ลิเวอร์พูล ผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอ้าท์ในศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้แบบง่ายเกินความคาดหมาย นั่นไม่ใช่เพราะ อาแจ็กซ์ เล่นไม่ดี แต่เพราะพวกเขามีทีเด็ดทีขาดมากกว่า
หลังความพ่ายแพ้ต่อ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในเกมลีก, นายใหญ่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ได้นักเตะตัวหลักกลับมาร่วมทีมอีกครั้ง แม้จะไม่ครบสูตร แต่ก็ดูดีกว่าทีมที่แพ้ให้กับเจ้าป่าอยู่มากโข
ดาร์วิน นูนเญซ กลับมาล่าตาข่าย แดนกลางส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คืนสนาม ในขณะที่แนวรับให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลงเล่นเป็นตัวจริงหลังสำรองมา 2 เกมหลังสุด
เกมนี้ตัวผู้เล่นถือว่าจัดเต็ม และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้แฟนบอลรู้สึกอุ่นใจได้บ้างก็คือ พวกเขาเปิดตัวใส่ชุดเขียวหรือ 3rd kit เป็นชุดทีมเยือน
ถือเป็นโชคดีอย่างหนึ่งของ ลิเวอร์พูล ที่ อาแจ็กซ์ ใส่ชุดเหย้าสีขาว ทำให้พวกเขาได้เปลี่ยนมาใช้เสื้อนี้ ซึ่งถ้าเจ้าบ้านดันใช้สีโทนแดง ก็ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้เห็นเสื้ออับโชคกันอีกหนก็ได้
ชุดทีมเยือนสีขาวของฤดูกาลนี้ พาทีมไม่ชนะเกมนอกบ้านมา 3 นัด จึงไม่แปลกที่แฟนบอลต่างเรียกร้องให้ลองเปลี่ยนบ้างเถอะ แม้จะไม่ค่อยเกี่ยวพันกันก็ตาม แต่ของแบบนี้ ถ้าไม่เชื่อ….ก็อย่าลบหลู่
นอกจากสีเสื้อแล้ว สิ่งที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ จัดการเปลี่ยนให้กับทีมก็คือ รูปแบบการเล่น เมื่อพวกเขาออกสตาร์ทด้วยระบบ 4-3-1-2 ทำเอาคนดูอย่างเราเซอร์ไพรส์ไม่น้อย
ช่วงหลังนายใหญ่วัย 55 ปี นิยมชมชอบใช้งานกองหน้าคู่ แม้ว่าตอนเริ่มเกมส่วนใหญ่จะได้เห็นการใช้ระบบ 4-2-3-1 ซึ่งพอเล่นไปเล่นมามักมีกองหน้ายืนคู่กัน 2 คนในระบบ 4-2-4 บ้างหรือ 4-4-2 บ้างตามจังหวะ
แต่เกมนี้เขาจัดให้ นูนเญซ เล่นคู่กับ ซาลาห์ ไปเลย โดยมี ฟีร์มีโน เหมือนเป็นเพลย์เมคเกอร์ด้านหลัง คือใช้ระบบหน้าคู่ตั้งแต่นาทีแรก
การวางกองกลาง 3 คนก็น่าสนใจ ฟาบินโญ ถูกห้อยลงต่ำเชื่อมเกมกับแนวรับ ในขณะที่ด้านซ้ายและขวาเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ฮาร์วีย์ เอลเลียต ซึ่งเมื่อรวมกับการยืนของ บ็อบบี้ ในสนามจะคล้าย ๆ ไดม่อนหรือเหลี่ยมเพชร ถือเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับทัพหงส์แดงอยู่ไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม การปรับรูปแบบมันก็นำมาซึ่งการต้องใช้เวลาทำความเข้าใจเกม 30 นาทีแรก ลิเวอร์พูล จึงดูเหมือนเล่นยังไม่เข้าที่ ในขณะที่เจ้าบ้านโหมบุกหวังยิงขึ้นนำเร็วเพื่อ 3 คะแนน
หงส์แดง ถือว่าโชคดีที่ไม่เสียประตูช่วงต้นเกมเหมือนหลาย ๆ นัดที่ผ่านมา พวกเขาเจียนอยู่เจียนไปหลายทีก่อนจะมาตั้งตัวได้หลังจากนั้น
ต้องยอมรับว่าเกมนี่ อาแจ็กซ์ ระบบดีกว่า แม่นกว่า เริ่มต้นได้ดีกว่า แต่คุณภาพนักเตะยังสู้ทีมเยือนไม่ได้ พวกเขาเล่นได้ดีแต่ไม่เหมือนช่วงที่ เอริค เทน ฮาก คุมทีม ไม่มีจังหวะทีเด็ดทีขาด หวือหวาก็จริง แต่ไร้ซึ่งประสิทธิภาพ
ต่างจาก ลิเวอร์พูล ที่เกมนี้พอได้ครองบอลก็เหนียวแน่นกว่า เห็นได้ชัดว่าประสบการณ์บนเวทียุโรปของพวกเขานั้นข้นคลั่ก และการเจอกับทีมระดับนี้ยิ่งทำให้เล่นง่ายเพราะไม่มีทางที่จะมาเจอเกมอุดแล้วโต้เหมือนใน พรีเมียร์ลีก
กลายเป็นพวกเขาเองที่ใช้ประโยชน์จากเกมสวนกลับได้ดี และเมื่อเกมเปิด โอกาสก็มา ลูกแรกที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ปาดเข้ากลางให้ ซาลาห์ ดีดเข้าประตูคือประสบการณ์และความเก๋าล้วน ๆ ซึ่งทำให้เจ้าบ้านถึงกับช็อคไปไม่เป็น
เกมบุกอยู่ดี ๆ เจอโอกาสแรกแล้วเสียประตูเลย ทำให้ อาแจ็กซ์ สะดุดทันที ประตูที่ 2-3 จึงตามมาอย่างง่ายดาย และเกมจบตั้งแต่ยังไม่ผ่านชั่วโมงแรกด้วยซ้ำ
ลิเวอร์พูล ฤดูกาลนี้ต่อให้ย่ำแย่จาก พรีเมียร์ลีก ขนาดไหน แต่พวกเขายังเอาตัวรอดได้ใน UCL แม้จะเละเทะในเกมแรกกับ นาโปลี แต่นอกนั้นสามารถเอาตัวรอดได้
การผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอ้าท์ทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ มีเวลาในการเตรียมทีมในลีกอย่างเต็มที่ และอีก 3 เกมสุดท้ายพวกเขาต้องการอย่างน้อย 7 คะแนน ถ้ายังอยากอยู่ในเส้นทางลุ้นท็อปโฟร์
จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่เกิดขึ้นในเกมกับ อาแจ็กซ์ เมื่อคืนนี้ นอกจากการเปลี่ยนมาใส่ชุดเขียวแล้ว น่าจะทำให้เห็นว่า คล็อปป์ ก็พร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ทีมกลับมาเล่นดี ไม่ใช่หัวชนฝากับแท็คติกเดิม ๆ หรือแบบแผนเดิม ๆ อีกต่อไป
แต่ทางที่ดี อย่ากลับไปใช้ชุดสีขาวเลยดีกว่า…..ถือว่าขอร้อง