ก่อนเกมแมนเชสเตอร์ดาร์บี้ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ในโลกโซเชียลคึกคักด้วยแฟนบอล ลิเวอร์พูล ที่ต่างพากันโพสต์ให้กำลังใจคู่อริตลอดกาลของพวกเขา เพื่อหวังว่าลูกทีมของ ราล์ฟ รังนิค จะโชว์ฟอร์มช่วยแบ่งแต้มกลับสู่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด และส่งผลให้การลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ของทีมรักมีโอกาสมากขึ้น
แต่มันก็ไม่เป็นผล, เมื่อเด็กของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา โชว์ความเหนือชั้นไล่ถล่มเอาชนะไปได้อย่างขาดลอยด้วยสกอร์ 4-1 ชนิดที่แข้ง ยูไนเต็ด สู้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง ทำให้ ซิตี้ ทำคะแนนทิ้งห่าง ลิเวอร์พูล ออกไปเป็น 6 คะแนนและแข่งมากกว่า 1 นัด
ความกดดันที่ถูกโยนใส่เมื่อวันเสาร์ตอนนี้กลับมาอยู่กับลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ อีกครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะแข่งน้อยกว่าแต่ก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาเก็บ 3 คะแนนให้ได้เพื่อลดช่องว่างให้เหลือ 3 คะแนนเท่าเดิม
แม้ก่อนลงสนามในเกมที่เฉือนเอาชนะ เวสต์แฮม อย่างหวุดหวิด 1-0 นายใหญ่ชาวเยอรมันให้สัมภาษณ์กับสื่อในทำนองที่ว่า เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า แมนฯ ซิตี้ จะเตะตอนไหน เพราะตนให้ความสำคัญกับเกมที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า แต่เชื่อเถอะว่าเจ้าตัวคงไม่สามารถละเลยกับผลการแข่งขันในเกมแมนเชสเตอร์ดาร์บี้ได้
และคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่านักเตะ ลิเวอร์พูล ก็คงนั่งลุ้นเกมนี้ไม่ต่างกับแฟนบอลของพวกเขาและก็น่าจะมีอาการ “วัยรุ่นเซ็ง”เหมือนกัน
เชื่อว่าหลายคนที่เห็นฟอร์มการเล่นของ ยูไนเต็ด ในเกมที่ผ่าน ๆ มาก็คงจะไม่ได้หวังว่าพวกเขาจะบุกไปเก็บ 3 คะแนนเหนือทีมร่วมเมืองได้ แต่นี่คือดาร์บี้แม็ตช์ที่มันค้ำคอกันด้วยศักดิ์ศรี ประวัติศาสตร์ และเกียรติยศ การต่อสู้จึงน่าจะออกมาดุเดือดเลือดพล่านซึ่งอย่างน้อยผลเสมอก็น่าจะไม่กลับออกมามือเปล่า
หากแต่ทีม ปีศาจแดง ในยุคสมัยนี้ไม่เหมือนกับเมื่อหลายปีก่อน แม้ว่าซัมเมอร์ที่ผ่านมาพวกเขาจะทุ่มเงินระดับ 100 ล้านปอนด์ในการดึงเอาผู้เล่นชื่อดังเข้ามาร่วมทีมไม่ว่าจะเป็น คริสเตียโน โรนัลโด้, ราฟาเอล วาราน และ เจดอน ซานโช ซึ่ง 2 คนแรกคือนักเตะที่มีประสบการณ์ในการคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก และแชมป์ลีกมาแล้วอย่างโชกโชน ส่วนอีกหนึ่งคือดาวรุ่งที่จะกลายเป็นนักเตะระดับท็อปของยุโรปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
แต่ในความเป็นจริง ราคาค่าตัวกับชื่อเสียงไม่ได้มาพร้อมกัน เพราะ ยูไนเต็ด มีปัญหาเรื้อรังเรื่องระบบการเล่นที่ทำให้พวกเขาไม่มีทิศทางที่แน่นอนตั้งแต่สมัยของ โอเล กุนนาร์ โซลชา จนมาถึงเจ้าพ่อเกเก้นเพรสซิ่งอย่าง ราล์ฟ รังนิค ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาพวกนี้ได้
เมื่อมาเจอกับบอลระบบแน่นและมีนักเตะที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูงอย่าง แมนฯ ซิตี้ ผลจึงออกมาอย่างที่เราเห็น
เจมี เร้ดแนปป์ อดีตกองกลาง ลิเวอร์พูล ถึงกับให้สัมภาษณ์หลังจบเกมกับ สกายสปอร์ต ว่า เยอร์เก้น คล้อปป์ และลูกทีมคงไม่แฮปปี้ที่ได้เห็นฟอร์มแบบนี้จากอริตลอดกาลของพวกเขา
“ในฐานะทีม มันไม่ได้ผลเลย มันต้องใช้เวลาและต้องการวัฒนธรรมที่เหมาะสม, ตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังตามหลังอยู่หลายล้านไมล์ ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาต่อจากนี้จะต้องใช้เวลาอย่างมากและเขามีอะไรหลายอย่างที่จะต้องทำ”
“ถ้าคุณเป็น เยอร์เก้น คล็อปป์ หรือ นักเตะ ลิเวอร์พูล ที่ได้ดูเกมนี้ คุณจะรู้สึกหงุดหงิดมาก เพราะพวกเขา (แมนยู) แทบไม่พยายามอะไรเลยในช่วงครึ่งหลัง”
สิ่งที่ เร้ดแนปป์ พูดนั้นไม่ห่างไกลจากความเป็นจริงมากนัก และดุเหมือนว่า แมนฯ ซิตี้ ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความประหม่าหรือกดดันแต่อย่างใด พวกเขายังคงเดินหน้าล่าแต้มอย่างไม่ยี่หระ ซึ่งจะว่าไปมันก็เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาเคยทำกันมาแล้วในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา
ดังนั้นทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับ ลิเวอร์พูล เองว่าจะมีความอดทนและมุ่งมั่นในการไล่ล่าทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ได้นานขนาดไหน ถึงแม้ว่าทั้ง 2 ทีมจะห้ามพลาด แต่เมื่อดูจากโปรแกรมแล้วดูเหมือนจ่าฝูงจะได้เปรียบอยู่เล็กน้อย
แข้ง หงส์แดง คงต้องท่องไว้ในใจเหมือนที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ทุกเกมต่อจากนี้คือ “นัดชิงชนะเลิศ” และไม่ได้ต้องไปสนใจคู่แข่ง มองดูเกมต่อไปของตัวเองและโฟกัสเพื่อเก็บชัยชนะให้ได้
หยุดอารมณ์ “วัยรุ่นเซ็ง” เอาไว้ก่อน แล้วเตรียมรับมือกับ อินเตอร์ มิลาน ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก คืนวันนี้ให้ดีที่สุดเพื่อการผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป
และพึงระลึกไว้เสมอว่า แม้ผลการแข่งขันใน แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ จะไม่ได้ดั่งใจ…แต่การลุ้นแชมป์ก็ยังไม่หมดหวังเลยซะทีเดียว