ เบิร์นลีย์ ที่สนาม เทิร์ฟ มัวร์ ไป 0-2 โดยได้ 2 ประตู จาก ดาร์วิน นูนเญซ และ ดิโอโก โชต้า ซึ่งทำให้ พลพรรค หงส์แดง ขยับมารั้งตำแหน่งจ่าฝูง และนี่คือ 5 ประเด็นที่น่าพูดถึง หลังจบเกมนัดนี้

1. การเปลี่ยนโอกาสเป็นประตู ยังเป็นปัญหาที่เห็นได้ในเกม Burnley vs Liverpool

ซาลาห์

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา, คล็อปป์ กล่าวถึงทีม ลิเวอร์พูล เวอร์ชั่น 2.0 ว่า “มีหลายอย่างที่เราต้องปรับปรุง โดยเฉพาะจังหวะสุดท้าย เราแสดงให้เห็นว่าครอบครองเกมได้มากมาย” โดยปัญหาดังกล่าว ยังเห็นได้ชัดในเกมครึ่งแรก กับ เบิร์นลีย์ ที่ “หงส์แดง” มีโอกาสยิง 12 ครั้ง ตรงกรอบ 8 ครั้ง แต่ได้แค่ประตูเดียว

แน่นอนว่า ต้องให้เครดิตไปที่ เจมส์ แทรฟฟอร์ด นายทวารดาวรุ่งเจ้าบ้าน ที่ระเบิดฟอร์มซูเปอร์เซฟหลายครั้ง แต่ทีมของ คล็อปป์ ก็ต้องพัฒนาจังหวะจบสกอร์ให้เด็ดขาดกว่านี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้ครองเกมเหนือกว่าคู่แข่ง

ลิเวอร์พูล ยังต้องหาทางปรับปรุง เรื่องการจบสกอร์ต่อไป ซึ่ง คล็อปป์ และทีมสตาฟฟ์โค้ช ก็ต้องช่วยกันทำให้แนวรุก กลับมาเฉียบขาดโดยเร็วที่สุด แต่เกมกับ เบิร์นลีย์ เริ่มมีสัญญาณดี หลังจาก นูนเญซ กลับมายิงได้ในรอบ 12 เกม ขณะที่ หลุยส์ ดิอาซ และ โคดี้ กักโป ก็ทำแอสซิสต์แรกในซีซันนี้ได้สำเร็จ

2. ดิโอโก โชต้า สามารถจบสกอร์ได้

โชต้า

แน่นอนว่า หากสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดคำถามว่า เกมรุกของ ลิเวอร์พูล ชุดนี้ ดีพอ ที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกหรือไม่ มันก็ยุติธรรมที่จะชี้ให้เห็นว่า การกลับมาของ โชต้า ตอบข้อสงสัยทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หลังจากพลาดการลงสนามไปเกือบเดือน หลังได้รับบาดเจ็บ หัวหอกชาวโปรตุเกส กลับมามีชื่อเป็นตัวสำรองอีกครั้งในเกมกับ เบิร์นลีย์ และ โชต้า ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความเฉียบขาดเหมือนเดิมหลังถูกส่งลงมาในแทน นูนเญซ ในนาทีที่ 84 และเป็นคนซัดประตูปิดกล่องในนาทีที่ 90 ถือเป็นประตูที่ 50 ที่ ดิโอโก้ โชต้า ยิงได้ ในเครื่องแบบของทีม ลิเวอร์พูล ด้วย

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยังนำเป็นดาวซัลโวของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ และการกลับมาของ โชต้า จะช่วยแบ่งเบาภาระการทำประตูของ ดาวเตะชาวอิยิปต์ และเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ “หงส์แดง” มีโอกาสลุ้นแชมป์ ไปจนถึงช่วงท้ายฤดูกาล

