หลังจบเกมที่ ลิเวอร์พูล สามารถเปิดบ้านเอาชนะ นาโปลี ไปได้ 2-0 ในศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้าย หนึ่งในผู้เล่นที่ได้รับคำชมจาก เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็คือ เคอร์ติส โจนส์ แข้งดาวรุ่งที่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงเป็นนัดแรกในฟุตบอลยุโรป
หงส์แดง กลับมาใช้ระบบที่คุ้นเคยอย่าง 4-3-3 แต่ที่น่าแปลกใจคือดาวเตะวัย 21 ปีได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงและยืนประจำการแนวรุกฝั่งซ้ายร่วมกับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซึ่งกลายเป็นว่าสามารถสร้างผลงานได้อย่างน่าพอใจ
ก่อนหน้านี้ฟอร์มของดาวเตะวัย 21 ปีไม่ได้เป็นที่ประทับใจของบรรดาแฟนบอลมากเท่าไหร่ หลังจากที่หายจากอาการบาดเจ็บและได้โอกาสลงสนามในช่วง 2-3 นัดที่ผ่านมา โดยเฉพาะการลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมที่พ่ายให้กับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ทีมบ๊วยของตารางเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน รวมทั้งเกมที่เปิดบ้านแพ้ให้กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในฐานะตัวสำรอง
ด้วยผลการแข่งขันที่ออกมา เดอะค็อป จึงมองว่า โจนส์ ไม่ใช่ความหวังของพวกเขา ท่ามกลางปัญหานักเตะแดนกลางได้รับบาดเจ็บกว่าครึ่งทีม เพราะผลงานไม่มีอะไรโดดเด่น แถมหนักไปทางย่ำแย่ ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ซึ่งถ้าเทียบกับ ฮาร์วีย์ เอลเลียต แล้ว รายนั้นยังดูมีอนาคตกว่าด้วยซ้ำ
แต่ในเกมกับ นาโปลี ล่าสุด, ฟอร์มการเล่นของแข้งสเก๊าเซอร์ผู้นี้กลับดูน่าพอใจไม่น้อย ถึงขนาดทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยความชื่นชม โดยเฉพาะในความพยายามของเจ้าตัวกับบทบาทใหม่ที่ได้รับ
“เคอร์ติส ทำได้ดีในตำแหน่งที่เขาไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ เขาทำได้ดีมาก ๆ มีส่วนร่วมในเกมจากนั้นเราก็ส่งนักเตะที่มีความสดและเต็มไปด้วยคุณภาพอย่าง ดาร์วิน ลงสนามแทน ซึ่งมันช่วยได้มากเลยทีเดียว ผมมีความสุขมาก”
แม้ตำแหน่งริมเส้นตัวรุกฝั่งซ้ายจะไม่ใช่ของแปลกใหม่สำหรับ โจนส์ แต่เขาก็ไม่ค่อยได้ลงสนามในตำแหน่งนี้มากเท่าไหร่ เพราะเมื่อดูสถิติจากเว็บไซต์ Transfermarkt เจ้าตัวเคยได้รับบทบาทดังกล่าวในทีมชุดใหญ่ไปเพียง 2 เกม จากการเจอกับ เอ็มเค ดอนส์ ในศึก คาราบาว คัพ เมื่อปี 2019 และ ชรูวส์บิวรี ในเกม เอฟเอ คัพ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะเทียบมาตรฐานกับการเจอ นาโปลี ใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่ได้
หากแต่ในทีมชุดเล็ก แข้งหมายเลข 17 เคยสัมผัสกับตำแหน่งนี้มาแล้วถึง 8 เกมในระดับ พรีเมียร์ลีก 2 พร้อมกับทำผลงานได้ดีด้วยการยิงไป 4 ประตูและทำอีก 2 แอสซิสต์ ซึ่งเจ้าตัวได้พูดถึงเรื่องนี้หลังจบเกมเมื่อวันอังคารกับทาง LFCTV ว่า
“นับตั้งแต่ตอนที่อยู่อคาเดมี ผมเป็นเด็กที่ชอบเล่นเกมรุกเป็นส่วนใหญ่ เกมวันนี้ผมต้องกลับไปเล่นด้านซ้ายอีกครั้ง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ผมชอบและผมเคยเล่นมาแล้วหลายนัด มันยอดเยี่ยมและเป็นเกมที่ดี”
เห็นได้ชัดว่า โจนส์ กลับมาเข้าฟอร์มและมีความสุขกับบทบาทดังกล่าว แต่เราจะสามารถพูดได้หรือยังว่าเขาควรจะได้ลงเล่นแทน หลุยส์ ดิอาซ หรือ ดิโอโก้ โชต้า ในทีมชุดใหญ่บ่อยขึ้นกว่านี้
เมื่อดูจากสถิติตลอด 73 นาทีที่ลงเล่นในตำแหน่งริมเส้นฝั่งซ้ายเมื่อคืนวันอังคาร แข้งวัย 21 ปีสร้างผลงานได้น่าพอใจเพราะเขาเป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมในเกมรุกมากที่สุดในทีม โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ลิเวอร์พูล พยายามยิงประตูคู่แข่งถึง 7 ครั้ง ซึ่ง โจนส์ เหมาคนเดียว 3 หน แถมยังสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้อีก 1 ครั้ง
แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่แง่ดีทั้งหมด แม้จะมีจังหวะจบสกอร์มากกว่าเพื่อน แต่ก็ยังทำได้ไม่ดีพอ ไม่ว่าจะเป็นลูกโหม่งข้ามคานจากการดีดหลังกลับมาของ ฟีร์มีโน รวมทั้งการจ่ายบอลช้าไปหนึ่งจังหวะจนทำให้ ซาลาห์ อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าก่อนจะหลุดเข้าไปยิงประตู
ถึงกระนั้น นี่คือสัญญาณที่น่าสนใจ เพราะดูเหมือนว่า โจนส์ จะมีอิสระในการเล่นมากขึ้นและสร้างเกมรุกได้อย่างหลากหลายในสถานการณ์ที่ทีมกำลังต้องการใครซักคนที่เข้ามาเพิ่มศักยภาพของทีม
หากดูในรายละเอียดจะพบว่าตำแหน่งที่ทำให้ดาวรุ่ง หงส์แดง ผ่านบอลได้อันตรายที่สุดมาจากตรงกลางสนาม นอกจากนั้น หากดูจากการลงเล่นผ่านมาแข้งลูกหม้อรายนี้ยังมีสถิติที่ดีในการออกสตาร์ทเป็นตัวจริงร่วมกับ ติอาโก้ อัลคันทารา และ ฟาบินโญ ในระบบกองกลาง 3 คนด้วย
หาก คล็อปป์ มองว่าแผนการเล่นแบบ 4-3-3 จะมีประโยชน์กับทีมมากที่สุด โจนส์ ก็จะสามารถตอบสนองแท็คติกนี้ได้ทั้งในแนวรุกและแดนกลาง ซึ่งแน่นอนว่าผู้เป็นกุนซือคงยินดีไม่น้อยที่มีทางเลือกเช่นนี้
แต่ถ้าจะถามว่า โจนส์ พร้อมหรือไม่กับการเป็นหนึ่งในตัวเลือกริมเส้นด้านซ้ายเมื่อยามที่ไร้ ดิอาซ และ โชต้า ก็ต้องบอกว่าถ้าวัดจากเกมกับ นาโปลี เจ้าตัวก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับ เยอร์เก้น คล็อปป์ ไม่น้อยเหมือนกัน