แด่เจ้าของเสื้อหมายเลข 20 คนสุดท้าย ‘ดิโอโก้ โชต้า’

ข่าวการเสียชีวิตของ ดิโอโก้ โชต้า และน้องชาย อันเดร ซิลวา จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ประเทศสเปน คือโศกนาฏกรรมที่ทำให้โลกฟุตบอลต้องตกอยู่ในความเศร้า และมันส่งผลต่อสภาพจิตใจของทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งเพื่อนนักเตะและแฟนบอลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ลิเวอร์พูล ออกแถลงการณ์ด้วยถ้อยคำว่า “หัวใจสลายกับการจากไปอันน่าเศร้า” ในขณะที่นายกรัฐมนตรีโปรตุเกส หลุยส์ มอนเตเนโกร ก็กล่าวถึงเหตุการณ์สะเทือนใจนี้ว่าว่า “นี่คือวันที่เศร้าสร้อยของวงการกีฬา ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ”

เราทุกคนคงไม่มีใครคาดคิดว่า นักเตะวัย 28 ปี ที่เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกับคู่ชีวิต รุต การ์โดโซ่ เมื่อไม่ถึงสองสัปดาห์ก่อน จะจากไปอย่างไม่มีวันกลับเช่นนี้

ก่อนจะย้ายมาเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2020 ด้วยค่าตัว 41 ล้านปอนด์ โชต้า มีเส้นทางชีวิตและการค้าแข้งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งประสบการณ์เหล่านั้นได้หล่อหลอมให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่มากกว่าคำว่ากองหน้า เพราะนี่คือนักเตะระดับมันสองในเกมรุกและเป็นคนที่สามารถสร้างสิ่งที่พิเศษในช่วงเวลาที่สำคัญอยู่เสมอ

ย้อนกลับไปในวันแรกที่ โชต้า ลืมตาดูโลก เขาเกิดที่ปอร์โตในปี 1996 เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังกับสโมสรท้องถิ่นอย่าง กอนโดมาร์ ก่อนถูกดึงเข้าสู่อคาเดมี่ของ ปากอส เดอ แฟร์ไรร่า ในปี 2013 และได้ประเดิมทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุเพียง 18 ปี

ในปี 2016 เจ้าหนู โชต้า โชว์ฟอร์มโดดเด่นจนไปเข้าตา แอตเลติโก มาดริด และได้จับเขาเซ็นสัญญา 5 ปี แต่ที่นั่นเขาไม่เคยได้ลงเล่นเลยแม้แต่นัดเดียว โดยถูกส่งยืมตัวกลับไปเล่นกับ เอฟซี ปอร์โต จากนั้นฤดูกาล 2017-18 เขาก็ได้สัมผัสกับบรรยากาศของฟุตบอลอังกฤษเป็นครั้งแรก ด้วยการถูกส่งต่อให้ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ด้วยสัญญายืมตัวครั้งที่ 2

ที่ โมลินิวซ์ กราวน์ แห่งนี้เองที่เส้นทางอาชีพของ โชต้า เริ่มสดใสและทะยานขึ้นสู่อีกระดับ แม้ว่า วูล์ฟส์ จะยังอยู่ใน แชมเปี้ยนชิพ แต่แข้งฝอยทองก็ยิงไปถึง 17 ประตูในซีซั่นแรก พาทีมเลื่อนชั้นสู่ พรีเมียร์ลีก ได้อย่างสวยงาม และกลายเป็นขวัญใจแฟนบอลทันที

ด้วยความคล่องตัว เล่นได้ทั้งปีกและกองหน้า ฤดูกาล 2018/19 เขาลงเล่นในลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีเป็นครั้งแรกและยิงไป 9 ประตู พาทีมจบอันดับ 7 แบบสุดเซอร์ไพรส์ และในฤดูกาลถัดมาก็ช่วยให้ทีมไปไกลในฟุตบอล ยูโรปาลีก

ผลงานเหล่านี้ไปเข้าตา เยอร์เก้น คล็อปป์ และ ลิเวอร์พูล ก็ไม่รอช้าทาบทามและจับเขาเซ็นสัญญาแบบสายฟ้าแลบชนิดที่แทบไม่มีใครรู้ข่าวมาก่อนด้วยค่าตัวราว 41 ล้านปอนด์ในปี 2020 หลังจากที่ หงส์แดง คว้า ติอาโก้ อัลคันทารา ไม่ถึง 2 สัปดาห์

การมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ซึ่งตอนนั้นเพิ่งได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก มาสด ๆ ร้อน ๆ โชต้า ต้องเบียดตำแหน่งกับ 3 ประสานในตำนานอย่าง มาเน่, ฟีร์มิโน่ และ ซาลาห์ แต่แข้งรายนี้ก็ไม่เคยกลัว เขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ตอนมาถึงใหม่ ๆ ว่า “ผมมาที่นี่เพื่อแข่งขัน ไม่ใช่แค่มาเป็นตัวสำรอง”

