‘โคดี้ กัคโป’ กับบทบาทที่อาจต้องเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต

โคดี้ กัคโป คือหนึ่งในดีลที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับแฟน หงส์แดง ตอนเข้าสู่ศักราชใหม่ได้เป็นอย่างมาก แม้ว่าก่อนหน้านี้ กัคโป ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับคู่อริตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รายวัน นับตั้งแต่ศึกบอลโลกที่กาตาร์ 2022 ที่เริ่มฟาดแข้งกันกลางเดือนพฤศจิกายนในปีที่ผ่านมา

ถ้าจะพูดว่า โคดี้ กัคโป คือแข้งความหวังใหม่ของ ลิเวอร์พูล ก็ไม่ได้เป็นการพูดที่ดู ‘โอเวอร์’ เกินไปเลย

หลังเกมที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านยันเสมอกับ เชลซี ไป 0-0 ในศึก พรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น เสียงวิจารณ์ต่อ โคดี้ กัคโป ก็เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ จากการที่เขายังไม่สามารถทำผลงานได้น่าประทับใจหลังจากที่ย้ายมาจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน ด้วยค่าตัว 37 ล้านปอนด์เมื่อช่วงปีใหม่

สถิติใน เอรีดิวีซี ของแข้งวัย 23 ปีนั้นน่าทึ่งมาก 14 เกมในลีกเขาทำได้ 9 ประตูพร้อมกับอีก 12 แอสซิสต์ แถมการลงเล่นในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ เจ้าตัวยังเป็นคนยิงประตูสูงสุดของทีมชาติฮอลแลนด์โดยยิงได้ 3 ประตูจาก 5 เกม

ดังนั้น เมื่อเดินทางมาถึง แอนฟิลด์ แฟนบอลจึงหวังที่จะได้เห็นผลงานของ กัคโป ท่ามกลางสถานการณ์ที่แนวรุกตัวหลักอย่าง หลุยส์ ดิอาซ และ ดิโอโก้ โชต้า ได้รับบาดเจ็บยาวแบบนี้ แต่กลายเป็นว่าที่ผ่านมา 4 นัด อดีตดาวยิง พีเอสวี กลับยังไม่สามารถผลิตผลงานให้ เดอะค็อป ได้ชื่นชมกันเลย ไม่มีทั้งประตูและแอสซิสต์ มีเพียงการยิงข้ามคานไป 2 ครั้งในเกมล่าสุด ชนิดที่ทำเอาเด็กหงส์หัวร้อนไปตาม ๆ กัน

เกิดอะไรขึ้นกับดาวยิงผู้เคยตกเป็นข่าวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเคยเป็นที่หมายปองจากยอดทีมในยุโรปเมื่อช่วงซัมเมอร์?

โคดี้ กัคโป ในสีเสื้อทีมชาติ
โคดี้ กัคโป ทำผลงานได้โดดเด่นมาก
ในศึกบอลโลก 2022 ที่ผ่านมา

เหตุผลหนึ่งที่น่าจะทำให้เราเข้าใจเรื่องนี้ได้ก็คือ ใน 3 เกมหลังสุด กัคโป ถูกจับไปเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าทั้งสิ้น มีเพียงนัดเดบิวท์ที่เสมอกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ไป 2-2 ในศึก เอฟเอคัพ รอบ 3 เท่านั้น ที่เจ้าตัวถูกจับไปเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายตามถนัด

สตาร์กังหันลมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ พีเอสวี ในการลงเล่นตัวริมเส้นฝั่งซ้าย โดยในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกเฉพาะในลีกลงสนามไป 14 นัดทำได้ 9 ประตูและ 12 แอสซิสต์ ซึ่งทั้งหมดมาจากการเล่นในตำแหน่งนั้นล้วน ๆ และจากสถิติ 159 กับต้นสังกัดเดิม กัคโป ถูกส่งลงเล่นฝั่งซ้ายไปทั้งหมด 118 นัดทำได้ 47 ประตูกับ 42 แอสซิสต์ ในขณะที่เคยเล่นเป็นกองหน้าตัวกลางเพียง 15 นัดและทำไปได้ 5 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ในทุกรายการ

มีคำถามไปที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ เหมือนกันว่า ทำไมการจัดตัวนัดล่าสุดจึงยังใช้ดาวเตะทีมชาติฮอลแลนด์ไปยืนเป็นหน้าเป้าและให้ ฮาร์วีย์ เอลเลียต ที่ถนัดกราบขาวไปเล่นด้านซ้าย ส่วน ซาลาห์ ยืนตำแหน่งเดิม ทั้ง ๆ ที่สามารถปรับตำแหน่งให้ซ้ายเป็น กัคโป ขวาเป็น เอลเลียต และหน้าเป้าคือ ซาลาห์ แบบนี้น่าจะดูมีลุ้นมากกว่า

