เยอร์เก้น คล็อปป์ ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อการเสีย 3 ประตูท่ามกลางการโรเทชั่นถึง 7 ตำแหน่ง ในเกมที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเสมอกับ เบนฟิก้า ไปอย่างสุดมันด้วยสกอร์ 3-3 ในศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก รอบควอเตอร์ไฟนอลเลกที่ 2 เมื่อคืนก่อน
เกมแรก หงส์แดง บุกไปยัดเยียดความปราชัยให้กับ เหยี่ยวลิสบอน มาก่อน 3-1 ทำให้นัดนี้พวกเขากุมความได้เปรียบค่อนข้างมาก แถมนัดที่สองยังได้ลงเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ ที่มี “ค่ำคืนแห่งฟุตบอลยุโรป” คอยขู่ขวัญคู่ต่อสู้ด้วย
การจัดตัวผู้เล่นของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในนัดนี้ทำเอาแฟนบอลเซอร์ไพรส์ได้ไม่น้อยเมื่อเขาตัดสินใจเปลี่ยนถึง 7 ตำแหน่งจากเกมที่เสมอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-2 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีเพียง ดิโอโก้ โชต้า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โจเอล มาติป และ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ที่ยังได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง
นอกนั้นเป็นผู้เล่นชุดสำรองอย่าง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน, หลุยส์ ดิอาซ, นาบี เกอิต้า, เจมส์ มิลเนอร์, โจ โกเมซ, อิบราฮิมา โคนาเต้ และ คอสตาส ซิมิคาส
นั่นหมายความว่าในแผงแบ็คโฟร์ เหลือเพียง มาติป คนเดียวที่มาจากเกมเสมอ ซิตี้
รูปเกมที่เกิดขึ้นนั้นดูสนุกแต่แอบเครียดเล็กน้อย เพราะ เบนฟิก้า พยายามได้ดี พวกเขากล้าเล่น กล้าเพรส ไม่กลัวเจ้าบ้าน อาจจะเป็นเพราะว่ามีประตูตามหลัง แต่นักเตะ ลิเวอร์พูล ก็ไม่ได้หวั่น เล่นได้ตามมาตรฐาน ไล่บีบสูง และสร้างโอกาสในการทำประตูได้มากกว่า
จริง ๆ แล้วเจ้าบ้านดูเหมือนจะปิดเกมได้ตั้งแต่นาทีที่ 65 หลังจากที่พวกเขาขึ้นนำห่างถึง 3-1 ซึ่งเป็นสกอร์เดียวกับเลกแรก แต่หลังจากนั้นการผ่อนเกมลงไปทำให้ทีมจากโปรตุเกสมาได้ 2 ประตูติด ๆ ในช่วงท้ายเกมไล่มาเป็น 3-3 ก่อนจะหมดเวลาไปด้วยสกอร์นี้
สถิติโดยภาพรวมนั้นไม่ต้องพูดถึง หงส์แดง ดูดีกว่าแทบทุกอย่าง แต่มีบางประเด็นที่ถูกพูดถึง เช่น การเปลี่ยนทีมแทบยกชุด แท็คติกกับดักล้ำหน้าที่เริ่มไม่ได้ผล พร้อมกับเสียงวิจารณ์ว่าพวกเขาชิลเกินไปหลังยิงประตูขึ้นนำคู่แข่งจนทำให้ถูกตามตีเสมอ แทนที่จะเอาชนะได้แบบสบาย ๆ
เยอร์เก้น คล็อปป์ เองก็ออกมายอมรับกลาย ๆ เหมือนกันว่าเขามีส่วนที่ต้องรับผิดชอบที่ทำให้ทีมเสียประตูแบบนั้นและไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ ซึ่งมาจากการเปลี่ยนทีมถึง 7 ตำแหน่ง แม้ว่าท้ายที่สุดจะผ่านเข้าสู่รอบเซมิไฟนอลได้สำเร็จก็ตาม
“ใช่ มันยอดมาก (ที่ผ่านเข้ารอบเซมิไฟนอลได้) ผมมีความสุขมาก”
