เชื่อว่าในเวลานี้แฟนบอล ลิเวอร์พูล กำลังใจจดใจจ่อกับตลาดซื้อขายเดือนมกราคมที่กำลังจะมาถึง โดยเฉพาะการมีข่าวกับ 2 แข้งดาวรุ่งแห่งยุคอย่าง จู๊ด เบลลิงแฮม และ เอนโซ เฟอร์นานเดซ ซึ่งหากพวกเขาสามารถคว้าคนใดคนหนึ่งมาร่วมทีมได้ นั่นจะหมายถึงทิศทางอันสดใสทั้งปัจจุบันและอนาคตอีกหลายปีข้างหน้าได้เลย
ในขณะที่เวลานี้ อะไรก็ยังไม่แน่ไม่นอน บวกกับปัญหาในแดนกลางก็ยังคงอยู่ การไปหวังการเสริมทัพในตลาดหน้าหนาวอาจจะไม่ทันการณ์ ดังนั้น เยอร์เก้น คล็อปป์ และทีมงานจึงต้องหันมามองสิ่งที่มีอยู่ในมือและใช้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุดเสียก่อน
เมื่อมองบรรดาแข้งมิดฟิลด์ที่จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างและช่วยแก้ปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล เราคงหวังพึ่งพา นาบี เกอิต้า และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ได้ไม่เต็มที่นัก ในเมื่อคนแรกเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น แม้มีข่าวใกล้ฟิตกลับมาลงสนามช่วยทีมแล้วแต่ก็ไม่สามารถการันตีอะไรได้ ในขณะที่ ดิอ็อกซ์ เลยจุดสูงสุดของการค้าแข้งไปแล้วและช่วงเวลาที่เหลือคือการประคองตัวก่อนหมดสัญญาเท่านั้น
แต่หากจะมองหาใครซักคนที่น่าจะพอเป็นความหวังให้กับ ลิเวอร์พูล ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังได้ เราคงจะมองไปที่ อาร์ตูร์ เมโล แข้งบราซิลเลียนที่ย้ายมาจาก ยูเวนตุส ด้วยสัญญายืมตัวเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา
หากร่างกายของเขาสมบูรณ์พร้อม นี่คือแข้งที่ถือว่าเป็นเพชรเม็ดงามคนหนึ่ง ด้วยประสบการณ์อันเหลือล้นจากการเคยคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์มามากมายกับทั้ง บาร์เซโลนา และ ยูเวนตุส รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในนักเตะทีมชาติบราซิลชุดแชมป์ โคปา อเมริกา เมื่อปี 2019 โดยเป็นผู้ทำแอสซิสต์ให้ กาเบรียล เชซุส ทำประตูในเกมนัดชิงชนะเลิศที่เอาชนะ เปรู ไปได้ 3-1 ด้วย นี่จึงถือเป็นนักเตะของ ลิเวอร์พูล เพียงไม่กี่คนบนม้านั่งสำรองที่มีดีกรีในฟุตบอลระดับสูงของยุโรปและประสบความสำเร็จในเวทีระดับชาติมาแล้วด้วย
ตอนที่เซ็นสัญญากับแข้งวัย 26 ปีในวันสุดท้ายของตลาดซัมเมอร์เวลานั้น ถือเป็นเรื่องน่ายินดีและหลายคนมองว่าทีมงานของ คล็อปป์ จัดการแก้ไขปัญหาได้อย่างยอดเยี่ยม และแฟนบอลก็เฝ้ารอให้เขาปรับตัวกับทีมเพื่อระเบิดศักยภาพให้ได้เห็น แต่โชคร้ายที่เจ้าตัวได้ลงสนามให้กับทีมไปเพียง 13 นาทีก่อนจะรับบาดเจ็บหนักที่ต้นขาจนต้องเข้ารับการผ่าตัดและพักยาวจนถึงปีหน้า
ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นปีชง อาถรรพ์ หรือความซวยของ ลิเวอร์พูล แม้แต่นักเตะที่ยืมตัวมาก็ยังไม่พ้นเรื่องปัญหาอาการบาดเจ็บ ซึ่งสุดท้าย คล็อปป์ ก็ต้องก้มหน้าก้มตายอมรับสภาพและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบนัดต่อนัดเพื่อประคองทีมไม่ให้เละเทะมากไปกว่านี้
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าอาการของ อาตูร์ จะดีขึ้นเร็วกว่าที่คิดเอาไว้และน่าจะพร้อมกลับมาลงสนามให้กับทีมอีกครั้งในเดือนมกราคม ซึ่งนี่คือสัญญาณที่ดี แม้ว่า เดอะเร้ดส์ ยังต้องมองหาผู้เล่นคนใหม่เข้ามาเสริมทัพในตลาดหน้าหนาวอยู่ด้วยก็ตาม
แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวลือว่าเขาจะถูกส่งกลับไปที่ ยูเวนตุส ในเดือนมกราคม แต่เอเยนต์ส่วนตัวก็ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวไปแล้ว พร้อมกับยืนยันว่านักเตะของตนนั้นต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเองและใกล้จะคืนสนามเต็มที
การหายหน้าไปของ อาตูร์ ทำให้หลายคนอาจจะลืมไปว่าดีกรีและฝีเท้าของเขานั้นไม่ธรรมดา นี่คือกองกลางที่ครองบอลได้เหนียวแน่น เสียบอลยาก และเชื่อมเกมจากหลังไปหน้าได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมแบ่งเบาภาระของ ติอาโก้ อัลคันทารา, ฟาบินโญ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน หากฟิตสมบูรณ์พร้อม
แม้ว่าที่ ยูเวนตุส เขาอาจจะไม่ใช่คนโปรดของ แม็กซ์ อัลเลกรี แต่นั่นเป็นเรื่องของฟุตบอล มิดฟิลด์บราซิลเลียนได้รับการยอมรับเรื่องฝีเท้า เทคนิค และความสามารถอย่างไม่ต้องสงสัย และถึงแม้จะมีคนกังขาเรื่องการย้ายจาก บาร์ซา ไป ยูเวนตุส แต่เราก็เข้าใจได้ว่าเป็นการ ‘เล่นแร่แปรธาตุ‘ ในเรื่องการเงินระหว่าง 2 สโมสร ซึ่งไม่ได้ทำให้ศักยภาพของนักเตะลดลงแต่อย่างใด
และนอกจากจะได้ อาตูร์ กลับมาจากอาการบาดเจ็บภายในเดือนมกราคมแล้ว ลิเวอร์พูล ยังจะได้แข้งสำคัญอย่าง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน, เคอร์ติส โจนส์ และ เจมส์ มิลเนอร์ พร้อมคืนสนามด้วยซึ่งเป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับการลุ้นท็อปโฟร์ที่กลายเป็นเป้าหมายสูงสุดของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ไปแล้วในฤดูกาลนี้
อย่างไรก็ตาม หงส์แดง ก็ต้องทำงานอย่างหนักในตลาดหน้าหนาวไปพร้อม ๆ กันด้วย ซึ่งหากพวกเขาได้มิดฟิลด์เข้ามาเสริมทัพอย่างน้อยซัก 1-2 คนก็น่าจะช่วยให้ทีมคืนฟอร์มได้ไม่ยาก
และที่เหลือก็หวังให้ อาร์ตูร์ คืนฟอร์มเก่งโดยเร็วด้วยเช่นกัน….