ดูสถิติของ ดิโอโก้ โชต้า ฤดูกาล 2023/24

3. จาเรลล์ ควอนซาห์ พร้อมแทน โจเอล มาติป

ควอนซาห์

ในช่วงครึ่งหลัง เกมกับ เบิร์นลีย์ นั้น, ลิเวอร์พูล ต้องดิ้นรนอย่างหนัก ในการถูกแนวรุกเจ้าบ้านกดดัน ดังนั้น มันจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่พวกเขาจะเก็บคลีนชีตได้ และ ควอนซาห์ ก็ควรได้รับคำชื่นชมเต็ม ๆ จากฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยม

ก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูล เจอกับข่าวร้าย หลังจาก มาติป ได้รับบาดเจ็บจนปิดฉากซีซันนี้ไปแล้ว และหลายคนเริ่มกังวลว่า ตัวเลือกในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟจะมีปัญหาได้ แต่ ควอนซาห์ พิสูจน์ให้เห็นว่า เขาดีพอที่จะอุดช่องว่างดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

กองหลังวัย 20 ปี ยืนปักหลักร่วมกับ เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ ได้อย่างแข็งแกร่ง และเยือกเย็น นอกจากนี้ ควอนซาห์ ยังทำสถิติ เอาชนะการดวลกลางอากาศได้อย่างน่าประทับใจถึง 9 จาก 11 อีกด้วย

4. ดาร์วิน นูนเญซ ต้องใช้ประตูจากเกมนี้ เรียกความมั่นใจ

ดาร์วิน นูนเญซ

 ดาวยิงชาวอุรุกวัย ซัดประตูสุดสวยให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายขึ้นนำเจ้าบ้าน ตั้งแต่ช่วงต้นเกม และฟอร์มการเล่นของเจ้าตัวในเกมนี้ ดูไม่เหมือนคนที่ไม่สามารถทำประตูได้ใน 12 เกมหลังสุดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

ในห้วงที่ผ่านมา นูนเญซ พยายามไม่ฟังเสียงวิจารณ์ และก้มหน้าก้มตาเล่นฟุตบอลเพียงอย่างเดียว และเกมนี้ เขาก็ปลดล็อกตัวเองได้สำเร็จ รวมถึงยังมีส่วนร่วมกับเกมตลอด ซึ่งถือว่า เป็นฟอร์มการเล่นที่น่าพอใจมากทีเดียว

เพราะ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะเดินทางไปเล่น แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ ในเดือนหน้า ดังนั้น มันเป็นช่วงเวลาแห่งการทดสอบจิตใจของ นูนเญซ อย่างแท้จริงว่า จะก้าวขึ้นมาทดแทนได้หรือไม่

ชมไฮไลท์ เบิร์นลีย์ 0-2 ลิเวอร์พูล

5. โดนริบประตูจาก VAR ถึง 2 ประตู ในเกม Burnley vs Liverpool

Burnley - Liverpool

พอล เทียร์นีย์ และ ไซมอน ฮูเปอร์ ยังคงเป็นกรรมการที่ ลิเวอร์พูล ไม่ประทับใจเช่นเดิม หลังจากมีการตัดสินใจ ที่กลายเป็นประเด็นให้ถกเถียงหลายจังหวะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปฏิเสธจะให้ประตูกับ ลิเวอร์พูล จากลูกยิงในครึ่งหลังของ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์

ในจังหวะที่ เอลเลียตต์ ซัดเข้าไป นั้น, ซาลาห์ ยืนล้ำหน้า แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการเล่น (เพราะโดนผู้เล่นของ เบิร์นลีย์ ผลัก), อย่างไรก็ตาม เทียร์นีย์ ชี้ว่าเป็นการยืนบังวิสัยทัศน์นายทวาร ก่อนจะโดนริบประตูคืนในที่สุด ซึ่งทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องเล่นด้วยความกดดันอยู่หลายนาที

คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์ถึงจังหวะดังกล่าวไว้ว่า “คงมีเพียงแค่คนที่ไม่เคยเล่นฟุตบอลมาก่อนเท่านั้นแหละ ที่จะสามารถตัดสินว่า จังหวะนั้นเป็นจังหวะที่ล้ำหน้า”


ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top