ข่าวการคว้าตัว อาร์ตู เมโล ของ ลิเวอร์พูล นั้นสร้างความเซอร์ไพรส์ให้แก่สาวกหงส์แดงเป็นอย่างมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่เคยมีข่าวแพร่งพรายออกมาก่อนแม้แต่นิดเดียว เพราะส่วนใหญ่สื่อจะเล็งไปที่นักเตะที่มีชื่อเสียงหรือไม่ก็สตาร์ใน พรีเมียร์ลีก มากกว่า
แฟรงกี้ เดอ ยอง, ยูริ ตีเลมองส์, มอยเซส ไคเซโด้ และ คอนราด ไลเมอร์ คือ กลุ่มผู้เล่นที่ถูกเอ่ยขึ้นมาแทบจะพร้อม ๆ กันในทุกข่าว ประมาณว่าถ้าพลาดคนนั้นก็เอาคนนี้แทน หรือมีการตั้งประเด็นว่าใครจะเหมาะสมที่สุดกับ ลิเวอร์พูล ซึ่งก็หนีไม่พ้น 3-4 คนนี้เท่าไหร่
หากแต่พอเข้าสู่ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีของอังกฤษอยู่ดี ๆ ข่าวของ อาร์ตู ก็โผล่ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จากนั้นก็ใช้เวลาไม่นานในการปิดดีล เรียกได้ว่านี่คือการย้ายทีมแบบรวดเร็วสายฟ้าแลบอีกครั้งของ ลิเวอร์พูล ก็ว่าได้
นอกจากดีลนี้จะสร้างเซอร์ไพรส์แล้วยังตามมาด้วยเครื่องหมายคำถามว่า ลิเวอร์พูล คิดถูกแล้วใช่หรือไม่ ในการดึงแข้งบราซิลเลียนรายนี้เข้ามาเสริมทัพวันสุดท้ายของตลาดนักเตะ และจะช่วยยกระดับทีมได้มากน้อยขนาดไหน
หลายคนมองว่าการขาดหายไปของ ติอาโก้ คือการทำให้เกมรุกของ ลิเวอร์พูล ดูตื้อตัน แผงกองกลางอ่อนยวบยาบ ไร้คนสร้างสรรค์เกม แม้เจ้าหนู ฮาร์วีย์ เอลเลียต จะค่อย ๆ มีบทบาทมากขึ้นก็ตาม แต่ก็เป็นผู้เล่นคนละสไตล์ ไม่ใช่ตัวคุมจังหวะหรือคอยบงการเกมกลางสนาม ดังนั้นการมาของ อาร์ตู จึงถูกคาดหวังว่านี่คือตัวแทนของอดีตแข้ง บาเยิร์น มิวนิค
อย่างไรก็ตาม, หากดูที่สไตล์การเล่นกันจริง ๆ อาจจะพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะดาวเตะทีมชาติสเปนมีความเป็นนักสร้างสรรค์เกมมากกว่า มีวิสัยทัศน์ในการทำเกมรุก เป็นเซ็นเตอร์มิดฟิลด์ที่เน้นการเชื่อมเกมกับแดนหน้า ชอบวางบอลยาว คุมทิศทางจังหวะของเกม ในขณะที่อดีตแข้ง ยูเวนตุส นั้นดูจะปักหลักอยู่ในแดนกลางเสียเป็นส่วนใหญ่ และเล่นได้ทั้งตัวกลางและตัวรับ ไม่ค่อยขยับขึ้นสูง เน้นครองบอลเหนียวแน่น
คุณสมบัติเหล่านี้ไม่อาจจะทดแทน ติอาโก้ ได้ทั้งหมด แต่การมีกองกลางเชิงสูงเทคนิคดี น่าจะช่วย ลิเวอร์พูล มีเกมที่แน่นขึ้น ลดอัตราการเสียบอลจากแดนกลางซึ่งนำไปสู่การเสียประตูอยู่บ่อย ๆ ได้ และเมื่อประเมินดูแล้ว คล็อปป์ ก็คงไม่ได้มองว่า อาร์ตู จะเข้ามาแทนที่ใคร แต่เขารู้ดีว่าดาวเตะวัย 31 ปีนั้นไม่อาจยืนระยะได้นาน ๆ