แถมตอนที่เปลี่ยนเอา ดาร์วิน นูนเญซ ลงมา, คล็อปป์ ก็ยังให้ไปยืนปีกซ้ายแทนที่จะถ่างเอาอดีตแข้ง พีเอสวี ออกมาเล่นริมเส้นตามที่ถนัด และจัดดาวยิงอุรุกวัยไปยืนค้ำในแดนหน้า ซึ่งก็ทำเอาหลายคนงงกับการใช้แท็คติกนี้ของกุนซือชาวเยอรมันเหมือนกัน

โคดี้ กัคโป - ดาร์วิน นูนเญซ
ดาร์วิน นูนเญซ ในเกมที่ลิเวอร์พูลเสมอกับเชลซี

เรื่องนี้อาจจะพอมีคำตอบอยู่บ้าง เพราะเมื่อ หลุยส์ ดิอาซ และ ดิโอโก้ โชต้า หายกลับมาจากอาการบาดเจ็บในเดือนหน้า ทั้งคู่ก็จะกลับมาสลับกันทำหน้าที่ริมเส้นฝั่งซ้าย ซึ่งต้องยอมรับกันว่าแข้งโคลอมเบียนนั้นถือเป็นนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดคนหนึ่งก่อนที่จะหายหน้าไปจากทีม ส่วนแข้งโปรตุกีสก็มีสัญชาตญาณการทำประตูที่เป็นเลิศ ดังนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่ กัคโป จะได้ลงสนามอย่างจำกัดในตำแหน่งนั้น

ทางออกที่ดีที่สุดของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็คือ พยายามปรับให้สตาร์หน้าใหม่รายนี้มาเล่นในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์เหมือนที่ หลุยส์ ฟาน กัล ใช้งานเขาในทีมชาติฮอลแลนด์ที่กาตาร์ พร้อมกับการเปลี่ยนระบบมาเป็น 4-2-3-1 ซึ่งจะสามารถใช้ตัวรุกได้อย่างเต็มที่ถึง 4 คนโดยมี ดาร์วิน นูนเญซ ไปยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า

นายใหญ่ หงส์แดง คงไม่ได้คาดหวังที่จะดึง กัคโป เข้ามาเพียงแค่ทดแทนการหายไปของ ดิอาซ เท่านั้น หากแต่ความที่เจ้าตัวสามารถเล่นได้หลากหลายตำแหน่งในแนวรุก นั่นคือสิ่งที่จะมีประโยชน์กับ ลิเวอร์พูล ต่อไปในอนาคตมากกว่า

กรณีนี้เคยเกิดกับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน มาแล้ว สมัยที่ค้าแข้งอยู่กับ ฮอฟเฟนไฮม์, บ็อบบี้ คือนักเตะหมายเลข 10 ของทีมแต่เมื่อมาอยู่ในมือของ คล็อปป์ เขาถูกปรับบทบาทให้เล่นเป็น “ฟอลส์ไนน์” ในระบบ 4-3-3 ซึ่งก็สามารถทำผลงานได้ดีและช่วยทีมประสบความสำเร็จมากมาย

โคดี้ กัคโป - ฟีร์มิโน่
โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ต้นแบบของตำแหน่ง ‘ฟอลส์ไนน์’

เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ซาดิโอ มาเน ที่ถูกโยกจากปีกขวามาเล่นด้านซ้าย จนได้รับการยอมรับว่าให้เป็นผู้เล่นริมเส้นที่ดีที่สุดคนหนึ่งแห่งยุค

ดังนั้น 14 แอสซิสต์ของ กัคโป กับ พีเอสวี จึงทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ มองเห็นศักยภาพบางอย่างที่มากกว่าการยิงประตู เช่นเดียวกับที่ ฟาน กัล มอบหน้าที่เพลย์เมคเกอร์ในระบบ 3-5-2 ในทีมอัศวินสีส้มให้กับเขาและเจ้าตัวก็สร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจมาแล้ว

แน่นอนว่า การปรับเปลี่ยนตำแหน่งของ กัคโป จะต้องใช้เวลาอีกสักพัก…

แต่ถ้า ลิเวอร์พูล โชคดี?! ไม่โดนทิ้งห่างมากไปกว่านี้บวกกับการได้ตัวหลักกลับมาพร้อมหน้า ก็เชื่อว่าพวกเขายังคงมีหวังที่จะลุ้นท็อปโฟร์ได้เหมือนกัน

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top