‘หลุยส์ ดิอาซ’ นักเตะผู้เข้ามาติดปีกเกมรุกของหงส์แดง

Luis Diaz, หลุยส์ ดิอาซ, FA Cup, เอฟเอคัพ, ลิเวอร์พูล, Liverpool, หงส์แดง

จบเกมที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ เบนฟิก้า 3-3 นอกจาก คอสตาส ซิมิคาส ที่ได้รับคำชื่นชมจากการทำ 2 แอสซิสต์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน ที่ยิงคนเดียว 2 ประตูแล้ว, หลุยส์ ดิอาซ คือผู้เล่นอีกคนที่ถูกพูดถึงอย่างมาก

นับตั้งแต่ที่เปิดตัวกับ หงส์แดง หลังย้ายมาจาก เอฟซี ปอร์โต ก่อนเส้นตายตลาดซื้อขายเดือนมกราคม แข้งโคลอมเบียนยิงไปแล้ว 2 ประตูจากการลงสนาม 7 นัดใน พรีเมียร์ลีก โดยเป็นการออกสตาร์ทเป็นตัวจริงถึง 6 นัดด้วยกัน

พร้อมกันนั้นยังได้เห็นเขาลงเล่นใน ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก 4 นัดในรอบน็อคเอ้าท์ และทำผลงาน 1 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ ในเกมนัดแรกที่ไปเอาชนะ เบนฟิก้า มาได้ 3-1

สำหรับฟอร์มในเกมเลกสองกับ เหยี่ยวลิสบอน แม้ว่าปีกชาวโคลอมเบียนจะไม่สามารถทำประตูหรือแอสซิสต์ได้ แต่เขาก็สร้างความอันตรายให้กับแนวรับของทีมเยือนได้ตลอด 1 ชั่วโมงที่อยู่ในสนาม โดยเกมนี้เจ้าตัวรับบทบาท “ปีกขวา” ซึ่งก็ทำหน้าที่ได้อย่างน่าพอใจ

จนถึงเวลานี้สิ่งที่เกิดขึ้นกำลังบอกเราว่า ดิอาซ ไม่ใช่แค่นักเตะอะไหล่สำรองของ 3 ประสานในแดนหน้าอย่าง ซาดิโอ มาเน, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แต่เขาคือ “อนาคต” ในเกมรุกของ ลิเวอร์พูล อย่างไม่ต้องสงสัย

การมาถึงของนักเตะวัย 25 ปีทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ มีตัวเลือกในแดนหน้ามากขึ้น เพราะนักเตะมีความหลากหลายเล่นได้ทั้งซายและขวา แถมยังอยู่ไม่เป็นที่ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนการเล่นได้ตลอดเวลา ยากแก่การจับทางของคู่แข่ง

ถ้าเป็นเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมาทุกทีมทราบกันดีว่าหากมาเจอกับ ลิเวอร์พูล แล้วพวกเขาจะต้องรับมือกับ 3 ประสานที่ว่ากันว่ามีความอันตรายมากที่สุดในยุโรปภายใต้รหัส SMF หรือ ซาลาห์, มาเน และ ฟีร์มีโน

แต่ด้วยอายุที่เริ่มมากขึ้น รวมทั้งอาการบาดเจ็บเรื้อรังของ บ็อบบี้ ทำให้ คล็อปป์ ต้องมองหาทางเลือกในแดนหน้าเผื่อเอาไว้เมื่อยามที่แท็คติกเดิมไม่ได้ผล เราจึงได้เห็นการดึง ดิโอโก้ โชต้า เข้ามาเสริมทัพเมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2020 ซึ่งก็โชว์ฟอร์มยิงประตูได้อย่างยอดเยี่ยม

