ท่ามกลางสถานการณ์สัญญาฉบับใหม่ของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าอันดับหนึ่งของ ลิเวอร์พูล และ พรีเมียร์ลีก ที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้, แต่บางทีการมาของ หลุยส์ ดิอาซ ก็อาจกลายเป็นตัวกระตุ้นให้ทุกอย่างจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้งก็เป็นได้
สัญญาฉบับปัจจุบันของกองหน้าทีมชาติอียิปต์จะหมดลงในเดือนมิถุนายน 2023 นั่นหมายถึงเหลือเวลาไม่ถึง 18 เดือนที่ หงส์แดง จะด้องรีบดำเนินการจับแข้งคนสำคัญของพวกเขาจรดปากกาในสัญญาใหม่ให้ได้
หากแต่เรื่องนี้ดูเหมือนจะยากเย็นขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป, แม้ว่าตัวของ ซาลาห์ เองจะออกมายืนยันว่าเขาไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมายและบ้าบอแบบนั้น แต่ข่าวเรื่องการเรียกร้องเงิน 400,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ก็ทำให้สโมสรต้องคิดหนักเหมือนกัน
หากแต่เหมือนสถานการณ์อาจจะพลิกผัน เพราะในขณะที่แข้งวัย 29 ปีกำลังรับใช้ชาติในศึก แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์, ทาง ลิเวอร์พูล ก็เดินหน้าคว้าตัว หลุยส์ ดิอาซ เข้ามาร่วมทีมได้ชนิดทำเอากองเชียร์ดีใจแทบไม่ทัน
หงส์แดง จ่ายเงิน 37.5 ล้านปอนด์พร้อมด้วยโบนัสอีก 12 ล้านเป็นค่าตัวของดาวเตะ ปอร์โต้ และทำการเปิดตัวเป็นนักเตะใหม่ไปแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
อันที่จริง, หากตามข่าวกันอย่างใกล้ชิดจะทราบว่า ดิอาซ นั้นคือเป้าหมายในการเสริมทัพของ ลิเวอร์พูล ในตลาดซัมเมอร์ หากแต่เมื่อมีความเคลื่อนไหวจาก ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ประกอบกับความต้องการเงินไปใช้หนี้ของ ปอร์โต้ ทำให้พวกเขาจึงต้องรีบลงมือตั้งแต่เดือนมกราคมนี้ทันที
ซึ่งความสำเร็จในการคว้าตัวปีกคนใหม่ครั้งนี้ถือเป็นก้าวย่างสำคัญในการเสริมทัพของ เยอร์เก้น คล็อปป์ และอาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ด้วยเช่นเดียวกัน
ทุกคนรู้ว่า ซาลาห์ คือนักเตะที่ดีที่สุด อาจจะของยุโรปหรือของโลกในตอนนี้ ดังนั้นสิ่งที่คู่ควรก็คือเงินค่าเหนื่อยที่สมน้ำสมเนื้อเหมือนกับที่ยอดแข้งทั้งหลายได้รับ
ว่ากันว่า สาเหตุที่ทุกอย่างยังไม่ลงตัว เป็นเพราะสโมสรต้องคิดให้หนักกับการรักษาความเป็นหนึ่งเดียวในห้องแต่งตัว รวมทั้งเพดานเงินเดือนซึ่งเป็นกฎการเงินที่แข็งแกร่งของสโมสรนับตั้งแต่ที่ จอห์น เฮนรี เข้ามาเป็นเจ้าของทีม
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ส่งเสียงออกมาว่า “เราอยากเก็บเขาไว้ แต่ของพวกนี้ต้องใช้เวลา”
หากแต่เรื่องเงินสำหรับ ซาลาห์ อาจจะไม่ใช่เหตุผลใหญ่อย่างที่คิด เพราะเมื่อดูจากบทสัมภาษณ์เมื่อช่วงเดือนธันวาคม เจ้าตัวเผยเป็นนัยว่า
“จำนวนเงินที่คุณได้รับนั้นจะแสดงให้เห็นว่าสโมสรมองว่าคุณมีค่ากับพวกเขาขนาดไหน และนั่นคือสิ่งที่พวกเขาพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อรั้งคุณเอาไว้ แต่การตัดสินใจทั้งหมดนั้นจริง ๆ แล้วไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น”
“มันมีสิ่งที่เรียกว่า ความทะเยอทะยานของทีมและโค้ช และสิ่งที่เขาต้องการที่จะทำกับทีม รวมทั้งผู้เล่นที่เขาต้องการ นี่คือสิ่งที่สำคัญในการตัดสินใจครั้งนี้”
เมื่อตีความจากคำพูดของ ซาลาห์ เราสามารถพูดได้ว่า เจ้าตัวต้องการให้สโมสรแสดงออกถึงความทะเยอทะยานในการประสบความสำเร็จอีกครั้ง ด้วยการคว้านักเตะดี ๆ เข้ามาเสริมทัพ, ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่แฟนบอล ลิเวอร์พูล โหยหาอยู่เช่นกัน
การคว้า 4 แชมป์ในช่วงปี 2019-2020 ที่ผ่านมานั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว อย่ามัวหลงไหลกับสิ่งที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปจนลืมที่จะสร้างทีมใหม่เพื่ออนาคตข้างหน้า เจ้าตัวคงคิดเช่นนั้น,ดังนั้นการมาของ หลุยส์ ดิอาซ จึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความทะเยอทะยานที่ ซาลาห์ ต้องการ
เช่นเดียวกับ ดิโอโก้ โชต้า, การคว้าแข้งวัย 25 ปีที่เคยร่วมงานกับ ปอร์โต้ แสดงให้เห็นว่า ลิเวอร์พูล กำลังคิดถึงเรื่องของอนาคตอยู่เช่นกัน
ในขณะที่การแจ้งเกิดของแข้งดาวรุ่งอย่าง ฮาร์วีย์ เอลเลียต, ไทเลอร์ มอร์ตั้น และ เคด กอร์ดอน ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็คการสร้างความแข็งแกร่งให้กับทีมในระยะยาวของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ด้วย
จึงไม่ต้องสงสัยว่าการเสริมทัพในเดือนมกราคมครั้งนี้น่าจะทำให้ โม ซาลาห์ หันมาพิจารณาข้อเสนอของเขาอย่างจริงจังมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมองว่านี่อาจจะเป็นสัญญาสุดท้ายในการค้าแข้งในระดับสูงของตนเอง
และไม่แน่ว่าสิ่งที่ เดอะค็อป หลายคนหวังอยู่ อาจจะเป็นจริงขึ้นมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ก็เป็นได้…