ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจอยู่เหมือนกัน ที่อยู่ดี ๆ ก็มีข่าวออกมาว่า จูเลียน วอร์ด ผู้อำนวยการด้านกีฬาของ ลิเวอร์พูล ประกาศเตรียมวางมือหลังจบฤดูกาลนี้ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะเข้ามาทำหน้าที่ต่อจาก ไมเคิล เอ็ดเวิร์ด ที่ลาออกไปเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมานี้เอง
เชื่อว่าข่าวนี้คงสร้างความสับสนให้กับสาวก หงส์แดง ไม่น้อย คือไม่รู้ว่าจะอยู่ในอารมณ์แบบไหน เพราะก่อนหน้านี้ก็ยังลุ้นอยู่เลยว่า จะมีนักลงทุนคนใดเข้ามาซื้อสโมสรต่อจาก FSG รวมทั้งเรื่องของการตกเป็นข่าวกับนักเตะดังหลายรายในเดือนมกราคมไม่ว่าจะเป็น จู๊ด เบลลิงแฮม, ดีแคลน ไรซ์ หรือรายล่าสุดอย่าง โมฮาเหม็ด คูดัส ดาวเตะทีมชาติกานาของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม
อารมณ์กับข่าวต่าง ๆ ก่อนหน้านี้อาจจะเป็นไปในแง่บวก แต่พอข่าวที่ วอร์ด จะลาออกจากตำแหน่ง พลัน เดอะค็อป ก็ส่งเสียง “อ้าว?!” ออกมาแทบจะพร้อม ๆ กัน ตามด้วยคำถามที่ว่า “แล้วอนาคตของทีมจะเป็นอย่างไรต่อไป”
ก่อนจะไปถึงตรงนั้นเรามาดูกันก่อนว่า เพราะเหตุใดผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่หมาด ๆ ถึงได้ออกมาประกาศเตรียมลาออกหลังจบซีซันนี้แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
ว่ากันว่า ตอนนี้ในระดับสายบริหารของ ลิเวอร์พูล กำลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญเกิดขึ้น ไมค์ กอร์ดอน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นคนหนึ่งของ FSG และยังทำหน้าที่บริหารงานโดยเป็นตัวเชื่อมระหว่างสโมสรและเจ้าของทีมนั้นได้ลดบทบาทของตัวเองลง และหันไปให้ความสำคัญเรื่องการขายสโมสร รวมทั้งการคัดสรรผู้ที่จะเข้ามาเทคโอเวอร์ไปพร้อม ๆ กัน
บทบาทที่เปลี่ยนไปเช่นนี้ ทำให้ส่งผลต่อการทำงานของ วอร์ด ไปด้วย ตัวเขาก็ต้องทำหน้าที่แตกต่างออกไปจากเดิม ไม่เหมือนอย่างที่เคยทำมา รวมทั้งความไม่พอใจในนโยบายของ FSG ในเรื่องการซื้อขายนักเตะเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยว่ากันว่า ฟางเส้นสุดท้ายคือ การที่เจ้าของสโมสรลังเลเรื่องการทุ่มเงินเพื่อซื้อกองกลางคนใหม่ในตลาดที่ผ่านมา จนสุดท้าย วอร์ด ต้องจำใจไปยืม อาร์ตู เมโล มาจาก ยูเวนตุส แทนก่อนที่ตลาดจะปิดทำการเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ประเด็นนี้อาจทำให้ ผ.อ.กีฬาคนใหม่มองว่า นโยบายเดิมของสโมสรอาจจะมาถึงทางตันแล้ว ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทีมอื่น ๆ พร้อมทุ่มเงินโดยไม่คิดถึงเรื่องขาดทุน ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้ ตัวเขาก็ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ จึงน่าจะถึงเวลาที่ต้องอำลาทีมเสียที
มาถึงคำถามที่ว่าแล้วอนาคตของ ลิเวอร์พูล จะเป็นอย่างไรต่อไป
เจมส์ เพียร์ซ นักข่าวสาย หงส์แดง ของ ดิ แอตเลติก วิเคราะห์ว่า การลงจากตำแหน่งของ วอร์ด นั้น น่าจะเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเสริมทัพของ ลิเวอร์พูล ไปด้วย จากเดิมที่เขาและทีมงานจะต้องทำหน้าที่คัดกรองข้อมูลและสถิติ และนำเสนอผู้เล่นให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจขั้นสุดท้าย ตอนนี้กลายเป็นว่านายใหญ่ชาวเยอรมันอาจจะเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้มากกว่าเดิม รวมทั้งเรื่องการขยายสัญญาใหม่ของนักเตะในทีม
