ฟูแล่ม – ลิเวอร์พูล กับ 5 ประเด็น หงส์แดง บุกเจ๊า ผ่านเข้ารอบชิง คาราบาว คัพ

ฟูแล่ม – ลิเวอร์พูล ศึกคาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 เป็นคิวที่ ลิเวอร์พูล ต้องบุกไปเยือนถิ่น คราเวน คอทเทจ รังเหย้าของ ‘เจ้าสัวน้อย’ ฟูแล่ม และแม้ฝั่ง หงส์แดง จะทำได้แค่เพียงเสมอกับเจ้าบ้านไป 1-1 แต่ด้วยสกอร์รวมจากทั้ง 2 นัด (ลิเวอร์พูล 3-2 ฟูแล่ม) ก็ทำให้ทีมจากถิ่นเมอร์ซีย์ไซด์ ผ่านไปเข้ายังรอบชิงชนะเลิศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในเกมนี้ ลิเวอร์พูล บุกไปขึ้นนำเจ้าบ้านก่อน ตั้งแต่ต้นเกม แต่ก็เพลี่ยงพล้ำโดนตามตีเสมอ และต้องเล่นด้วยความกดดันสุด ๆ ในช่วง 10 นาทีท้ายเของกม ก่อนจะเอาตัวรอดมาได้แบบหวุดหวิด และนี่คือ 5 ประเด็นที่อยากพูดถึง หลังจาก ลิเวอร์พูล ตบเท้าเข้าสู่การลุ้นแชมป์แรกของซีซันนี้

1. ลิเวอร์พูล ทำผลงานในเกมเยือนได้ดีขึ้น

ฟูแล่ม - ลิเวอร์พูล

แฟนบอล “เดอะ ค็อป” หลายคนกังวลอย่างมาก เมื่อ ลิเวอร์พูล เริ่มต้นฤดูกาลนี้ ด้วยชัยชนะเพียง 4 นัด จาก 10 เกมแรกที่ต้องออกไปเยือน และมันไม่ใช่เรื่องที่ไร้เหตุผลเลย เมื่อมองย้อนกลับไปที่ทีมของ คล็อปป์ ที่เก็บชัยชนะได้เพียง 9 นัดจาก 26 นัด เมื่อออกไปเล่นนอกบ้านในซีซันที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม, ผลงานของ ลิเวอร์พูล ในปีนี้ กลับแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง หลังจากโชว์ฟอร์มแข็งแกร่ง ด้วยการปราชัยเพียงเกมเดียวในฐานะทีมเยือน 7 เกมหลังสุด คือ เกม ยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้าย ที่ออกไปพ่ายให้กับ ยูนิยง แซงต์ กิลลุส 2-1 เมื่อเดือนธันวาคม ในปี 2023 ที่ผ่านมา ซึ่ง “หงส์แดง” เข้ารอบไปก่อนหน้านั้นแล้ว

ขณะเดียวกัน ฟอร์มการเล่นใน แอนฟิลด์ ของ ลิเวอร์พูล ก็ยังคงไว้ใจได้เสมอ และเป็นงานยากที่ทีมคู่แข่ง จะเก็บชัยชนะกลับออกไปได้ โดยผลงานดังกล่าวทำให้ทีมของ คล็อปป์ มีโอกาสได้ลุ้น 4 แชมป์ยาว ๆ ไปจนจบฤดูกาล

2. จาเรลล์ ควอนซาห์ โดดเด่นในเกม ฟูแล่ม – ลิเวอร์พูล

จาเรล ควอนซาห์

ควอนซาห์ ถูกมองว่า เป็นตัวเลือกระยะยาวของทีมอย่างแท้จริง หลังจากได้รับความไว้วางใจจาก เยอร์เก้น คล็อปป์ ให้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมนี้ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ทำให้ผิดหวัง กับการทำหน้าที่ยืนปักหลักคู่กับ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ได้อย่างแข็งแกร่ง และเป็นผู้ทำ 1 แอสซิสต์ให้กับ หลุยส์ ดิอาซ ยิงประตูโทนของ หงส์แดง ในเกมนี้ด้วย

คล็อปป์ มีตัวเลือกในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คน้อยลง หลังจาก โจเอล มาติป ได้รับบาดเจ็บจนปิดเทอมยาว ในขณะที่ อิบราฮิมา โคนาเต้ ก็ไม่สามารถลงยืนเป็นตัวจริงได้ติดต่อกันหลาย ๆ เกม ดังนั้น ควอนซาห์ จึงเป็นตัวทดแทนที่เหมาะสม

ปราการหลังวัย 20 ปี ยังคงแสดงให้เห็นถึงความนิ่ง และการอ่านเกมได้เฉียบขาดเช่นเดิม โดยทำสถิติเคลียร์บอลได้ 7 ครั้ง แย่งบอลกลับมาครองได้ 7 ครั้ง และแน่นอนว่า 1 แอสซิสต์ในเกมนี้ของเจ้าตัว ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ คล็อปป์ พร้อมจะผลักดันเขาอย่างเต็มที่

