แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน นักเตะที่ขาดไม่ได้ในระบบใหม่ของ ลิเวอร์พูล

แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน จัดไป 1 แอสซิสต์ด้วยการเปิดมุมให้ โจเอล มาติป โหม่งทำประตูชัยในเกมที่ ลิเวอร์พูล บุกไปเฉือนชนะ เวสต์แฮม ในศึก พรีเมียร์ลีก เมื่อคืนวันที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา

และการปรับรูปแบบการเล่นใหม่ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ทำให้ ลิเวอร์พูล เก็บชัยชนะได้ 3 นัดติดต่อกัน ส่งให้พวกเขากลับมามีโอกาสลุ้นชิงโควต้า ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก อีกครั้ง หลังจากที่บุกไปเอาชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้ ทำให้ตอนนี้แซงหน้า ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ขึ้นไปอยู่ที่ 6 มี 53 คะแนนและมีแต้มห่างจาก  แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 4 อยู่ 6 คะแนน แต่ลงเล่นมากกว่า 2 เกม

ต้องยอมรับว่า แผนการเล่นใหม่นี้มี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งทำให้ หงส์แดง กลับมาสยายปีกเป็นทีมที่เล่นได้อย่างมีชีวิตชีวา คุมเกมได้ และทำให้เกมรุกอันตรายขึ้นกว่าเดิม แถมเกมรับก็ดูดีขึ้นมาอีกหน่อยด้วย

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ไม่ได้มีผลแค่กับแบ็คขวาวัย 24 ปีเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่อีกหนึ่งคนที่ต้องถูกปรับตำแหน่งด้วยเหมือนกันนั่นก็คือ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่ประจำการในอีกฟากหนึ่งของสนาม

ไม่มีใครปฏิเสธหรอกได้ว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาทั้ง เทรนท์ และ ร็อบโบ้ คือกุญแจสำคัญในระบบ 4-3-3 ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ และนำพาความสำเร็จอันมากมายเข้ามาสู่ถิ่น แอนฟิลด์ โดยรูปแบบการเล่นนี้ ทำให้ทั้งคู่ยกระดับตัวเองให้กลายเป็นฟูลแบ็คที่ดีที่สุดของยุโรปในช่วงเวลาหนึ่ง และสร้างสถิติแอสซิสต์มากมายเป็นประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก ที่ยากจะหาใครล้มได้

ร็อบโบ้ เทรนท์
ร็อบโบ้ และ เทรนท์ คือคู่หูฟูลแบ็คที่ดีที่สุดในยุโรป ในช่วงเวลาหนึ่ง

นับตั้งแต่ซีซัน 2017-2018 ที่ทั้ง 2 คนได้ลงเล่นคู่กันอย่างเป็นทางการ พวกเขาร่วมกันทำแอสซิสต์ได้ทั้งหมด 133 ครั้งในทุกรายการ โดย โรเบิร์ตสัน กลายเป็นกองหลังที่ทำแอสซิสต์ได้มากที่สุดในลีกสูงสุด แซงหน้า เลย์ตัน เบนส์ ของ เอฟเวอร์ตัน ไปเป็นที่เรียบร้อย

สไตล์การเล่นของทั้งคู่คือการดันขึ้นสูงเพื่อช่วยเกมรุกและใช้ High Pressing ในเกมรับ ซึ่งแม้ว่ามันจะทำให้การเล่นของ ลิเวอร์พูล น่าเกรงขาม แต่ก็ถือว่ามีความเสี่ยงสูงมากเช่นกัน เพราะเป็นการเปิดช่องว่างให้คู่ต่อสู้ได้เล่นงานแผงหลัง โดยเฉพาะในช่วงที่ฟอร์มไม่คงเส้นคงวาอย่างในฤดูกาลนี้

เราจึงได้เห็นฟอร์มการเล่นและผลการแข่งขันที่ย่ำแย่กว่าเดิมจนทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องพยายามทดลองอะไรหลาย ๆ อย่าง และในที่สุดก็ดูเหมือนว่าเขาจะมาพบกับทางออกในช่วง 45 นาทีสุดท้ายในเกมที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเสมอกับ อาร์เซนอล ไป 2-2 ที่ผ่านมา ด้วยการจับ เทรนท์ หุบเข้ามาเล่นตรงกลางสนามและปรับไปยืนในระบบ 3-4-3 หรือ 3-2-3-2 ซึ่งมันก็ได้ผลอย่างคาดไม่ถึง

ฟอร์มการเล่นของ เดอะ เร้ดส์ ในครึ่งหลังกับ เดอะ กันเนอร์ส ได้รับการพูดถึงอย่างมาก พวกเขาเกือบจะเอาชนะจ่าฝูงได้ด้วยซ้ำและกลายเป็นระบบที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ นำมาใช้ในอีก 3 เกมต่อมา

