ดูเหมือนว่าการย้ายไปค้าแข้งที่ บาเยิร์น มิวนิค ของ ซาดิโอ มาเน จะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนอย่างที่เจ้าตัวคิดเอาไว้ เมื่อสถานการณ์ล่าสุด แฟนบอล “เสือใต้” ต่างอดรนทนไม่ไหวกับผลงานของทีมและเอาอารมณ์มาลงที่อดีตแข้ง ลิเวอร์พูล เป็นที่เรียบร้อย
ผลงานของ บาเยิร์น ใน บุนเดสลีกา นัดล่าสุด ทำงามหน้าด้วยการออกไปพ่ายให้กับ เอาส์บวร์ก แบบพลิกความคาดหมายด้วยสกอร์ 1-0 ทำให้ตอนนี้พวกเขาไม่ชนะใครเลย ใน 4 เกมหลังสุด และโดน ยูเนียน เบอร์ลิน ยึดตำแหน่งจ่าฝูงหน้าใหม่ทิ้งห่างไปแล้ว 5 คะแนนจากการลงสนาม 7 นัด
เรื่องแบบนี้มักจะเกิดขึ้นไม่บ่อยนักในฟุตบอลลีกเยอรมัน เพราะพี่เสือถือเป็นมหาอำนาจลูกหนังเมืองเบียร์ที่ยากจะมีใครโค่นลงได้ พวกเขาคว้าแชมป์ลีกติดต่อกัน 10 สมัยเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ และการเสริมทัพเมื่อช่วงซัมเมอร์ก็มีทีท่าว่าจะทำให้ทีมยังคงครองความเป็นใหญ่ได้อีกยาว ๆ
ซาดิโอ มาเน คือหนึ่งในนักเตะใหม่ที่ทำให้ ฮาซาน ซาลิฮามิดซิช ผู้อำนวยการสโมสรแสดงความภาคภูมิใจว่า ทีมของเขาไม่ได้เก่งแต่ดูดนักเตะในบ้านได้เท่านั้น แต่ยังสามารถดึงผู้เล่นระดับโลกมาร่วมทีมได้ด้วย
การเสีย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ไปให้กับ บาร์เซโลนา ทำให้พวกเขามองว่า มาเน คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ด้วยดีกรีและฝีเท้า ยิ่งในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังที่ ลิเวอร์พูล เจ้าตัวโชว์ฟอร์มในตำแหน่ง “ฟอลส์ไนน์” ได้อย่างน่าชื่นชม ยิงประตูเป็นว่าเล่น พาทีมลุ้นถึง 4 แชมป์ ดังนั้นการจ่ายเงินไปเพียง 35 ล้านปอนด์จึงเหมือนซื้อของดีราคาถูกไปโดยพลัน
แข้งวัย 30 ปีประเดิมสนามให้กับ บาเยิร์น ในเกม ซูเปอร์คัพ ได้อย่างสวยหรู โดยทำได้ 1 ประตูพาทีมเอาชนะ อาร์เบ ไลป์ซิก ไปอย่างท่วมท้นด้วยสกอร์ 5-3 ถือเป็นแชมป์แรกของ มาเน กับทีมใหม่ และถือเป็นการออกสตาร์ทชีวิตใหม่ที่ยิ่งกว่าความฝัน
เมื่อมาถึงการลงเล่นใน บุนเดสลีกา อดีตแข้ง หงส์แดง ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง เมื่อสามารถยิงประตูแรกให้กับตัวเองได้ทันทีในเกมแรกที่เอาชนะ ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ไปได้อย่างสุดอลังการ 6-1 จากนั้นก็มาคว้ารางวัล “แมนออฟเดอะแม็ตช์” ได้ในเกมที่ 3 ที่ถล่ม โบคุ่ม ไป 7-0 ซึ่งเจ้าตัวทำได้ 2 ประตูในเกมนี้ด้วย
3 เกมแรก ยิงไป 3 ประตู ไม่มีอะไรจะสวยงามไปกว่านี้อีกแล้วกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ใน บุนเดสลีกา
อย่างไรก็ตาม, ในอีก 4 เกมต่อมา บาเยิร์น ก็เกิดเครื่องสะดุด พวกเขาทำได้แค่เสมอกับคู่แข่งอย่าง โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค, ยูเนียน เบอร์ลิน และ วีเอฟบี สตุ๊ตการ์ท ก่อนจะมาพ่ายพลิกล็อกต่อ เอาส์บวร์ก ในเกมล่าสุด ทำให้ตอนนี้ร่วงลงมาอยู่อันดับ 5 ของตารางมี 12 คะแนนห่างจากจ่าฝูงอยู่ 5 แต้ม