และเขาก็แสดงให้เห็นในทันที เมื่อยิงประตูได้ตั้งแต่นัดประเดิมสนามกับ อาร์เซน่อล

การอยู่กับ ลิเวอร์พูล ทำให้ โชต้า มีสไตล์การเล่นที่ดุดัน แต่แงไว้ด้วยการจบสกอร์ที่เฉียบคม และสามารถยิงได้ทั้งสองเท้า นั่นจึงทำให้เขากลายเป็นที่รักของ เดอะ ค็อป อย่างรวดเร็ว

ในซีซั่น 2021/22 โชต้า ก้าวถึงจุดพีคสุดด้วยการยิงไปถึง 21 ประตูในทุกรายการ พาทีมคว้าดับเบิลแชมป์ เอฟเอคัพและคาราบาวคัพ อย่างยิ่งใหญ่ จากนั้นและในฤดูกาล 2023/24 เขาก็ทำประตูครบ 50 ประตูในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล พร้อมลงสนามครบ 100 นัดอีกด้วย

การเปลี่ยนแปลงมาถึงอย่างต่อเนื่อง โชต้า ถูกท้าทายด้วยการมาของ ดาร์วิน นูนเญซ และ หลุยส์ ดิอาซ แต่เขาก็ยังคงเป็นนักเตะที่สร้างความแตกต่างในเกมสำคัญได้เสมอ และเมื่อเข้าสู่ยุคของ อาร์เนอ ชล็อต ในซัมเมอร์ 2024 แข้งโปรตุกีสก็ได้รับโอกาสในการลงสนามมากขึ้น ด้วยความสามารถในการเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง

อย่างไรก็ตามม เขาก็ไม่ได้ลงสนามทุกนัด ด้วยเพราะอาการบาดเจ็บที่คอยเล่นงานอยู่เป็นระยะ แต่กระนั้นก็ยังสร้างผลงานด้วยการยิง 6 ประตูและทำอีก 4 แอสซิสต์ และเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 20 ได้อย่างยิ่งใหญ่ และเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 2 ในรอบ 5 ปี

ความสำเร็จของ โชต้า ยังไม่หมดแค่นี้ หลังปิดฤดูกาลเขาก็ช่วยทีมชาติโปรตุเกสคว้าแชมป์ เนชั่นส์ลีก มาครองเป็นสมัยที่ 2 ได้สำเร็จ พร้อมปิดฉากการรับใช้ชาติจำนวน 49 นัด ยิงไป 14 ประตู ถือเป็นอีกหนึ่งบทสรุปอันยอดเยี่ยมในเส้นทางอาชีพค้าแข้ง

และสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น ก่อนกลับมารวมตัวกันที่ แอกซา เทรนนิง เซ็นเตอร์ เพียง 5 วัน ดิโอโก้ โชต้า และน้องชายก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เสียชีวิตทั้งคู่ ซึ่งรายงานระบุว่าการเดินทางของเขาในครั้งนี้คือการมุ่งหน้าสู่อังกฤาเพื่อเตรียมตัวลงซ้อมปรีซีซันที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 8 กรกฎาคมนั่นเอง

ครั้งนี้เขากลับมาไม่ถึง ลิเวอร์พูล เขาออกเดินทางไกลกับน้องชายสู่สถานที่ที่ไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ ๆ แฟนบอลและคนในวงการฟุตบอลทั่วทั้งโลได้รับรู้ว่า ดิโอโก้ โชต้า คือนักเตะที่มีความสามารถ ประบความสำเร็จ และยังเป็นที่รักของทุกคนที่รู้จักเขาอีกด้วย

ชื่อของเขาจะถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และในความทรงจำของแฟนบอลที่ได้เห็นกองหน้ารายนี้ทุ่มเทวิ่งไม่มีหมด แสดงให้เห็นถึงความกระหายและความมุ่งมั่นทุกครั้งที่ลงสนาม

แต่สิ่งที่ทำให้เขาน่าจดจำยิ่งกว่าคือความเป็นมนุษย์ เขาคือนักฟุตบอลผู้เปี่ยมด้วยอารมณ์ขัน ความอ่อนน้อม และเป็นแบบอย่างในสังคมของเขา

“ดิโอโก้ โชต้า ไม่เพียงเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม แต่เขายังเป็นบุคคลที่พิเศษที่ได้รับความเคารพจากทั้งเพื่อนร่วมทีมและคู่แข่ง เขามีความสุขที่เปล่งประกาย และเป็นเสาหลักของชุมชนที่เขาอยู่”

และนั่นคือคำบอกลาที่งดงามที่สุด สำหรับนักเตะที่ตัวได้จากไป แต่หัวใจของเขายังคงอยู่กับพวกเราไปตลอดกาล

“ดิโอโก้ โชต้า”


ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top