ข่าวการย้ายทีมและผลงานของ ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าคนใหม่ของ ลิเวอร์พูล ได้รับความสนใจจากสื่อและแฟนบอลอย่างล้นหลามตลอดช่วงพรี-ซีซันที่ผ่านมา รวมทั้งการต่อสัญญาของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็มาเพิ่มความปลื้มปริ่มให้กับสาวก หงส์แดง เข้าไปอีก, นั่นอาจจะเป็นสาเหตุให้ไม่ค่อยมีใครพูดถึง หลุยส์ ดิอาซ อีกหนึ่งแนวรุกคนสำคัญของทีมซักเท่าไหร่นัก
หลายคนเชื่อกันว่าการมาของ นูนเญซ คือการแทนที่ ซาดิโอ มาเน แต่เมื่อดูจากสไตล์การเล่นจริง ๆ แล้วแทบจะไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบกันได้เลย เพราะพื้นฐานของทั้งคู่นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กองหน้าเซเนกัลคือผู้เล่นริมเส้นที่มีความเร็วเป็นอาวุธ ในขณะที่ดาวเตะวัย 23 จาก เบนฟิก้า คือกองหน้าตัวกลางที่จบสกอร์ได้อย่างยอดเยี่ยม
ดังนั้น เมื่อแข้งอุรุกวัยย้ายเข้ามาจึงเป็นไฟท์บังคับให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องปรับรูปแบบการเล่นใหม่ แม้จะใช้ระบบ 4-3-3 เป็นหลัก แต่โจทย์หลักก็คือ จะใช้งานสตาร์อุรุกวัยอย่างเต็มประสิทธิภาพได้อย่างไร
การเปลี่ยนแปลงแท็คติกบางอย่างจึงเกิดขึ้นในช่วงพรี-ซีซัน ด้วยสายตาของแฟนบอลอาจจะดูเผิน ๆ แล้วไม่มีอะไร แต่สำหรับ เป๊ป ลินเดอร์ส ผู้ช่วยของ คล็อปป์ เขารู้สึกว่ากำลังสัมผัสได้ถึงไดนามิกใหม่ในเกมรุก ซึ่งเจ้าตัวได้พูดขึ้นมาประโยคหนึ่งจากการให้สัมภาษณ์ตอนเปิดตัวหนังสือของตัวเองที่ชื่อว่า “Intensity” ว่า
“ผู้เล่นแต่ละคน จะมีอิทธิพลต่อทีมในทางใดทางหนึ่งเสมอ”
โดยหนึ่งในผู้เล่นคนที่ ลินเดอร์ส พูดถึงนั้นคือ หลุยส์ ดิอาซ ปีกจอมตะลุยชาวโคลอมเบียนที่เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในแนวรุกยุคใหม่ของ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา จนทำให้ทีมมีลุ้น 4 แชมป์ แม้จะพลาด 2 รายการสำคัญก็ตาม
บทบาทของดาวเตะวัย 25 ปี คือการเล่นริมเส้น พาบอลจี้เข้าหาคู่ต่อสู้ก่อนจะตัดเข้าในและยิงประตู พร้อมด้วยเทคนิคอันแพรวพราวตามขนบของนักเตะอเมริกาใต้ และที่ทำให้เขาสามารถปรับตัวเข้ากับทีมได้อย่างรวดเร็วก็คือการอ่านเกมคู่ต่อสู้ โดยเฉพาะในการเล่นเกมรับ, ซึ่งคล้ายกับที่ ซาดิโอ มาเน เคยทำ ตอนที่ยังสวมเครื่องแบบสีแดงเพลิง
ลินเดอร์ส เชื่อมั่นเป็นอย่างมากเลยว่า ด้วยสไตล์ของ ดิอาซ และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นซีซันนี้ อดีตแข้ง ปอร์โต้ จะมีประโยชน์มากขึ้นในการเล่นร่วมกับกองหน้าตัวกลางอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ
“ดิอาซ ทำอะไรได้มากกว่าการเล่นเป็นตัวริมเส้นด้านนอก เมื่อเขาได้บอล เขาจะค่อย ๆ เลี้ยงและรอจังหวะ ซี่งมันจะทำให้กองหน้าที่อยู่ในกรอบเขตโทษมีเวลามากขึ้น”
สิ่งที่โค้ชชาวดัตช์พูดออกมานั้น มาจากข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีการเล่นปีกวัยเบญจเพส ซึ่งเขาเชื่อว่าจะสามารถเติมเต็มประสิทธิภาพให้กับ นูนเญซ ที่มีเซ้นส์การเล่นบอลในกรอบเขตโทษ อีกทั้งยังมีความโดดเด่นในลูกกลางอากาศจากความสูงระดับ 187 เซนติเมตร
สิ่งที่ ลินเดอร์ส พยายามอธิบายก็คือ ด้วยจังหวะการไปกับลูกบอลของปีกโคลอมเบียนไม่ได้เน้นเรื่องความเร็วเพียงอย่างเดียว การดึงจังหวะให้ช้าลงจะช่วยให้กองหน้าคนใหม่ของ ลิเวอร์พูล มีเวลาหาพื้นที่ในกรอบเขตโทษได้มากขึ้นและสามารถวิ่งไปรอที่จุดนัดพบเมื่อมีการครอสบอลเข้าไป
นอกจากนี้แนวทางการเล่นของ ดิอาซ ยังมีประโยชน์กับมิดฟิลด์ประเภทบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ เพราะเขาจะช่วยให้กองกลางเหล่านี้มีเวลาสอดขึ้นไปเติมเกมในแดนบนเพื่อสนับสนุนการทำประตูได้อีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะพวกแข้งดาวรุ่งที่รอแจ้งเกิดในตำแหน่งนี้ไม่ว่าจะเป็น เคอร์ติส โจนส์ หรือ ฮาร์วีย์ เอลเลียต ที่ก็ถูกคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในแดนกลาง รวมทั้งพัฒนาเรื่องการจบสกอร์ได้มากขึ้นในฤดูกาลนี้
เช่นเดียวกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เมื่อ ลิเวอร์พูล มีกองหน้าไปยืนค้ำในกรอบเขตโทษ ปีกทั้งสองข้างของพวกเขาก็จะมีเวลาในการสร้างสรรค์เกมและมีพื้นที่มากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือ หนึ่งในนิยามของคำว่า “ไดนามิกใหม่ ๆ” ที่ ลินเดอร์ส พูดถึง
แม้ หลุยส์ ดิอาซ อาจไม่ได้ถูกสปอร์ตไลท์สาดส่องมากนักในช่วงพรี-ซีซันที่ผ่านมา แต่ก็เชื่อว่าเจ้าตัวจะยังคงเป็นกำลังสำคัญให้กับแนวรุกของ ลิเวอร์พูล ในการไล่ล่าความสำเร็จในฤดูกาลใหม่นี้อีกครั้งอย่างแน่นอน