อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเราจะได้เห็นการกลับมายังถิ่น แอนฟิลด์ ของตำนานกัปตันทีมอย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด ในคราบของผู้จัดการทีม แอสตัน วิลลา ในการทำศึก พรีเมียร์ลีก นัดที่ 16 ของฤดูกาล
แน่นอนว่าเป้าหมายของทั้งสองทีมคือการคว้า 3 แต้ม โดยเฉพาะเจ้าบ้านอย่าง ลิเวอร์พูล ที่ต้องการรักษาอันดับเอาไว้อย่างต่อเนื่องเพื่อการไล่ล่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมจ่าฝูง ชนิดที่ว่าหายใจรดต้นคอให้ได้
ในขณะที่ วิลลา นั้นการมาในครั้งนี้หากมองอย่างผิวเผินการได้ 1 คะแนนกลับไปก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าพอใจสำหรับพวกเขา แต่คงไม่ใช่กับกุนซือที่ชื่อว่า สตีเวน เจอร์ราร์ด
นับตั้งแต่การกลับมายัง พรีเมียร์ลีก ในฐานะของผู้จัดการทีม สิงห์ผยอง, สตีวีจี สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการชนะ 3 และแพ้เพียง 1 ครั้ง หลุดจากโซนท้ายตารางได้สำเร็จ
ไบรท์ตัน, คริสตัล พาเลซ และ เลสเตอร์ ซิตี้ คือเหยื่อของอดีตกัปตันตลอดกาลแห่งทัพหงส์แดง มีเพียง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เท่านั้นที่พวกเขาไม่สามารถเก็บแต้มได้
ถามว่าเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ วิลลา พลิกกลับมาเป็นทีมที่แข็งแกร่งอีกครั้งหลังจาก ดีน สมิธ ทำงามหน้าเอาไว้ด้วยการแพ้รวดติดต่อกัน 5 เกมจนโดนไล่ออก
เจอร์ราร์ด ได้เคยพูดถึงเรื่องนี้ผ่านการให้สัมภาษณ์ตั้งแต่การแถลงข่าวต่อหน้าสื่อเป็นครั้งแรกหลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาเป็นนายใหญ่ในถิ่น วิลลา ปาร์ค โดยเขาชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อนที่สำคัญของทีม
“ทีมนี้กำลังเสียประตูมากจนเกินไป พวกเขาอยู่อันดับ 18 ของ พรีเมียร์ลีก ดังนั้นเราจึงต้องพัฒนาและปรับปรุงเรื่องนี้ และถ้าทำได้อันดับในลีกของเราก็จะดีขึ้น”
นั่นหมายความว่าปัญหาใหญ่คือ เกมรับ ซึ่ง เจอร์ราร์ด ได้เข้ามาพัฒนาและแก้ไขตรงจุดนี้จนทำให้ทีมกลับมาเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการได้อีกครั้ง
สิ่งที่พิสูจน์ได้ดีคือ 4 เกมที่ผ่านมาเริ่มตั้งแต่การเจอกับ ไบรท์ตัน พวกเขาปล่อยให้คู่แข่งมีโอกาสยิงประตูได้เพียง 6 ครั้งตลอดทั้งเกม ตามด้วยการเจอ พาเลซ ที่มีโอกาสยิง 8 ครั้ง และเกมล่าสุดกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่มีโอกาสยิง 12 ครั้งหากแต่ในครึ่งแรก จิ้งจอกสยาม ได้โอกาสไปแค่ 4 ครั้ง
**ซึ่งทั้ง 3 เกมนี้ วิลลา โดนยิงไปเพียง 2 ประตูเท่านั้น**
โอเค…และเมื่อพูดถึงการเจอกับ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนส่องเยอะ เพราะอย่างที่รู้กันว่าทีมของ เป๊ป นั้นเกมรุกยอดเยี่ยมขนาดไหน โดยพวกเขามีโอกาสยิงไปทั้งหมด 17 ครั้ง แต่เอาเข้าจริงเมื่อนับลูกที่มีโอกาสจะเป็นประตูนั้นอยู่ในระดับที่ต่ำมาก และผลลัพธ์คือทีมของ เจอร์ราร์ด โดนยิงไปเพียง 2 เม็ด
สิ่งแรกที่อดีตแข้ง หงส์แดง ทำ ก็คือการเปลี่ยนให้ วิลลา เสียประตูยากขึ้น ดูได้จากสถิติการโดนคู่แข่งส่องประตูตลอด 4 เกมที่ผ่านมาพวกเขาสามารถลดสถิติลงจากสมัยของ ดีน สมิธ ที่โดนยิง 13.6 ครั้งต่อเกมเหลือเพียง 7.5 ครั้งต่อเกมเท่านั้น
วิธีปรับเกมรับของ เจอร์ราร์ด ไม่มีอะไรซับซ้อน เขาใช้แผนการเล่นในระบบ 4-3-3 และกำชับให้ลูกทีมยืนชิดกันเล่นอย่างมีวินัยเพื่อปิดพื้นที่ในแดนกลาง และบีบให้คู่ต่อสู้ต้องหันไปเล่นบอลริมเส้นมากขึ้น
สิ่งที่พิสูจน์ได้ดีคือเกมแรกที่เจอกับ ไบรท์ตัน ซึ่งกุนซือ วิลลา ทำให้ทีมของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ ทำสถิติครอสบอลมากที่สุดในฤดูกาลนี้ไปเรียบร้อย!!