หลังจบเกมดังกล่าว แฟนบอลจำนวนมากต่างออกมาตั้งคำถามกับฟอร์มการเล่นของนักเตะเงินล้านในทีมเสือใต้ และแน่นอนว่า ซาดิโอ มาเน ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ซึ่งดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะโดนหนักสุดเพราะด้วยการเป็นหนึ่งในนักเตะที่รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดของสโมสร
มีเสียงวิจารณ์ว่าแข้งเซเนกัลนั้นฟอร์มตกอย่างแรง ทักษะแย่ เลี้ยงบอลไม่ผ่านคู่ต่อสู้ สถิติการผ่านบอลก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ยิงประตูไม่คม ต่างจาก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ขวัญใจคนเดิมที่กำลังยิงระเบิดระเบ้อที่ บาร์เซโลนา
ส่วนหนึ่งวิจารณ์แรงกว่านั้น โดยบอกว่าการซื้อ มาเน มาร่วมทีมคือความสูญเปล่าของ บาเยิร์น มิวนิค และด้วยการได้ค่าเหนื่อยมหาศาลจึงโดนเปรียบเทียบกับนักเตะคนอื่น ๆ ในทีม ถึงขนาดที่ว่ามีแฟนบอลอยากให้สโมสรปล่อยตัวออกจากทีม ยิ่งในเดือนมกราคมนี้ได้ยิ่งดี
อดีตแข้ง ลิเวอร์พูล เคยออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับฟอร์มของตัวเขาในเกมที่เอาชนะ บาร์เซโลนา ในศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งแมตช์นั้นแม้ทีมจะกำชัยชนะได้ แต่ฟอร์มส่วนตัวของ มาเน ถือว่าแย่ ไม่มีบทบาทในเกมรุก ไม่สามารถเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งได้เลยจากความพยายามทั้ง 2 ครั้ง สร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมเป็นศูนย์ และชนะในการดวลตัวต่อตัวกับคู่แข่งเพียง 4 จาก 7 ครั้งเท่านั้น ก่อนที่จะโดนเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 70
“ผมลงเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายมาตลอดชีวิต ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีปัญหาเลย ผมสามารถเล่นได้ดีกว่านี้ ผมรู้ดี คุณไม่ต้องกังวลมากนักหรอก”
ในขณะที่ ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ก็ได้พูดถึงฟอร์มของ มาเน ในนัดดังกล่าว โดยยืนยันว่าการปรับตัวกับแท็คติกใหม่ต้องใช้เวลากว่าจะเข้าที่เข้าทาง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขายังไม่สามารถเจิดจรัสได้ภายใต้ชุดแข่งเสือใต้
“ซาดิโอ ลงเล่นในตำแหน่งใหม่ซึ่งเขาไม่เคยเล่นมาก่อนที่ ลิเวอร์พูล เราดีใจที่มีเขาอยู่ในทีม เขาจะสามารถเข้ากับระบบของเราได้อย่างแน่นอน”
เมื่อบวกกับเสียงวิจารณ์ที่เกิดขึ้นในเกมล่าสุด ดูเหมือน มาเน จะรู้แล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะลงหลักปักฐานใน บุนเดสลีกา ที่ใคร ๆ ก็ปรามาสว่า เป็นลีกบอทหรือเป็นลีกที่เก่งอยู่ทีมเดียว
เช่นเดียวกับ ดาร์วิน นูนเญซ ที่กำลังโดนเสียงค่อนแคะจาก เดอะ ค็อป ว่าเขาคือของปลอมจาก เบนฟิก้า การมีค่าตัวถึง 100 ล้านยูโร คือเรื่องของการตลาดล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับฝีเท้า
ดังนั้น ถ้าจะบอกว่า ซาดิโอ มาเน กับ ดาร์วิน นูนเญซ มีชะตากรรมที่ไม่แตกต่างกันก็คงไม่ผิดนัก…
อยู่ที่แฟนบอลว่าจะอดทนและให้โอกาสทั้งคู่พิสูจน์ตัวเองได้นานขนาดไหน