เยอร์เก้น คล็อปป์ ออกมายืนยันว่าเกม เมอร์ซีไซด์ดาร์บี้ ที่กำลังจะเกิดขึ้น จะต้องดุเดือดและเข้มข้นอย่างแน่นอน
ลิเวอร์พูล เตรียมเปิดบ้านพบกับ เอฟเวอร์ตัน ในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งสถานการณ์ของทั้งคู่ต่างต้องการ 3 คะแนนเหมือนกัน ต่างกันตรงที่ทีมหนึ่งเพื่อลุ้นแชมป์ แต่อีกทีมหนึ่งเพื่อการอยู่รอด
หงส์แดง ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะลงเตะหลังเกมที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม พบกับ วัตฟอร์ด ซึ่งต่อไป แตนอาละวาด จะต้องการ 3 คะแนนขนาดไหน แต่ต้องยอมรับว่านาทีนี้ไม่มีใครจะหยุด แมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป ได้ง่าย ๆ
นั่นหมายความว่า ลิเวอร์พูล จะถูกทิ้งห่างออกไป 4 คะแนนก่อนเป็นเวลาประมาณ 24 ชั่วโมง จากนั้นพวกเขาจะลงเล่นที่ แอนฟิลด์ กับ เอฟเวอร์ตัน ในเวลา 4 ทุ่มครึ่งของวันอาทิตย์
ที่เชื่อว่า ซิตี้ จะไม่พลาดในเกมของพวกเขาเพราะ หนึ่ง คู่แข่งไม่ได้แข็งอะไรมาก วัตฟอร์ด เตรียมตกชั้นไปเล่น เดอะแชมเปี้ยนชิพ แล้ว, อันนี้ไม่ได้ดูถูกนะ แต่ดูจากความเป็นจริง พวกเขาน่าจะรอดยาก สอง เป๊ป เพิ่งออกมาให้สัมภาษณ์หลังจบเกมที่เอาชนะ ไบรท์ตัน 3-0 เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ถ้าทีมของเขาสะดุดนิดเดียว ลิเวอร์พูล พร้อมคว้าแชมป์ได้เลย ซึ่งเชื่อว่าความคิดนี้ได้ถูกส่งผ่านไปยังลูกทีมทุกคนด้วย ดังนั้นเกมแบบนี้พวกเขายากที่จะพลาด
ดังนั้นสิ่งที่ ลิเวอร์พูล จะทำได้คือการเก็บ 3 คะแนนในเกมดาร์บี้แม็ตช์ให้ได้เพื่อลดช่องว่างลงเหลือ 1 คะแนนเท่าเดิม
ในขณะที่ เอฟเวอร์ตัน นั้นเดิมพันดูจะสูงกว่า เพราะพวกเขาอยากได้ 3 คะแนนเพื่อการอยู่รอดใน พรีเมียร์ลีก จากสถานการณ์ที่กำลังรั้งอันดับที่ 17 ของตาราง มี 29 คะแนนห่างจาก เบิร์นลีย์ ทีมอันดับ 18 โซนตกชั้นอยู่เพียงแต้มเดียว
แม้หลายคนอาจมองว่า ท็อฟฟี จะเอาอะไรมาสู้ ยิ่งในยุคนี้แล้วความห่างชั้นระหว่างเพื่อนร่วมเมืองยิ่งเพิ่มมากเท่าทวีคูณ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ยังดูสูสีกว่านี้
แต่ในช่วง 2 เกมหลังสุดมานี้ แฟรงค์ แลมพาร์ด กับลูกทีมก็ทำให้เห็นแล้วว่าพวกเขาต้องการแต้มขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นการเฉือนชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 และไล่ตีเสมอ เลสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 1-1 เมื่อ 2 วันก่อน
4 คะแนนจาก 2 นัดทำให้พวกเขาพอจะลืมตาอ้าปากได้บ้างแล้ว ถ้าได้แต้มจากการไปเยือน ลิเวอร์พูล ก็น่าจะช่วยเพิ่มความหวังในการหนีตกชั้นได้ด้วย ดังนั้นเกมที่ แอนฟิลด์ จึงไม่ง่ายเหมือนแม็ตช์แรกที่พวกเขาโดนถล่มคา กูดิสัน ปาร์ค ไป 4-1
คล็อปป์ จึงรู้ดีว่าการเจอกันของทั้งสองทีมนั้นมันมีมากกว่าผลการแข่งขัน และเขาก็ไม่ลืมว่าเพราะไอ้คำว่า “ดาร์บี้แม็ตช์” นี่แหละที่สร้างปัญหาอะไรให้กับทีมของเขาบ้าง
ย้อนกลับไปเมื่อซีซันก่อน ในเกมที่ กูดิสัน ปาร์ค เมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ทั้งคู่เสมอกัน 2-2 เกมนั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นของฟอร์มอันย่ำแย่ของ ลิเวอร์พูล ในเวลานั้น หลังจากที่ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ต้องถูกหามออกจากสนามหลังเริ่มเกมเพียง 6 นาทีจากการเข้าปะทะกับ จอร์แดน พิคฟอร์ด จนทำให้เอ็นไขว้หน้าฉีกขาด ส่งผลให้เขาปิดเทอมไปก่อนใครเพื่อน
ยังไม่พอ ในช่วงท้ายเกม ริชาร์ลิซอน ยังเสียบใส่ ติอาโก้ อัลคันทารา ที่เพิ่งย้ายมาเล่นกับ ลิเวอร์พูล อย่างน่าเกลียด จนทำให้ตัวเองโดนใบแดงและแข้งสแปนิชต้องพักยาวหลายเดือนเช่นกัน
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ คล็อปป์ จะออกมาพูดถึงเรื่องพวกนี้แบบอ้อม ๆ ก่อนเกมจะเริ่มขึ้น
“ผมรักความเข้มข้นและการใช้ร่างกายปะทะกันในเกมฟุตบอล”
“แต่มันมีกฎอยู่และเราต้องแน่ใจว่ามันจะไม่เลยเถิด พวกเขาทำให้มันเหมือนกับการย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลาเก่า ๆ ที่ยอดเยี่ยม แต่บางครั้งเราก็เจอกับปัญหาจากเรื่องพวกนี้ (การเข้าปะทะหนัก)”
“ผมแค่ต้องการความเข้มข้นถึงขีดสุด การปะทะที่หนักหน่วง และความดุเดือดที่ถูกต้องในเกมฟุตบอล แต่อย่าให้มันมากกว่านั้นเลย เพราะเรายังมีเกมหลังจากนี้อยู่”
บอส ลิเวอร์พูล คงอยากเห็นลูกทีมกลับออกจากสนามตัวเองแบบครบ 32 และเข็ดแล้วกับการต้องเสียนักเตะคนสำคัญในเกมแบบนี้