“ผมเป็นคนขอแลกเสื้อกับ อิบราฮิมา โคนาเต้ เอง เขาสามารถเอาชนะผมได้หมด ทั้งลูกบนพื้นและลูกกลางอากาศ ผมพูดกับเขาว่า เขาจะกลายเป็นยอดกองหลังในอนาคต และให้จำคำพูดของผมเอาไว้”
ทั้งหมดนี้คือคำสารภาพของ ซลาตัน “พระเจ้า” อิบราฮิโมวิช ที่พูดถึงเซ็นเตอร์แบ็ควัย 22 ปีหลังจบเกมที่ เอซิ มิลาน เปิดบ้านโดน ลิเวอร์พูล บุกมาเฉือนชนะไปได้ 2-1 ในเกม ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
จากนั้นอีก 6 วันต่อมา โคนาเต้ ก็สร้างความประทับใจให้กับกูรูและแฟนบอลอีกครั้งด้วยการเก็บกวาดเกมรุกของ นิวคาสเซิล ในแม็ตช์ที่เปิดสนาม แอนฟิลด์ เอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 3-1 เมื่อคืนวันพฤหัสบดี
ด้วยการที่ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ กองหลังตัวจริงต้องถูกกักตัวหลังจากตรวจพบว่าติดโควิด-19 หน้าที่ในการจับคู่กับ โจเอล มาติป จึงตกเป็นของดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสอย่างช่วยไม่ได้
ซึ่งนี่สิ่งนี้คือวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการซื้อ โคนาเต้ มาจาก อาร์เบ ไลป์ซิก ด้วยค่าตัว 36 ล้านปอนด์ และเจ้าตัวก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
แม้ว่า เดอะแม็กพายส์ จะเริ่มต้นด้วยเซอร์ไพรส์ด้วยการขึ้นนำในช่วง 10 นาทีแรกจากเด็กเก่าอย่าง จอนโจ เชลวี แต่หลังจากนั้นขุนพล เร้ดแมชชีน ก็เดินหน้าไล่เอาคืนทีละเม็ดจนเก็บ 3 คะแนนด้วยสกอร์ 3-1
นอกจากความยอดเยี่ยมของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ทำสถิติทาบ เจมี วาร์ดี้ ในการมีส่วนร่วมการทำประตูได้ 15 เกมติดต่อกันใน พรีเมียร์ลีก อีกหนึ่งคนที่ควรจะได้รับการปรบมือด้วยก็คงจะเป็น อิบราฮิมา โคนาเต้ นี่แหละ
งานสำคัญของกองหลังดาวรุ่งในเกมเมื่อคืนคือการหยุด อัลลัน แซงต์–แม็กซิแมง กองหน้าความเร็วสูงของทีมเยือน ซึ่งทำไป 3 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ ในฤดูกาลนี้และยังถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับแท็คติกของ เอ็ดดี้ ฮาว ในการใช้บอลโต้กลับเข้าสู้กับ หงส์แดง
ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือ นอกจากประตูที่เสียไปในตอนต้นเกมแล้ว “อิบู” สามารถเก็บ แม็กซิแมง ไว้ในกระเป๋าได้อย่างมิดชิดจนไม่สามารถสร้างความระคายเคืองให้กับเกมรับเจ้าบ้านได้เลย จนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 79
แม้หลายคนอาจจะมองว่าเกมนี้ โคนาเต้ เจองานง่ายเพราะ นิวคาสเซิล ไม่ใช่ทีมที่น่ากลัวอะไร แต่ความท้าทายมันอยู่ที่การได้ดวลกับดาวเตะเพื่อนร่วมชาติตลอดทั้งเกมต่างหาก, ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ การอ่านเกมที่เป็นเลิศ เซ็นเตอร์ หงส์แดง ดักทางปีก สาลิกาดง ได้หมด ทั้งชน ทั้งขวาง จนทำอะไรไม่ถนัด
นอกจากความแข็งแกร่งแล้วกองหลัง หงส์แดง ยังมีความเยือกเย็น ความนิ่ง และความมั่นใจในการครอบครองบอลมากขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ที่ได้เห็นจากเกมที่เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เมื่อไม่กี่เดือนก่อน
หากจำกันได้ในเกมนั้นคู่ดวลของ โคนาเต้ คือ คริสเตียโน โรนัลโด้ เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัยและดาวยิงอันดับ 1 ของทีม ปีศาจแดง ซึ่งกองหลังเมืองน้ำหอมก็สามารถจัดการได้อยู่หมัดเช่นกัน
แม้ว่าจะสะดุดเล็กน้อยในเกมต่อมากับ ไบรท์ตัน แต่เขาก็กลับแก้ตัวได้ในการพบกับกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ใน แชมเปี้ยนส์ลีก จนทำให้ “พระเจ้า” ถึงกับยอมรับสภาพพร้อมทั้งขอแลกเสื้อหลังจบเกม ก่อนจะมาฉายแสงอีกครั้งในเกมล่าสุดกับ นิวคาสเซิล
นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ หลายคนมองว่า โคนาเต้ ได้รับโอกาสจาก เยอร์เก้น คล็อปป์ น้อยเกินไป แต่ก็เชื่อว่าเจ้าตัวเข้าใจในบทบาทของตัวเองดี และเลือกที่จะก้มหน้าก้มตาพัฒนาฝีเท้าตัวเองขึ้นมาเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็ผลิดอกออกผลอย่างที่เห็น
ยิ่งเมื่อเกิดสถานการณ์ไม่คาดคิดอย่างการที่ ฟาน ไดค์ ต้องติดโควิดอย่างกะทันหัน เซ็นเตอร์เมืองน้ำหอมก็สามารถเข้าเสียบแทนได้อย่างเนียนตาและพึ่งพาได้ พร้อมกับสร้างความอุ่นใจให้กับเพื่อนร่วมทีมและกุนซือ
แน่นนอนว่าอีกไม่นาน ฟาน ไดค์ ก็จะกลับมา และ โคนาเต้ ก็ต้องกลับไปนั่งบนม้านั่งสำรองเพื่อรอโอกาสอีกครั้ง แต่ก็เชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้นเขาก็พร้อมที่จะลุกขึ้นมาแสดงถึงศักยภาพที่มีให้แฟนบอลได้เห็นอีกครั้ง
และเมื่อมันถึงเวลาของ โคนาเต้ จริง ๆ แล้ว…เจ้าตัวก็คงจะจับจองพื้นที่ในแนวรับของ ลิเวอร์พูล อย่างถาวรต่อไปอีกหลายปี