ดังนั้น การมีมิดฟิลด์ที่พร้อมใช้งานเข้ามาสอดแทรกหรือลงเล่นสลับกันก็จะช่วยให้ทีมรักษาสมดุลเอาไว้ได้
พอพูดถึงเรื่องความฟิตและอาการบาดเจ็บ ก็ยังมีเรื่องน่ากังวลอยู่บ้าง เพราะ อาร์ตู ถือเป็นนักเตะที่มีประวัติเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่บ่อย ๆ แบ่งเป็นช่วงที่เล่นให้ บาร์เซโลนา 2018-2020 มีอาการบาดเจ็บ 10 ครั้ง อดลงเล่นไป 18 นัด และเมื่อย้ายมา ยูเวนตุส ในปี 2020-2022 ก็ได้รับบาดเจ็บไปทั้งหมด 5 ครั้ง หายหน้าไปจากทีมถึง 16 นัดด้วยกัน
แต่จากรายงานของสื่อระบุว่า ตอนนี้ดาวเตะวัย 26 ปีอยู่ในสภาพที่ฟิตปั๋ง พร้อมลงเล่นในเกมที่ออกไปเยือน เอฟเวอร์ตัน ได้เลยด้วยซ้ำ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ในระยะยาวก็ไม่อาจจะบอกได้ว่าเจ้าตัวจะไม่ล้มหมอนนอนเสื่อเหมือนเมื่อก่อน
เอาเข้าจริง ๆ เรื่องนี้ใช่ว่าทีมงานของ คล็อปป์ จะไม่รู้ พวกเขาจึงใช้รูปแบบของการยืมตัวมาใช้งานก่อนที่จะตัดสินใจซื้อขาดตามออปชันที่มีในสัญญา ถือเป็นการทดสอบอะไรหลาย ๆ อย่างไปในตัว หงส์แดง เสียเงินจ่ายค่าเสียหายประมาณ 4 ล้านปอนด์ ถ้าไม่ไหวก็ส่งคืนไป แต่ถ้าเวิร์คก็ซื้อขาดในราคา 32 ล้านปอนด์ ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่รอบคอบ
ตัวนักเตะก็ต้องการพิสูจน์ตัวเองเหมือนกัน เพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะถึงฤดูกาลฟุตบอลโลกที่กาต้าร์ การได้รับโอกาสที่ แอนฟิลด์ แบบนี้ต้องรีบคว้าเอาไว้ให้ได้ด้วยการโชว์ฟอร์มให้ดีที่สุด ซึ่งผลที่ออกมาถ้ามันเข้าท่าก็วิน-วิน
การคว้าตัว อาร์ตู แบบสายฟ้าแลบ แม้จะดูมีคำถามอยู่บ้าง แต่ก็เชื่อว่า คล็อปป์ และทีมงานคิดกันมาดีแล้ว ในระยะสั้น หากทุกอย่างออกมาเวิร์คประโยชน์ก็จะตกแก่ทุกฝ่าย แต่ถ้าไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็ยังเชื่อว่าไม่เสียหายมากเพราะผู้เล่นตัวหลัก ๆ กำลังจะกลับมาในช่วงกลางเดือนกันยายนเป็นต้นไป ถึงเวลานั้นนายใหญ่ หงส์แดง ก็จะมีตัวเลือกในมือครบครัน
รอดูแค่ว่า กองกลางบราซิลเลียนจะเล่นเข้ากับแท็คติกของ เยอร์เก้น คล้อปป์ และประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้มากน้อยขนาดไหน ซึ่งอาจจะเริ่มในเกม เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ เสาร์นี้เลย…..ก็เป็นได้