สถานการณ์ในตลาดซื้อขายของ ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเวลานี้ช่างมีความคล้ายคลึงกันอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากที่ พรีเมียร์ลีก เพิ่งเปิดฤดูกาลไปไม่กี่นัด
หงส์แดง เสียกองกลางคนสำคัญอย่าง ติอาโก้ อัลคันทารา ไปในเกมนัดเปิดสนามที่เสมอกับ ฟูแลม 2-2 โดยต้องพักยาวถึง 6 สัปดาห์ ทำให้มีเสียงเรียกร้องให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ เดินเข้าสู่ตลาดอีกหนเพื่อควานหามิดฟิลด์มีชื่อชั้นเข้ามาเสริมทัพเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ในขณะที่ฝั่งของทีม ปีศาจแดง หลังจากที่ลงเล่นไป 2 นัดและเสียไปถึง 6 ประตูจากความพ่ายแพ้ต่อ ไบรท์ตัน คาบ้าน 2-1 และโดน เบรนท์ฟอร์ด ถล่ม 4-0 บรรดาเด็กผีก็ได้ออกมาเรียกร้องให้บอร์ดบริหารจัดการทำอะไรซักอย่างเพื่อดึงเอากองกลางตัวรับดี ๆ ซักคนเข้ามาสู่ทีมแทนที่คู่หู “แม็ค-เฟร็ด” ที่โชว์ฟอร์มได้ไม่เข้าตาเอาเสียเลย
นั่นทำให้ 2 คู่ปรับตลอดกาลต้องมองหานักเตะในแดนกลางในช่วงที่เหลืออีกไม่ถึงหนึ่งเดือนของตลาดซัมเมอร์
หากแต่เมื่อดูในรายละเอียดเราจะพบว่า ลิเวอร์พูล นั้นยังไม่จำเป็นถึงขั้นต้องซื้อผู้เล่นใหม่เข้ามาเสริมทัพในเวลานี้ ยืนยันได้จากการให้สัมภาษณ์ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ระบุชัดเจนว่า หากไม่ใช่นักเตะที่เขาต้องการ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะซื้อมาร่วมทีม
เพราะโครงสร้างนักเตะของนายใหญ่เมืองเบียร์นั้นค่อนข้างจะชัดเจนและแข็งแกร่ง เขามีผู้เล่นที่เป็นแกนหลักในแต่ละตำแหน่งอยู่แล้ว แม้ ติอาโก้ จะเป็นนักเตะคนสำคัญ แต่ก็คนที่เหลืออย่าง ฟาบินโญ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก็ยังอยู่ แถมเมื่อเหลือบไปบนม้านั่งสำรอง ถือว่ายังมีออปชันให้เลือกใช้งานอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น เจมส์ มิลเนอร์, นาบี เกอิต้า, ฮาร์วีย์ เอลเลียต และ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ และด้วยตัวเลือกแบบนี้ยังทำให้ คล็อปป์ สามารถปรับเปลี่ยนแท็คติกจาก 4-3-3 มาเป็น 4-2-3-1 ได้อีกด้วย
ในทางกลับกันเป็นทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ต้องรีบดึงกองกลางคนใหม่เข้ามาเสริมทีม เพราะจากฟอร์มการเล่นใน 2 นัดที่ผ่านมานั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากำลังอยู่ในช่วงวิกฤติสุด ๆ
พวกเขามีทีมที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ก็จริง แต่ยังไม่มี “แกนหลัก” ของแต่ละตำแหน่งที่สามารถพึ่งพาและไว้ใจได้ ดาบิด เด เคอา ก็ฟอร์มตกในเกมล่าสุด แฮรรี แม็คไกวร์ ยังไม่ใช่กองหลังที่น่าไว้ใจ ส่วนแดนหน้าแม้จะมี คริสเตียโน โรนัลโด้ แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องสปิริตภายในทีม
ตรงกลางสนามยิ่งแล้วใหญ่ คริสเตียน เอริคเซน ไม่ใช่นักเตะที่จะเข้ามาเสาหลักเมื่อดูจากสภาพร่างกายและอายุ ในขณะที่ บรูโน แฟร์นันเดส ก็ฟอร์มไม่คงเส้นคงวา ส่วนคู่หู แม็ค-เฟร็ด นั้นคือจุดอ่อน
เอริค เทน ฮาก จึงอยากได้ แฟรงกี้ เดอ ยอง ของ บาร์เซโลนา เข้ามาเติมตรงนี้ ซึ่งแม้ว่าทั้ง 2 ทีมจะสามารถตกลงค่าตัวกันได้แล้วเมื่อเดือนก่อน แต่นักเตะก็ยังไม่ยอมย้ายทีม และยังมีปัญหาเรื่องเงินค่าเหนื่อยที่ทาง บาร์ซา ค้างอยู่ ทำให้ดีลนี้ไม่จบลงง่าย ๆ
ถามว่าทำไม เทน ฮาก ถึงต้องการกองกลางชาวดัตช์ขนาดนั้น คำตอบมันปรากฏชัดเจนในเกมที่แพ้ให้กับ ไบรท์ตัน และ เบรนท์ฟอร์ด พวกเขาไม่มีมิดฟิลด์ตัวโฮลดิ้งบอลหรือคนที่สามารถเล่นเกมรับและเชื่อมเกมจากแดนหลังไปสู่แดนกลางและแนวรุกได้เลย
คู่หู แม็ค-เฟร็ด นั้นศักยภาพยังจำกัด พึ่งพาไม่ได้ และไม่พร้อมจะขึ้นมาเป็นแกนหลักในแดนกลาง เอริคเซน ก็ไม่ใช่โฮลดิ้งมิดฟิลด์ขนานแท้ ซึ่งต่างจากทีมระดับท็อปที่มีมิดฟิลด์ที่สามารถพึ่งพาได้ไม่ว่าจะเป็น โรดรี ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เอ็นโกโล ก็องเต้ จาก เชลซี, โธมัส ปาร์เตย์ ของ อาร์เซนอล และที่ ลิเวอร์พูล มี ฟาบินโญ
ดังนั้น ความจำเป็นของ แมนฯ ยูไนเต็ด จึงมากกว่าของทีมจาก เมอร์ซีย์ไซด์ เพราะพวกเขากำลังประสบปัญหาอย่างหนัก และไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้นในซีซันนี้ แต่มันเรื้อรังมานาน ซึ่ง เทน ฮาก มองเห็นจุดนี้และพยายามกระตุ้นให้บอร์ดดึง เดอ ยอง มาร่วมทีม
อย่างไรก็ตาม, สถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล เองก็ยังไม่น่าไว้วางใจ พวกเขาเคยเจอประสบการณ์การเสียเซ็นเตอร์แบ็คพร้อม ๆ กันถึง 3 รายในช่วงไม่กี่เดือนมาแล้ว ดังนั้นเกมที่จะเปิดบ้านพบกับ คริสตัล พาเลซ ในคืนนี้อาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นอีกครั้ง
และเมื่อถึงเวลานั้น เยอร์เก้น คล้อปป์ อาจ “จำเป็น” ต้องซื้อคนที่เขาคิดว่าใช่ก่อนตลาดปิดก็ได้…