“ผมรู้ว่าเราจะพูดถึงเกมนี้ สิ่งที่เกิดขึ้น ประตูที่เราเสียไป และทุก ๆ อย่างในเกม แต่ในวันนี้ผมไม่ได้รู้สึกดีใจสุดขีดที่ผ่านเข้ารอบเซมิไฟนอลได้ มันมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้นในเกม และอาจจะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่เราจะแก้ไขเรื่องนี้”
“เบนฟิก้า เล่นได้เยี่ยมมาก พวกเขาแข็งแกร่ง แต่มันเกี่ยวกับเราในช่วงนี้ด้วย มันยากลำบาก ผมเปลี่ยนผู้เล่นถึง 7 ตำแหน่ง นักเตะในแดนหลังไม่เคยเล่นด้วยกันเลยด้วยซ้ำ”
“ผมเพิ่งจะตัดสินใจเมื่อวานนี้นี่เอง เราพยายามกันอยู่ 15-20 นาทีและทำได้อย่างถูกต้อง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ทำได้ดีและผมก็ชอบมัน ผมชอบมันมาก ผมชอบฟุตบอลแบบนี้ ปัญหาเดียวก็คือเมื่อเราเสียบอล การป้องกันของเรานั้นยังไม่สมบูรณ์แบบ เราพลาดตรงเกมรับ”
“เมื่อเราต้องเล่นเกมรับในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบควอเตอร์ไฟนอล มันมีรายละเอียด ผมมองไม่เห็นจังหวะล้ำหน้าแต่มันเป็นส่วนหนึ่งของเกมรับที่คุณใช้กับฝ่ายตรงข้าม คืนนี้มันไม่เวิร์คอย่างมาก แต่นั่นคือความผิดของผมเพราะผมเปลี่ยนตัวผู้เล่นถึง 7 คน”
“ปัญหาต่อมาคือเมื่อเราขึ้นนำ 3-1 ทำให้ประตูรวมอยู่ที่ 6-2 มันเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายมาก ๆ เพราะนักเตะบางคนไม่ได้เล่นเต็ม 90 นาทีมาก่อนเลย”
ในมุมของแฟนบอล ลิเวอร์พูล เมื่อได้ดูเกมการแช่งชันและผลสกอร์ แน่นอนว่าส่วนหนึ่งก็ไม่ค่อยพอใจ เพราะดูเหมือนว่าทีมจะยังมีจุดอ่อนและเล่นกันไม่เต็มที่ แทนที่จะชนะใส ๆ กลับต้องมาลุ้นให้เสียวช่วงท้าย
แต่ในมุมของ คล็อปป์ เมื่อทีมของคุณกำลังมีลุ้นถึง 3 แชมป์และเกมนัดต่อไปต้องเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ใน เอฟเอคัพ ในรอบรองชนะเลิศ ก็คงต้องมีการจัดสำดับความสำคัญให้ดี เพราะเกิดส่งผู้เล่นตัวจริงลงสนามในเกมที่ไม่ได้กดดันมาก แล้วมีอาการบาดเจ็บขึ้นมา มันไม่ได้เสียหายแค่เกมเดียว แต่อาจกระเทือนต่อการลุ้นแชมป์เอฟเอคัพ และ พรีเมียร์ลีก ในอกี 7 นัดที่เหลือด้วย
ไม่ต้องไปดูไหนไกล เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่แม้ว่าจะเพิ่งจัดหนักกับ ลิเวอร์พูล มาเมื่อสุดสัปดาห์ มีเหตุให้ต้องจัดชุดใหญ่ลงวัดกับ แอตเลติโก้ มาดริด เพราะผลการแข่งขันยังไม่ขาดแถมเป็นการออกไปเยือน ดังนั้นจึงต้องเน้นเพื่อเข้ารอบ และก็ทำสำเร็จ แต่นั่นก็ต้องสังเวยตัวหลักอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ และ ไคล์ วอล์คเกอร์ ไปด้วย ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องพักนานเท่าไหร่
ดังนั้นผลการแข่งขันของ ลิเวอร์พูล ที่ออกมาอาจไม่ถูกใจสาวกมากนัก แต่มันบรรลุเป้าหมายที่วางเอาไว้คือการเข้าสู่รอบต่อไปและมีนักเตะพร้อมที่จะลงเล่นในเกมนัดหน้า
ช่วงเวลาแบบนี้คงไม่มีใครอยากจะเสี่ยงถ้าไม่จำเป็น…