มีสิ่งหนึ่งที่คล้าย ๆ กันระหว่างช่วงตลาดซัมเมอร์ปี 2018 กับ 2022….
ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้วหลังจากที่ ลิเวอร์พูล พ่ายให้กับ เรอัล มาดริด ในเกมชิงชนะเลิศ ยูฟา แชมปี้ยนส์ลีก กรุงเคียฟพวกเขาจัดการทยอยเปิดตัว 4 นักเตะใหม่ ได้แก่ ฟาบินโญ, อลิสซอน เบ็คเกอร์, นาบี เกอิต้า และ เซอร์ดาน ชากิรี ซึ่งนับเป็นการเสริมทัพที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับสาวกยิ่งนัก
มูลค่าของทั้ง 4 คนรวมกันประมาณ 170 ล้านปอนด์ ซึ่งทำให้ เดอะเร้ดส์ มีขุมกำลังที่แน่นปึ๊กและน่าเกรงขามขึ้นกว่าเดิมแทบจะทันที
ฟาบินโญ ย้ายมาจาก โมนาโก ด้วยค่าตัว 40 ล้านปอนด์, อลิสซอน ค่าตัว 65 ล้านปอนด์จาก โรมา, เกอิต้า เซ็นล่วงหน้ากันมาแล้วจาก ไลป์ซิก ด้วยราคา 52 ล้านปอนด์ และปิดท้ายด้วย เซอร์ดาน ชากิรี ที่ย้ายมาจาก สโต๊ค ซิตี้ ที่เพิ่งตกชั้นไปด้วยราคา 13 ล้านปอนด์
12 เดือนหลังจากนั้นพวกเขาสามารถก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยที่ 6 ได้สำเร็จ ในขณะที่ปีต่อมาก็ได้ชูถ้วย พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี พร้อมทั้งคว้าแชมป์ ยูฟา ซูเปอร์คัพ และแชมป์สโมสรโลกมาครองได้ด้วย
4 ปีผ่านไปหลังการพ่ายแพ้ต่อ เรอัล มาดริด ใน ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศที่กรุงปารีส ลิเวอร์พูล จัดการทุ่มเงินก้อนโตเหมือนคราวที่แล้ว หากแต่มูลค่าโดยรวมไม่ได้มากมายเท่ากับ 4 ปีก่อน แม้ราคามากที่สุดที่พวกเขายอมจ่ายคือ 85 ล้านปอนด์เพื่อเป็นค่าตัวของ ดาร์วิน นูนเญซ แต่เมื่อรวมกับค่าตัวรวมกันของ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ และ คาลวิน แรมซีย์ ที่ 12 ล้านปอนด์ด้วยแล้ว พวกเขาใช้เงินไปเพียง 97 ล้านปอนด์เท่านั้น
มันเลยเกิดคำถามตามมาว่า การเสริมทัพเพียงเท่านี้จะเพียงพอต่อการกลับมามีลุ้นแชมป์ได้จริงหรือ ยิ่งเมื่อมองไปที่ผลการแข่งขันในเกมอุ่นเครื่อง “แดงเดือด” ที่ราชมังคลาฯ ที่บ้านเรา ยิ่งมีตามมาอีกหลายคำถามอีกหลายข้อ โดยเฉพาะคำถามที่ว่า ทำไมไม่ซื้อกองกลางเพิ่ม
เยอร์เก้น คล็อปป์ พูดถึงเรื่องนี้ว่า การจะดึงนักเตะเข้ามาร่วมทีมซักคน ไม่ใช่สักแต่ว่าซื้อ แต่เขาต้องมองว่านักเตะที่จะย้ายมาร่วมทีมนั้นจะสามารถยกระดับทีมได้ด้วยหรือไม่
“สิ่งที่แสดงให้เห็นคือ เราไม่ได้เซ็นสัญญากับนักเตะใหม่เพราะเราแพ้ต่อ เรอัล มาดริด ในนัดชิง แชมเปี้ยนส์ลีก ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน ผู้คนบอกว่านี่เป็นซีซันสุดท้ายในการปรับปรุงทีม แล้วพวกเขาอาจจะบอกว่า ใช่ คุณเพิ่งจะพลาดแชมป์สำคัญมาถึง 2 รายการ คุณไม่ได้เป็นแชมป์สำคัญ แต่แน่นอนว่ามันมีเรื่องของโชคและอย่างอื่นรวมอยู่ด้วย”