ฟีร์มิโน่
ฟีร์มิโน่ ขึ้นโหม่งประตูให้ ลิเวอร์พูล ตีเสมอ อาร์เซนอล
ด้วยแอสซิสต์สุดสวยจาก เทรนท์

2 ประตูกับ อาร์เซนอล, 6 ประตูที่ถล่ม ลีดส์, 3 ประตูเกมเฉือน ฟอเรสต์ และล่าสุด 2 ประตูใน ลอนดอน สเตเดี้ยม กับ เวสต์แฮม บ่งบอกว่า ลิเวอร์พูล กลับมามีพลังในเกมรุกอีกครั้ง และทำให้ เทรนท์ กลับมาทำแอสซิสต์ได้ติด ๆ กัน 5 ครั้งจาก 4 เกมหลังสุด

ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงเช่นนี้ คงไม่มีใครคิดว่า คล็อปป์ จะกลับไปใช้ระบบ 4-3-3 อย่างที่คุ้นเคยในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน อย่างน้อยอีก 6 นัดที่เหลือ เราก็น่าจะได้เห็นแบ็คขวาวัย 24 ปีรับหน้าที่ช่วยขับเคลื่อนเกมแดนกลางไปจนนัดสุดท้าย

แต่ในอีกด้านหนึ่งบทบาทของ โรเบิร์ตสัน อาจดูจะยังไม่ลงตัวเท่าไหร่นัก เนื่องจากเขาถูกจำกัดหน้าที่ในเกมรุกมากขึ้นและต้องลงไปช่วยยืนในตำแหน่ง 3 เซ็นเตอร์ร่วมกับ อิบราฮิมา โคนาเต้ และ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ใน 3 เกมก่อนหน้านี้ ในขณะที่เกมล่าสุดกับ เวสต์แฮม เป็น โจเอล มาติป

คล็อปป์ ตระหนักถึงเรื่องนี้ดี และได้พูดถึงการปรับตัวของ ร็อบโบ้ ในการแถลงข่าวหลังจบเกมที่เอาชนะ ฟอเรสต์ 3-2 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า

“(ในระบบนี้) เราไม่สามารถมีฟูลแบ็คคนใดคนหนึ่งหุบเข้ามาเล่นตรงกลางและอีกคนดันขึ้นไปช่วยเกมรุกทางด้านซ้าย มันเป็นเรื่องยาก”

“ในช่วงแรกนั้น ตำแหน่งของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เราเห็นได้ชัดว่าเขา (โรเบิร์ตสัน) เป็นผู้เล่นที่ฉลาดและมีประสบการณ์ เขารู้ว่าจังหวะไหนจะต้องเล่นยังไง”

เยอร์เก้น คล็อปป์ เผย
แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
ร็อบโบ้ ทำแอสซิสต์ด้วยการเตะมุมให้ มาติป โหม่งทำประตูชัย

แมตช์ล่าสุดที่ ลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะ เวสต์แฮม มาได้ 1-2 นั้น, ร็อบโบ้ เริ่มที่จะเข้าใจตำแหน่งการยืนของตัวเองมากขึ้น เจ้าตัวลงไปช่วยเกมรับ ทำหน้าที่เป็นเซ็นเตอร์คนที่ 3 เพื่อให้ เทรนท์ ได้เข้าไปช่วยในแดนกลางเมื่อยามที่ทีมไม่ได้ครองบอล และกลับมาช่วยเติมเกมรุกฝั่งซ้ายเมื่อหันมาเล่นเกมรุกใส่คู่ต่อสู้

มีความกังวลอยู่เหมือนกันว่า การปรับระบบเช่นนี้จะเป็นการลดทอนประสิทธิภาพในการทำแอสซิสต์ของกัปตันทีมชาติสก็อตแลนด์หรือไม่ ? เพราะจุดเด่นของ ร็อบโบ้ คือการประสานงานกับริมเส้นฝั่งซ้ายและเติมเกมจนสุดเส้นหลังของฝั่งตรงข้าม แต่ดูเหมือนว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ พร้อมที่จะยอมเดิมพันกับเรื่องนี้เพื่อทำให้เกมโดยรวมเหนียวแน่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การปรับบทบาทของ โรเบิร์ตสัน ทำให้เกมของเขาไม่ได้หวือหวาเหมือนที่เคยเป็น เพราะต้องคอยรับภาระในการช่วยเกมรับมากขึ้น และไม่ได้เติมเกมรุกอยู่ตลอดเวลาเหมือนเดิม แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คุณภาพของเขาด้อยลงอย่างไร

แม้ในภาพรวม โรเบิร์ตสัน อาจยังไม่ได้ดูโดดเด่นกับระบบใหม่ที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ นำมาใช้กับ ลิเวอร์พูล แต่การเล่นของเขาก็ช่วยให้ เทรนท์ สามารถปลดปล่อยศักยภาพอย่างมากมายในแดนกลางและกลายเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนเกมอยู่ในขณะนี้

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top