Luis Diaz, หลุยส์ ดิอาซ, FA Cup, เอฟเอคัพ, ลิเวอร์พูล, Liverpool, หงส์แดง

หากแต่คุณสมบัติของ โชต้า นั้นคือมือปืน เขามีเซ้นส์ในการหาที่ว่างและทำประตู ซึ่งตรงนี้จะเข้ามาทดแทนการร่วงโรยของ ฟีร์มีโน ได้ แต่สำหรับตำแหน่งปีกทั้ง 2 ข้างซึ่งเป็นหัวใจในเกมรุกของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังไม่มีใครที่น่าไว้ใจพอจะฝากผีฝากไข้ได้

ดังนั้น ดิอาซ จึงถูกดึงเข้ามาเพื่อเติมเต็มจุดนี้ และก็ไม่ต้องเสียเวลาปรับแต่งให้นาน มาถึง เปิดฝา ชงน้ำร้อน กินได้เลย!

สไตล์การเล่นของสตาร์อเมริกาใต้รายนี้สร้างอิมแพ็คต่อระบบและการจัดทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในช่วงหลังอย่างมาก ทำให้เขามีตัวเลือกและพลิกแพลงการจัดตัวในแต่ละนัด และมันก็ได้ผลดีอีกด้วย

การวิ่งพล่านไปทั่วสนาม โยกซ้ายทีขวาที หาช่องว่างในการโจมตีคู่แข่งตรงกลาง สิ่งเหล่านี้เป็นอะไรที่ทำให้คู่ต่อสู้จับทางได้ยาก พร้อมด้วยความใจสู้กล้าได้กล้าเสียยิ่งทำให้ทีมดูคึกคักขึ้น

Luis Diaz, หลุยส์ ดิอาซ, FA Cup, เอฟเอคัพ, ลิเวอร์พูล, Liverpool, หงส์แดง

สิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า ดิอาซ คือคำตอบในเกมรุก นั่นคือการที่ คล็อปป์ สามารถส่งเขาลงเล่นตรงไหนก็ได้ในแดนหน้า เห็นได้จากช่วงที่ โชต้า ได้รับบาดเจ็บ กุนซือหงส์แดงก็จัดการปรับแท็คติกให้ปีกวัยเบญจเพสลงเล่นเป็นตัวจริงฝั่งซ้ายซึ่งเป็นพื้นที่ประจำการของ ซาดิโอ มาเน ทำให้ดาวยิงเซเนกัลต้องมายืนเป็นกองหน้าตัวกลาง ในขณะที่เกมล่าสุดเขาก็สามารถเล่นฝั่งขวาของ โม ซาลาห์ ได้ด้วย

เจมี คาร์ราเกอร์ ออกมายืนยันเรื่องนี้ โดยหลังจากที่ได้เห็นฟอร์มในเกมกับ เบนฟิก้า เมื่อวันพุธ เขาก็เชื่อว่าการมาของ หลุยส์ ดิอาซ คือการเปลี่ยนแปลงและยกระดับเกมรุกของ ลิเวอร์พูล แถมยังสั่นคลอนตำแหน่ง มาเน ได้อีกต่างหาก

เขาย้ายมาที่นี่และเป็นคนแรกในรอบ 4-5 ปีที่ทำให้ ซาดิโอ มาเน ต้องพบกับความกดดัน” น้าคาร์รา ให้สัมภาษณ์กับทาง CBS Sport “ตอนนี้ มาเน ต้องหุบเข้าไปเล่นตรงกลางเพราะโดน ดิอาซ กดดันตรงปีกซ้าย

เขาชัดเจนตั้งแต่ที่ย้ายเข้ามา เขาทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังเปลี่ยนแปลง ลิเวอร์พูล ซึ่งตอนนี้แฟนบอลต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขามีขุมกำลังที่แข็งแกร่งขึ้น คุณได้เห็นประตูที่เขาทำได้และได้เห็นแล้วว่าเขามีความกล้าได้กล้าเสียขนาดไหน

ไม่แน่เหมือนกันว่า หลุยส์ ดิอาซ อาจเป็นทีเด็ดในเกม เอฟเอคัพ คืนนี้ก็ได้

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top