“ผมบอกว่าเราสามารถพัฒนาฟอร์มการเล่นได้ เราผสมผสานเพื่อให้มันดีขึ้น เราสามารถทำอะไรที่แตกต่าง เรามีความเชื่อมั่นมากขึ้น สงบนิ่งมากขึ้น และมีชีวิตชีวามากขึ้นด้วย นี่คือสิ่งที่เราทำ มันชัดเจน”
“เมื่อคุณมองผ่านหลาย ๆ เกมเมื่อซีซันที่แล้วและในช่วงเบรค คุณสามารถมองเห็นสิ่งเหล่านั้น แน่นอนว่าตอนนั้นคุณสามารถพูดได้ว่าเราแพ้ให้กับ เวสต์แฮม และ เลสเตอร์ และเราควรจะเอาชนะ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ให้ได้ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เรากำลังพูดถึงในเวลานี้”
สิ่งที่ คล็อปป์ ต้องการสื่อคือ เขามีทีมที่ยอดเยี่ยมอยู่ในมือ พิสูจน์ได้จากความพ่ายแพ้เพียง 4 นัดจาก 63 เกมตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งมันไม่ใช่สาเหตุที่จะทำให้พวกเขารู้สึกกังวลกับการเริ่มต้นซีซันใหม่แต่อย่างใด มีเพียงเกมที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฟอร์มผีเข้ายิง 3 ลูกรวดพลิกแซง แอสตัน วิลลา และคว้าแชมป์ได้สำเร็จในนัดสุดท้าย และความพ่ายแพ้ต่อ เรอัล มาดริด ในนัดชิง UCL เท่านั้นที่กุนซือชาวเยอรมันเชื่อว่ามันมีเรื่องของโชคเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
จริงอยู่ ที่การจะเป็นแชมป์นั้นมันอาจจะตัดสินกันด้วยรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในเกม แต่ คล็อปป์ ก็เชื่อว่ามันสามารถชดเชยได้ด้วยการพัฒนาทีมในช่วงพรี-ซีซัน ซึ่งเขากำลังทำอยู่ในตอนนี้
“มันเป็นเรื่องของวิธีการเล่นของเรา เราต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนั่นคือสิ่งที่ผมกำลังตั้งตารอ เราต้องใช้ช่วงเวลาพรี-ซีซันในการทำสิ่งเหล่านี้”
“สัปดาห์แรกมันยอดเยี่ยมมาก ๆ ดูเหมือนว่าเราจะมีอนาคตที่สดใจรออยู่ พวกเด็ก ๆ ดาวรุ่งนั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ พวกเขามาซ้อมกับเรา มันเป็นเรื่องที่ดีที่ได้เห็นพวกเขาเหล่านั้น นักเตะรุ่นพี่ ๆ พากันถามว่า ‘เฮ้ย นี่นายอายุ 17 จริงหรือ’ มันดีนะที่ได้เห็นอะไรแบบนี้ ตอนนี้พวกเขาได้มาอยู่กับเราแล้ว” นายใหญ่ หงส์แดง กล่าว
เห็นได้ชัดว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ มีแนวทางในการทำทีมที่ชัดเจน เขาไม่จำเป็นต้องดึงนักเตะทุกคนที่เป็นข่าวมาร่วมทีม หากแต่เมื่อมีคนที่คิดว่าใช่และสามาถรยกระดับทีมขึ้นมาได้ เจ้าตัวก็ไม่รอช้าที่จะเดินหน้าปิดจ็อบให้ได้เร็วที่สุด พร้อมกับการให้โอกาสแข้งดาวรุ่งได้พิสูจน์ตัวเองไปพร้อม ๆ กัน
จากนั้นเมื่อเข้าสู่ฤดูกาลจริงจัง นั่นแหละคือทีมที่ คล็อปป์ เลือกมากับมือและพร้อมที่จะลุ้นความสำเร็จแล้ว…