ซึ่งทาง เพียร์ซ เชื่อว่าการที่นายใหญ่ชาวเยอรมันเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้ เท่ากับว่านโยบาย “ซื้อมา-ขายไป” ในรูปแบบเดิม ๆ ที่ ลิเวอร์พูล เคยทำมาก่อนหน้านี้อาจจะถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง แต่ยังไม่ได้มีการฟันธงออกมาชัดเจนว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน
ในขณะที่ ฟาบริซิโอ โรมาโน ก็มองว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ของ ลิเวอร์พูล เพราะ วอร์ด เพิ่งจะเตรียมโครงสร้างการทำงานต่าง ๆ ใหม่เอาไว้หลังจากหมดยุคของ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ แต่การที่เขากำลังจะลาออกทำให้เชื่อได้ว่า หงส์แดง ยุคหลังจากนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ส่วนคนที่ดูจะกังวลมากที่สุดก็คือ โนเอล วีแลน กูรูของทาง ฟุตบอลอินไซเดอร์ ซึ่งเจ้าตัวได้ออกมาแสดงความเป็นห่วงว่า การที่บุคลากรระดับนี้โบกมือลาสโมสรแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย มันอาจจะหมายถึงหายนะเลยก็ว่าได้ เพราะในตำแหน่งดังกล่าวไม่ใช่แค่การเดินเรื่องซื้อ-ขายนักเตะเท่านั้น
แต่อาจมีเรื่องอื่น ๆ มาเกี่ยวข้องด้วย เช่น การจัดโครงสร้างของทีม การติดตามฟอร์มนักเตะ การทำข้อมูลแบ็คกราวน์ของผู้เล่นที่น่าสนใจ การสร้างคอนเน็กชั่นกับเอเยนต์ต่าง ๆ และการสร้างสายสัมพันธ์กับผู้บริหารของสโมสรอื่น ๆ ซึ่งทั้ง เอ็ดเวิร์ดส์ และ วอร์ด นั้นวางรากฐานร่วมกันมานานหลายปี และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อเรื่องเหล่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
วีแลน ยังเชื่ออีกว่า การลาออกของ วอร์ด นั้นจะส่งผลต่อตลาดซื้อขายของ ลิเวอร์พูล อย่างแน่นอน แม้สโมสรจะออกมาบอกว่าพวกเขาจะยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ต่อไปก็ตาม
แม้จะมีความไม่แน่ใจและความกังวลต่ออนาคตของ ลิเวอร์พูล แต่หากมองในอีกแง่หนึ่ง การที่ คล็อปป์ ได้เข้ามามีบทบาทในเรื่องการเสริมทัพมากขึ้น เท่ากับว่าเขาสามารถเสนอแนวทางและนโยบายให้กับเจ้าของทีมได้โดยตรงมากกว่าเดิม และมีอำนาจต่อรองมากพอที่จะทำให้เบื้องบนต้องหันมาฟังเสียงของเขาได้ด้วย
นอกจากนั้น เขาก็ยังสามารถเสนอคนที่จะเข้ามารับหน้าที่นี้ต่อจาก วอร์ด ได้ด้วย จากรายงานข่าวที่ว่าอาจจะมีการทาบทาม มิชาเอล ซอร์ค อดีตผู้อำนวยการด้านกีฬาของ ดอร์ทมุนด์ ที่เคยร่วมสร้างผลงานคว่ำ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยกันมาแล้วเมื่อ 10 ปีก่อน นั่นก็ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกัน
ทั้งหมดนี้ ยังเป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น แน่นอนว่า ลิเวอร์พูล ยังคงเดินหน้าไปตามแผนงานเดิมที่วางเอาไว้ เพียงแต่จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการหรือไม่ก็ต้องรอดูกันต่อไป
อาจจะเรียกได้ว่าต้องลุ้นกันอีกหลายเฮือกเลยทีเดียว….