วันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา, ถือเป็นวันคล้ายวันเกิดของแข้งอาวุโสของ ลิเวอร์พูล อย่าง เจมส์ มิลเนอร์ ซึ่งเจ้าตัวมีอายุครบ 36 ขวบพอดิบพอดี พร้อมกับการนับถอยหลังสู่ 6 เดือนสุดท้ายของสัญญาฉบับปัจจุบัน
คำถามที่ตามมาก็คือหลังจากนี้ อนาคตในถิ่น แอนฟิลด์ ของ “น้ามิล” จะเป็นอย่างไรต่อไป….
ทราบกันดีว่าก่อนจะมาเป็นสมาชิกของ ลิเวอร์พูล, เจมส์ มิลเนอร์ ใช้ชีวิตกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาถึง 5 ปีก่อนจะตัดสินใจพร้อมเดินหน้าสู่ความท้าทายใหม่อีกครั้งหลังสัญญาหมดลง ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวได้รับความสนใจอย่างมากมายจากบรรดาทีมใน พรีเมียร์ลีก
สุดท้ายแล้วก็เป็น หงส์แดง ที่สามารถโน้มน้าวแข้งสารพัดประโยชน์รายนี้ให้ย้ายมาเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ ได้ และถือเป็นการตัดหน้าคู่แข่งสำคัญในเวลานั้นอย่าง อาร์เซนอล ที่ให้ความสนใจอยู่เช่นกัน
กับ ลิเวอร์พูล นั้น แม้ว่าการสวมเสื้อหมายเลข 7 ของเขาอาจจะไม่ได้โดดเด่นเฉกเช่นแข้งระดับตำนานอย่าง เซอร์ เคนนี ดัลกลิช หรือ หลุยส์ ซัวเรส ก็ตาม, แต่เจ้าตัวก็แสดงให้เห็นถึงคุณค่าที่ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ผ่านการทำงานหนักและความทุ่มเทที่มีให้กับทีม
ดาวเตะจาก ยอร์คเชียร์ ย้ายมายัง แอนฟิลด์ พร้อมด้วยประสบการณ์อันล้ำค่าและ DNA ของการเป็นผู้ชนะ หลังจากที่เคยคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ และ ลีกคัพ กับทัพเรือใบสีฟ้า มาก่อนหน้านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่แข้ง ลิเวอร์พูล ยังขาดหาย
มิลเนอร์ เลือกย้ายมาเล่นกับ หงส์แดง เพราะด้วยชื่อเสียงของการเป็นแชมป์ยุโรปมากที่สุดในเกาะอังกฤษและเป็นเกียรติยศเดียวที่เขายังไม่เคยสัมผัส ซึ่งเจ้าตัวเชื่อว่าสโมสรแห่งนี้จะช่วยสานฝันให้กับตนได้
และสุดท้าย เจมส์ มิลเนอร์ ก็คิดไม่ผิดจริง ๆ !
เมื่อกล่าวถึงบทบาทในทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ตลอดช่วงเวลาที่อยู่กับ ลิเวอร์พูล, เราอาจจะมองแข้งวัย 36 ปีว่าเป็นเหมือนอะไหล่ชั้นดีที่สามารถลงสนามได้ทุกตำแหน่ง หากแต่จริง ๆ แล้ว “น้ามิล” มีความสำคัญมากกว่านั้น เพราะในช่วงเริ่มต้นของกุนซือชาวเยอรมัน ก็ได้น้านี่แหละที่คอยเป็นตัวช่วยประสานและเป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้เล่นและทีมสตาฟฟ์ ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ผลักดันให้ทีมสร้างมาตรฐานการเล่นที่สูงขึ้นอีกด้วย
มาจนถึงตอนนี้, แม้จะอยู่ในวัยใกล้หลักสี่แล้วก็ตาม แต่ มิลเนอร์ คือนักเตะที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งแข้งที่ฟิตที่สุดของ ลิเวอร์พูล พร้อมทั้งยังเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่บรรดาแข้งดาวรุ่งในเรื่องของการดูแลตัวเองบนเส้นทางการเป็นพ่อค้าแข้งอีกด้วย
ความฝันของกองกลางสัญชาติผู้ดี ถูกเติมเต็มเมื่อเขาสามารถคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ เดอะเร้ดส์ ได้ในปี 2019 จากนั้นแชมป์ ยูฟา ซูเปอร์คัพ, แชมป์สโมสรโลก และ แชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 3 ของตัวเองก็ตามมาในปี 2020
และความสำเร็จเหล่านี้ได้ทำให้ มิลเนอร์ กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นชาวอังกฤษที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดตลอดกาลของ พรีเมียร์ลีก
อย่างไรก็ตาม, เส้นทางการค้าแข้งของชายวัย 36 กำลังจะถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้งในเดือนมิถุนายน หลังจากที่สัญญาปัจจุบันของเขากับ ลิเวอร์พูล หมดลง
ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า “น้ามิล” จะเลือกอนาคตของตัวเองอย่างไร เขาอาจจะได้รับสัญญาฉบับใหม่จากสโมสร หรืออาจผันตัวไปอยู่ในทีมสตาฟฟ์เพื่อหาประสบการณ์ก่อนจะก้าวขึ้นไปทำงานโค้ชอย่างจริงจังต่อไป
ว่ากันว่าโอกาสที่จะเป็นอย่างหลังนั้น ดูจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด เมื่อยืนยันจากบทสัมภาษณ์ของเจ้าตัว ที่เคยพูดถึงเรื่องนี้เอาไว้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อปี 2020 ว่า
“ผมคิดว่ามันจะเป็นอะไรที่ไร้ค่า หากผมต้องเลิกข้องเกี่ยวกับวงการฟุตบอล แต่ด้วยความโชคดีและศาสตร์ทางด้านฟุตบอลที่ได้รับมา ซึ่งผมว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดีที่ได้แบ่งปันสิ่งเหล่านี้และช่วยเหลือนักเตะคนอื่น ๆ”
“ผมอยู่กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่และได้ทำงานกับบางคน และคุณก็ได้รับรู้ถึงโอกาสที่สโมสรแห่งนี้มอบให้ ดังนั้นเราจะมาดูกันว่ามันจะเป็นอย่างไรในตอนสุดท้าย แต่ผมหวังว่าคงจะได้อยู่ที่นี่ต่อไปอีกซัก 2-3 ปี” มิลเนอร์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม, ไม่ว่ากองกลางวัย 36 ปีจะเลือกเส้นทางใด แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือ หลังจากลงสนามไป 268 นัดพร้อมกับการคว้าแชมป์ 4 รายการและประสบการณ์ที่เขาได้มอบให้กับสโมสรแห่งนี้…
ชายที่ชื่อ เจมส์ มิลเนอร์ ก็จะได้รับการกล่าวถึงในฐานะของ “ตำนานลิเวอร์พูล” ไปตลอดกาลอย่างแน่นอน