3. ไรอัน กราเฟนแบร์ช ทำผลงานได้ดีในเกม ฟูแล่ม – ลิเวอร์พูล

ไรอัน กราเฟนแบร์ช

หลังจากที่ เคอร์ติส โจนส์ หนึ่งในกองกลางที่โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดของทีม มีปัญหาเล็กน้อยจากอาการตึงกล้ามเนื้อในเกม พรีเมียร์ลีก กับ บอร์นมัธ, คล็อปป์ ก็ตัดสินใจอย่างสมเหตุสมผล โดยให้โอกาส กราเฟนแบร์ช ออกสตาร์ทในแผงมิดฟิลด์ร่วมกับ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ และ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์

กราเฟนแบร์ช เริ่มต้นกับ ลิเวอร์พูล ด้วยผลงานที่ยังไม่สม่ำเสมอนัก และยังคาดหวังกับฟอร์มการเล่นไม่ได้ แต่ในเกมนี้ มิดฟิลด์ชาวดัตช์ สามารถเรียกจังหวะการเล่นของตัวเองกลับมาได้ และแสดงเห็นถึงการมีส่วนร่วม กับเพื่อนร่วมทีมมากขึ้น

กราเฟนแบร์ช จ่ายบอลสำเร็จ 89 เปอร์เซ็นต์ ชนะ 5 ครั้ง จากการดวลตัวต่อตัว 8 ครั้ง แย่งบอลคืนได้ 6 ครั้ง และสกัดบอล 5 ครั้ง ซึ่งสถิติเหล่านี้ เป็นตัวเลขที่น่าพอใจอย่างมาก และจะทำให้เขามีความมั่นใจเพิ่มขึ้นไปอีกได้อย่างแน่นอน

ตัดเกรดนักเตะ ลิเวอร์พูล ในเกม ฟูแล่ม 1-1 ลิเวอร์พูล

4. ฟอร์มการเล่นยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

ดาร์วิน นูนเญซ

ลิเวอร์พูล เวอร์ชั่น 2.0 ของ คล็อปป์ ดูเหมือนจะเริ่มปรับปรุงให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้นแล้ว หลังจากผ่านไปครึ่งซีซัน ซึ่งเห็นได้จากผลงาน 10 เกมหลังสุดในทุกรายการ, พวกเขาพ่ายแพ้ไปเพียงนัดเดียว คือเกมที่ลิเวอร์พูล บุกไปพบกับ ยูนิยง แซงต์ กิลลุส ซึ่งเป็นเกมที่ไม่มีผลต่อการเข้ารอบแล้ว

ขณะเดียวกัน, ในฟอร์มการเล่น 5 เกมล่าสุด ฝั่งของ ลิเวอร์พูล เก็บชัยชนะมาได้ติดต่อกันถึง 4 เกม ก่อนจะสะดุดเสมอกับ ฟูแล่ม ในนัดนี้ แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขา ผ่านเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศในศึก คาราบาว คัพ เพื่อเจอกับ เชลซี ที่สนาม เวมบลีย์ ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้

เมื่อมองในภาพรวมแล้ว, ทัพนักเตะของ ลิเวอร์พูล กำลังมีความมั่นใจสุด ๆ และโอกาสที่จะเดินหน้า เก็บชัยชนะในเกมต่อไปได้เรื่อย ๆ ก็ยังคงเปิดกว้าง

5. นักเตะตัวหลัก ใกล้จะกลับมาลงสนามได้แล้ว

แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน

เกมรอบรองชนะเลิศ จบลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในจังหวะที่ หลุยส์ ดิอาซ ปีกชาวโคลอมเบีย ยิงประตูได้ สิ่งสำคัญที่สุดของค่ำคืนนี้ คือการที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็คซ้ายทีมชาติสก็อตแลนด์ กลับมามีชื่อในทีมอีกครั้ง แม้จะเป็นตัวสำรองก็ตาม

ขณะเดียวกัน, ผู้เล่นตัวหลักอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ โดมินิค โซบอสไล ก็มีโอกาสสูง ที่จะได้ลงเคาะสนิมในเกม เอฟเอ คัพ กับ นอริช ซิตี้ คืนวันอาทิตย์นี้ นั่นหมายความว่า คล็อปป์ กำลังจะมีขุมกำลังที่แข็งแกร่ง ให้เลือกใช้งานได้มากขึ้น

แน่นอนว่า หลังจบภารกิจทีมชาติ นักเตะอย่าง วาตารุ เอ็นโด และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็จะตามมาสมทบเพิ่มอีก และ ลิเวอร์พูล ก็จะกลายเป็นทีมขนาดใหญ่ ที่พร้อมไล่ล่าความสำเร็จในทุกรายการ


ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top