ค่ำคืนที่เปรียบดั่งปาฏิหาริย์ ของนักเตะแข้งสำรองที่สนามแอนฟิลด์

ไฮไลท์ลิเวอร์พูล, ลิเวอร์พูล, Liverpool

เกม คาราบาวคัพ ที่ ลิเวอร์พูล ไล่ตีเสมอ เลสเตอร์ ซิตี้ และกลับมาเอาชนะจุดโทษได้อย่างสุดมันด้วยสกอร์ 5-4 นั้นอาจจะไม่ใช่แม็ตช์สำคัญเมื่อเทียบกับ พรีเมียร์ลีก หรือ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก แต่อย่างน้อยก็ทำให้เรามองเห็นอะไรดี ๆ ไม่น้อยเหมือนกัน

ก่อนเกมเรารู้กันดีว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ คงพักผู้เล่นตัวจริงหลายรายประกอบกับด้วยอาการบาดเจ็บและปัญหาโควิดทำให้กุนซือ หงส์แดง ไม่เสี่ยงที่จะส่งนักเตะตัวหลักลงเล่นในเกมนี้แน่ ๆ

ไฮไลท์ลิเวอร์พูล, ลิเวอร์พูล, Liverpool

เราจึงได้เห็นทีมผสมดาวรุ่ง+ตัวสำรองลงเล่นกันอย่างคับคั่งไม่ว่าจะเป็น ควีวิน เคลเลเฮอร์, โจ โกเมซ, บิลลี คูเมติโอ, คอนนอร์ แบร๊ดลีย์, ไทเลอร์ มอร์ตั้น, คอสตาส ซิมิคาส, ทาคุมิ มินามิโนะ และ เนโก้ วิลเลียมส์

ในขณะที่มุมของ เลสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาจัดทีมชุดใหญ่ลงพร้อมหน้าพร้อมตา และไม่ต้องแปลกใจเลยที่เราจะเห็นรูปเกมในครึ่งแรกที่เจ้าบ้านโดนยำใหญ่ถูกยิงนำไปก่อนในสกอร์ 3-1

ในครึ่งหลัง คล็อปป์ ตัดสินใจเปลี่ยนผู้เล่นรวดเดียว 3 รายส่งแข้งตัวหลักมาแก้เกมทั้ง ดิโอโก้ โชต้า, เจมส์ มิลเนอร์ และ อิบราฮิมา โคนาเต้ รวมทั้ง นาบี เกอิต้า ที่ตามหลังมาไม่นาน ซึ่งก็ดูจะได้ผลเพราะพวกเขาไล่ตีเสมอเป็น 3-3 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ซึ่งทำให้ต้องไปดวลจุดโทษก่อนจะคว้าชัยชนะไปได้อย่างสุดตื่นเต้น

น่าเสียดายที่เกมนี้เป็นเพียง คาราบาวคัพ ซึ่งอาจดูไม่ได้ยิ่งใหญ่หรือเปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรีเทียบเท่ารายการหลัก เพราะจะว่าไปถ้วยนี้ก็เหมือนการให้โอกาสพวกแข้งสำรองและดาวรุ่งได้โชว์ของกันมากกว่า โดยเฉพาะพวกทีมใหญ่ ๆ ที่แทบจะส่งนักเตะชุด U23 ลงกันตั้งแต่รอบสามเลยด้วยซ้ำ

ไฮไลท์ลิเวอร์พูล, ลิเวอร์พูล, Liverpool

หากแต่ชัยชนะเมื่อคืนนี้ของ ลิเวอร์พูล ทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ มองเห็นอะไรบางอย่างที่น่าจะทำให้เขารู้สึกมั่นใจได้ว่าขุมกำลังชุดนี้น่าจะดีพอในการลุ้นแชมป์รายการใหญ่ได้ ๆ ได้จนจบฤดูกาล

ไล่ไปตั้งแต่ผู้รักษาประตู เคลเลเฮอร์ นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นดาวรุ่งฝีมือดีคนหนึ่ง จริง ๆ แล้วเมื่อซีซันก่อนเจ้าตัวก็ได้ลงเล่นในเกมสำคัญอย่าง แชมเปี้ยนส์ลีก ไปแล้วด้วย ซึ่งก็ทำหน้าที่ได้อย่างน่าประทับใจ แต่ก็น่าเสียดายที่โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนทำให้ต้องพักยาวก่อนจะกลับมายึดตำแหน่งมือสองในฤดูกาลนี้คืนจาก อาเดรียน

ในเกมดังกล่าว ลิเวอร์พูล ไม่ได้ถือไพ่เหนือกว่าอะไรเลยด้วยซ้ำ พวกเขาจะโดนลูกที่ 4-5 อยู่เป็นระยะ ซึ่งถ้าไม่ได้นายทวารไอริชรายนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะได้เข้ามารอบตัดเชือกกันหรือไม่

หรือในตำแหน่งแดนหน้าที่เกมนี้มาปล่อยของกันในครึ่งหลังไม่ว่าจะเป็น โชต้า, ฟีร์มีโน และ ทาคุมิ มินามิโนะ ที่เป็นคนยิงตีเสมอให้ทีมได้มีโอกาสรอดตายพาทีมมาดวลจุดโทษ

ความพรั่งพร้อมและฟอร์มการเล่นของแนวรุกในเกมนี้น่าจะทำให้นายใหญ่เยอรมันเบาใจได้เปลาะหนึ่งเรื่องการหาคนทดแทน ซาดิโอ มาเน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ต้องบินไปเล่น แอฟฟริกัน คัพ ออฟเนชันส์ ในเดือนมกราคม

ยังไม่นับ ดิว็อคมหาเทพโอริกี้ ที่ไม่ได้ลงสนามเนื่องจากได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหากฟิตสมบูรณ์กลับมา ก็จะทำให้ตัวเลือกในแดนหน้ามีมากขึ้นด้วย

พวกดาวรุ่งอย่าง คูเมติโอ, คอนนอร์ แบรดลีย์, ไทเลอร์ มอร์ตั้น แม้ว่าเกมนี้จะโชว์ฟอร์มได้ไม่ดีนัก โดยเฉพาะในครึ่งแรกที่โดน เจมี วาร์ดี้ และแนวรุกของ เลสเตอร์ ปั่นหัวเละเทะ แต่ก็พอเข้าใจได้ว่ายังต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์กันอีกระยะหนึ่ง

สิ่งที่เป็นเซอร์ไพรส์ในการจัดตัวนัดนี้คือ เนโก้ วิลเลียมส์ ที่ได้ลงเล่นใน 3 ประสานแนวรุกจากเดิมแบ็คขวา แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวยังไม่สามารถโชว์ศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้

แม้ว่าในภาพรวมตัวสำรองส่วนใหญ่ที่ได้ลงเป็น 11 ตัวจริงอาจจะสู้ เลสเตอร์ ไม่ได้ แต่การไล่ตีเสมอและพลิกคว้าชัยชนะน่าจะถือเป็นตัวจุดประกายความหวังให้กับนักเตะหลาย ๆ คนที่จะระเบิดฟอร์มในทีมชุดใหญ่ต่อไป

เอาจริง ๆ มาถึงจุดนี้ ถือว่าแข้งสำรองของ ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้ดีขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในถ้วยใบนี้ที่พวกเขามักไม่ค่อยรอดมาถึงรอบลึกขนาดนี้บ่อยนัก

ซึ่งอย่างน้อย ๆ ก็ทำให้พวกเขายังมีแม็ตช์ไว้พิสูจน์ตัวเองอีก 2 นัด!

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top