ในเมื่อเจาะตรงกลางไม่ได้ พ็อตเตอร์ ก็ต้องสั่งลูกทีมเซ็ตบอลจากริมเส้นทั้งสองฝั่ง วัดกันที่การโยนบอลเข้ากรอบเขตโทษ ซึ่งก็โดนพวกกองหลังอย่าง ไทรอน มิงส์ และ เอซรี คอนช่า เก็บกินเรียบวุธ
และนี่คือหนึ่งในแท็คติกที่คาดว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ จะต้องเจออย่างแน่นอนในการเจอกันครั้งนี้
เกมที่จะเกิดขึ้นน่าจะออกมาในรูปแบบเดิมคือ ลิเวอร์พูล ครองบอลบุกอยู่ฝ่ายเดียวและพยายามเพรสซิ่งให้ วิลลา เสียบอลในแดนตัวเอง, ในขณะที่ทีมเยือนก็ต้องมาตั้งรับ อัดพื้นที่แดนกลางให้แน่นเข้าไว้ แล้วปล่อยให้คู่แข่งไปทำเกมริมเส้นและวัดกันที่การครอสบอลในจังหวะสุดท้าย
นั่นหมายความว่าเราจะได้เห็น เทรนท์ อาร์โนลด์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ช่วยกันเติมเกมริมเส้นทั้งสองข้างอย่างเมามันส์ แต่พื้นที่ในแดนกลางจะอึดอัด เล่นยาก โดนไล่บีบ ไล่เพรสตลอดเวลาจาก จอห์น แม็คกินน์ และ มาร์เวลัส นากัมบ้า พร้อมกับต้องเจอกับสวนกลับจาก โอลลี วัตกิ้นส์ และ เอมิเลียโน บูเอ็นเดีย ที่มีความเร็วเป็นอาวุธ
อย่างไรก็ตาม, ใช่ว่า ลิเวอร์พูล จะไม่เคยเจอแท็คติกแบบนี้ ที่ผ่านมาพวกเขามักแก้เกมด้วยการโอเวอร์โหลดพื้นที่ริมเส้นโดยเฉพาะฝั่งขวาที่มีทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ เทรนท์ อาร์โนลด์ ซึ่งก็สามารถทำผลงานได้น่าประทับใจมาแล้วในหลาย ๆ นัด
ดังนั้นเกมที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ จึงถือเป็นการชิงไหวชิงพริบของ 2 กุนซือ ซึ่งแน่นอนว่าเราจะได้เห็นเกมที่น่าอึดอัด และต้องลุ้นกันตลอด 90 นาทีเหมือนเดิม
ซึ่งไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาในรูปแบบใด อย่างน้อยมันจะเป็นการพิสูจน์ให้ เดอะค็อป ได้เห็นด้วยว่า สตีเวน เจอร์ราร์ด คือคนที่เหมาะสมกับการสืบทอดตำแหน่งของ เยอร์เก้น คล็อปป์ หรือไม่ในอนาคต…